เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 86
บทที่ 86 วายร้ายที่ยากจะป้องกัน
คำตะโกนของถังเฉา ทำไมหลินฉ่ายเวยและคนอื่นๆตื่นจากฝัน
ในไม่ช้า ใบหน้าของพวกเขาก็เป็นน่าเกลียดอย่างไม่มีอะไรมาเปรียบได้เดิมทีพวกเขาไม่ได้คิดว่าจะมีบริษัทมาสปอนเซอร์ด้วยซ้ำ ไม่มีเงินสนับสนุนแล้วจะแบ่งเงินยังไง?
ดังนั้นพวกเขาจึงเคยคิดเงินการแบ่งเงินมาก่อน
แต่ตอนนี้ถังเฉาไม่เพียงแต่หาสปอนเซอร์มาได้ แต่ยังประธานจากบริษัทยักษ์ใหญ่ห้าสิบอันดับแรกของเมืองหมิงจูอีกต่างหาก แถมได้เงินสปอนเซอร์มาอีกแปดร้อยแปดสิบล้าน นี่มันยิ่งกว่าตัวเลขที่ใช้คำนวณในดาราศาสตร์อีกนะ!
ใบหน้าของหลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนนั้นกระตุกอย่างแรง พร้อมกับมองไปที่ถังเฉาด้วยสายตาที่แทบลุกเป็นไฟ
มีเงินมากมายขนาดนี้ จะแบ่งเงินจากพวกเขาก็ไม่ได้ จะทำยังไงให้พวกเขาสมัครใจกันล่ะ?
ตอนนี้ในใจของทุกคนนั้นต่างตื่นตระหนก ไม่เคยทำอะไรไม่ถูกขนาดนี้มาก่อน
หลินฉ่ายเวยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอชี้ไปที่ถังเฉาด้วยความโกรธ พร้อมกับพูดด้วยความโมโหว่า “ทำไมนายถึงบอกว่าเงินนี้พวกเราจะเอามาไม่ได้ เห็นว่าคนที่จะไม่ได้เงิน น่าจะเป็นายเองซะมากกว่า?”
ถังเฉามองหล่อนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยพร้อมพูดว่า “การทำงานร่วมกับลี่จิง ดูเหมือนว่าจะมีแต่พ่อที่ออกแรงช่วย พวกเธอ ออกแรงกันได้สักครึ่งหนึ่งหรือยังล่ะ?”
“……”
“เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหยูน หลินจ้องและคนอื่นไต่างพากันมองหน้า ขณะที่โกรธอยู่นี่ ก็แบบมีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง”
อันที่จริงตั้งแต่ต้นจนจบ ก็จะมีแต่หลินเจิ้นสงคนเดียวที่จัดการติดต่อธุรกิจกับทางลี่จิง พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย
“พวกเราไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แต่ว่าพวกเราคือคนในตระกูลหลิน สิ่งนี้มันปฏิเสธไม่ได้!”
หลังจากอดกลั้นมานาน หลินฉ่ายเวย หลินฉ่ายเวยก็ได้ปฏิญาณว่า “เพียงแค่พวกเราเป็นคนของตระกูลหลิน พวกเราก็มีคุณสมบัติในการได้แบ่งเงิน!”
หลังจากที่หลินฉ่ายเวยพูดจบ โจวเหม่ยหยูน หลินจ้อง โจวเหม่ยหลิงที่จริงใจโหดร้าย ก็ได้แต่หน้าด้านหน้าทนเห็นด้วย
“หลินฉ่ายเวยพูดถูก เรื่องของตระกูลหลิน คนนอกอย่างแกจะมาบงการได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ฉันเห็นว่าแกก็แค่โลภในสมบัติของตระกูลหลิน แม้แต่สักแดงเดียว แกก็ไม่มีทางที่ได้มันเลยด้วยซ้ำ!
หลังจากฟังพูดพวกนี้ ใบหน้าของถังเฉาก็ดูเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
หลินเจิ้นสงทนไม่ได้ที่จะดูครอบครัวที่เถียงกันเรื่องเงิน จึงถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง “เอาล่ะ เสี่ยวเฉา ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว แต่ก่อนฉันเคยบอกว่าจะกระจายเงินตามสัดส่วนของหุ้นครอบครัว เราจึงต้องทำตามที่พูดไว้ … ”
“ไม่ได้”
จากนั้น ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ถังเฉาก็พูดขึ้นมาขัดจังหวะว่า “พ่อ ท่านใจอ่อนเกินไปแล้ว ท่านปฏิบัติกับเขาเหมือนคนในครอบครัว พวกเขาล่ะ?คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลหลินงั้นเหรอ?”
เขามองไปที่โจวเหม่ยหยูนและคนอื่นๆอย่างเย็นชา เขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด “สามีภรรยาเป็นเหมือนนกที่คู่กัน ยามเกิดภัยพิบัติแม้แต่คู่รักก็จะดูแลซึ่งกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาเป็นภรรยา ลูกสาว พี่ชาย น้องสาวของท่าน ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นคนสนิทชิดเชื้อ แต่พวกเขากลับไปพึ่งซ่งเทียนซาน ไม่ถามถึงความลำบากของคนในบ้านเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้พอหาเงินได้ ก็มาคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน มันมีอะไรในโลกใบนี้ทีสวยขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
“คือ…”
จากคำพูดของถังเฉา ใบหน้าของหลินฉ่ายเวยและคนอื่นๆในตอนนี้หน้าตาน่าเกลียดสุดจะบรรยาย หลินเจิ้นสงได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
สิ่งที่ถังเฉานั้นได้พูดมา มีหรือที่เขาจะไม่รู้?เขารู้ดีกว่าถังเฉามากนักว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนยังไง
นี่คือกลุ่มคนที่เลี้ยงยังไงก็ไม่อิ่ม เป็นหมาป่าที่หิวโหยตลอดเวลา ไม่ยอมเสียตังค์จ่าย สนใจแต่สิ่งที่ตัวเองอยากได้เท่านั้น
แต่ถึงยังไง ก็ยังคงเป็นญาติคนใกล้อยู่ดี
แม้ว่าหลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนจะทำเรื่องแบบนี้ แต่สำหรับเขา เขาทำมันไม่ได้จริงๆ — ไม่อย่างนั้นเขาและพวกหล่อนจะมีอะไรที่แตกต่างกันล่ะ?
“ไอคนไร้ประโยชน์ แกหุบปากเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้น โจวเหม่ยหยูนก็มองไปที่ถังเฉาพร้อมกับคำด่าชุดใหญ่ “แกถูกไล่ออกจากตระกูลหลินไปแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้แกมาพูด!”
หลังจากนั้นชั่วครู่ เธอก็มองไปที่หลินเจิ้นสงอีกครั้งและพูดว่า “เรื่องนี้เรากลับบ้านไปค่อยคุยกัน เอะอะโวยวายบนถนนใหญ่เหมือนอะไรกัน คนอื่นเขาจะได้หัวเราะกันให้น่ะสิ!”
เธอเกลียดถังเฉาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงทำร้ายแม่กับลูกสาว แต่ยังถูกบริษัทลี่จิงขึ้นบัญชีทำอีกต่างหาก ตอนนี้ยังจะมาขัดประโยชน์ของเธออีก
แปดร้อยแปดสิบล้าน เงินเยอะขนาดนี้ ถ้าเงินแม้แต่แดงเดียวก็แบ่งไม่ได้ล่ะก็ มันคงทำให้เธอตายทั้งเป็น
ถ้าไม่มีถังเฉาอยู่ด้านข้างคอยเป่าลม ให้ไฟมันขึ้นล่ะก็ หลินเจิ้นสงจะต้องแบ่งเงินให้อย่างแน่นอน!
“พี่ใหญ่พูดถูก มีเงินเยอะก็ไม่ควรป่าวประกาศ เรื่องนี้ เรากลับบ้านแล้วค่อยคุยกันเถอะ”
โจวเหม่ยหลิงเองก็เข้าใจเจตนาของโจวเหม่ยหยูน มองไปที่ถังเฉาอย่างระแวดระวัง “แกไม่ใช่คนของตระกูลหลินแล้ว ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าประตูบ้านเราอีกต่อไป”
ขณะที่พูด พวกเขาก็เดินไปที่รถ
พรึ่บ—
ถังเฉาก้าวไปข้างหน้าและหยุดพวกเขาไว้
ดวงตาของเขากวาดมองทุกคนอย่างเย็นชาน้ำ น้ำเสียงของเขานั้นแทบจะไม่แยแสเลยทีเดียว
“ถ้าผมเห็นว่าใครกล้าก้าวเท้าแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็”
หลินฉ่ายเวยรู้สึกหวาดกลัวกับท่าทีที่น่ากลัวของถังเฉา เธอรู้ว่าถังเฉาเคยเป็นทหารมาก่อน ทันใดนั้นก็ก้าวถอยหลังออกมาอย่างระมัดระวัง
“ถังเฉา นายจะทำอะไรน่ะ?”
“ที่นี่เป็นถนนใหญ่นะ แกกล้าตีพวกเราเหรอ?”
โจวเหม่ยหยูนไร้ความกลัวเลยสักกะนิดเดียว หล่อนยื่นหน้าออกไปและพูดยั่วยุเขาว่า “มาสิ แกตีเลยตีมา ถ้าแกตีฉันจะแจ้งตำรวจ บอกว่าแกเจตนาฆ่า!”
ในสายตาของถังเฉานั้นมีแววของนักฆ่าอยู่ “ผมนำสปอนเซอร์มา ผมก็สามารถเรียกให้พวกเขาเอากลับคืนไปได้ ถ้าอย่างนั้น พวกคุณก็จะไม่ได้เงินสักหยวนเลยนะครับ”
โจวเหม่ยหยูนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “แกบื้อหรือเปล่าเนี่ยเงินที่ส่งไปแล้วก็เหมือนน้ำที่ถูเทออกมา ใครมันย้อนกลับคืนล่ะ?”
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา หาเบอร์ของหลัวปู้
ถังเฉายิ้มเบาๆและพูดว่า “หรือจะลองดู?”
เพียงแค่โทรครั้งเดียว หลัวปู้ก็จะสั่งให้ประธานทั้งสิบของบริษัทยักษ์ใหญ่ถอนคืนกลับมาเหมือนใหม่ได้ เอาค่าสปอนเซอร์คืนกลับไปให้หมด
“…..”
เมื่อเห็นว่าถังเฉานั้นดูมั่นใจมาก ทันใดนั้นโจวเหม่ยหยูนก็เลยรู้สึกตระหนกเล็กน้อย
ขณะที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้น
กึกกึกกึก
เสียงการเดินของเท้านั้นโดดเด่น เฉียบขาดและเดินมาพร้อมกับลมที่ปลิวไหว
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง เห็นเพียงแค่หลินชิงเสว่น้ำกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปก้าวเกินมาอย่างรวดเร็ว
บางทีอาจเป็นเพราะอิทธิพลของหลินชิงเสว่ ผู้บริหารระดับสูงนั้นจึงมีแต่ผู้หญิง ที่ทั้งสวยและมีความสามารถ
บนใบหน้าของพวกหล่อนนั้นไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม มีแต่ความเข้มงวดและความระมัดระวังตัวเท่านั้น คนมากมายเดินมาขนาดนี้ มันทำให้ดูมีออร่าขึ้นมาทันที
“ประธานหลิน”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเจิ้นสงก็ตะโกนเรียกทันที
หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนมองไปที่หลินชิงเสว่ด้วยความกลัว ไม่กล้าที่พูดเหมือนเมื่อกี้อีกต่อไป
หลินจ้อง โจวเหม่ยหลิงและคนอื่นๆเพิ่งจะเคยเห็นหลินชิงเสว่ในระยะใกล้ขนาดนี้ ตอนนี้พวกเขารู้สึกประหลาดใจกับความออร่าอันทรงพลังกับความงามอย่างไม่มีใครเทียบได้
หลินชิงเสว่ตอบสนองอย่างแผ่วเบา สายตามองไปที่หลินฉ่ายเวยแม่ลูกคู่นั้น พร้อมกับพูดว่า “ท่านหลิน ดูเหมือนว่าเรื่องในบ้านของท่านจะดูไม่ค่อยยุติธรรมกันสักเท่าไหร่เลยนะ”
สีหน้าของคนในตระกูลหลินนั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลินชิงเสว่มองไปที่โจวเหม่ยหยูนสองสามครั้ง เรื่องที่พูดกันเมื่อกี้ ประธานหลินคงได้ยินหมดแล้ว
“ทำให้ประธานหลินเห็นสิ่งที่น่าตลกนี่ซะได้”
หลินชิงเสว่ถอนสายตาออกมาและพูดเบาๆว่า “เมื่อกี้ฉันลองพิจารณาดูแล้ว การที่เอาเงินแปดร้อยแปดสิบล้านให้ตระกูลหลินดูแลทั้งหมดนั้น ฉันว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อใจพวกท่าน เพียงแต่ว่ามันยากที่จะป้องกันจากพวกวายร้ายน่ะ…”
หลินชิงเสว่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นก็เรียกชื่อหนึ่งออกมา “เฉียนหรุ่ย”
“ค่ะ”
ในกลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ด้านหลัง มีผู้หญิงผมหยิกอายุราวสามสิบเดินออกมา
หลินชิงเสว่ชี้ไปที่เฉียนหรุ่ยและแนะนำว่า “หล่อนเป็นผู้จัดการด้านการเงินของบริษัทเรา ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป หล่อนจะประเมินบัญชีรายรับและรายจ่ายของคุณอย่างเคร่งครัด เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ผู้จัดการทางด้านการเงินก็จะทราบ แล้วเราจะดำเนินตามกระบวนการยุติธรรม มีปัญหาอะไรกันไหม?”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาครับ”
“หลินเจิ้นสงดีใจเป็นอย่างมาก เขาตอบรับไปครั้งแล้วครั้งเล่า”
หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหยูน หลินจ้องและคนอื่นๆต่างพากันหมดหวัง ยุติความคิดเรื่องเงินแปดสิบแปดล้านไปในทันที