เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 87
บทที่ 87 ฉันจะกลับไปหาครอบครัวฉัน!
ปัง—
เมื่อกลับไปที่บ้านของตระกูลหลิน โจวเหม่ยหยูนกระแทกประตูด้วยความโกรธพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาอย่างอารมณ์เสีย
หลินฉ่ายเวย หลินจ้อง โจวเหม่ยหลิงเองก็มีใบหน้าที่เศร้าสร้อย ต่างไม่พูดอะไรออกมา
หลินเจิ้นสงอ้าปากตั้งใจที่จะเกลี้ยกล่อมพวกเขา แต่พอจะขยับปาก ก็หยุดลงทันที
เมื่อมองไปเห็นสมาชิกครอบครัวที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ในใจของเขาก็ผุดจิตวิทยาที่ดูน่าไร้สาระขึ้นมา
รู้สึกขบขันที่พวกเขาใช้สายตาอย่างคนแก่ในการมองคน นกอินทรีหากบินอยู่บนท้องฟ้า ยิ่งบินไกลไปเท่าไหร่ มดที่อยู่ที่พื้นก็ยากที่มองเห็นเท่านั้น
เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมา ในขณะที่กำลังจะสูบนั้น โจวเหม่ยหยูนก็ตบบุหรี่ลงกับพื้นและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังจะมามีอารมณ์สูบบุหรี่อีก”
ในเวลานี้บุหรี่ได้ถูกจุดขึ้นแล้ว แต่โจวเหม่ยหยุนก็ตบมันออกอีกและเผามันตรงหน้าของหลินเจิ้นสง
สีหน้าของหลินเจิ้นสงเองก็หมองมัว พร้อมกับพูดว่า “ไหนคุณลองพูดสิ ว่าตอนนี้ของคุณคือเมื่อไหร่?”
“เสี่ยวเฉาพาสปอนเซอร์มา ตระกูลหลินเองก็ได้ทำงานร่วมกับลี่จิงอย่างราบรื่น ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แล้วคุณจะมาไม่พอใจอะไรอีก?”
ไม่พูดเรื่องนี้เสียยังจะดีกว่า เมื่อพูดถึงมัน หลินฉ่ายเวยและคนอื่นๆสีหน้าก็ดูไม่ดีมากขึ้นเท่านั้น ดวงตาของโจวเหม่ยหยุนก็มีแผดเผาไฟแห่งความอิจฉาริษยามากขึ้น
แปดร้อยแปดสิบล้าน ไม่คิดเลยว่าจะไม่ได้เงินเลยสักหยวน เรื่องนี้มันได้กลืนกินสติของหล่อนไปเสียแล้ว
ความโกรธในใจทั้งหมดที่มีก็ได้ระเบิดออกมา “หลินเจิ้นสง คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า เงินแปดร้อยแปดสิบล้านนี้ก็เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลินเป็นคนเอามา พวกเราจะซื้อสิ่งที่เราชอบแล้วทำไมผู้หญิงกลุ่มนั้นต้องมายุ่งกันด้วย?”
“แต่นี้ หลินชิงเสว่ก็ให้ผู้จัดการด้านการเงินมาคอยตรวจสองสถานการณ์ของตระกูลหลินแล้ว ไหนที่เรียกว่าความร่วมมือ?นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นสัญญาที่ไม่ยุติธรรม เงื่อนไขนี้ยังยอมรับได้ คุณใช้ชีวิตเหมือนหมาแบบนี้มาหลายปีละนะ!”
“ทำไมประธานหลินถึงต้องเขามายุ่ง คุณไม่รู้เหตุผลงั้นเหรอ?”
หลินเจิ้นสงมองไปรอบๆอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ถ้าไม่ใช่พวกคุณที่เห็นแก่เงินขนาดนั้น ประธานหลินจะเข้ามายุ่งเหรอ?อีกอย่างผมคิดว่าสิ่งที่ประธานหลินได้ตัดสินใจมันไม่เลวเลยทีเดียว”
“นี่คุณโทษพวกเรางั้นเหรอ?”
โจวเหม่ยหยุนเหมือนคนปากร้าย เธอกรีดร้องออกมา “พวกเราทำไปเพื่ออะไรล่ะ ไม่ใช่เพื่อตระกูลเหล่าหรอกเหรอ?ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวมันผิดอะไร คุณมันไม่มีจิตสำนึก ฉันไม่รู้ว่าคนเฮงซวยนั่นไปมอบความสุขให้คุณแบบไหนคุณถึงได้หันศอกออกมาแบบนี้ —- ”
หลังจากที่พูด ดวงตาของโจวเหม่ยหยูนก็แดงก่ำ เธอร้องไห้ออกมา
เมื่อเห็นโจวเหม่ยหยูนร้องไห้ คนอื่นๆก็พากันมาปลอบใจ
“แม่ อย่าร้องไห้ไปเลย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้แบ่งเงินกัน แต่เราก็ยังมีงานดีๆทำกันนะ”
หลินฉ่ายเวยชักชวนอย่างรวดเร็ว “สวัสดิการของหลงเถิงกรุ๊ปนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้นำระดับกลางและระดับสูง นอกจากจะได้เงินเดือนหนึ่งแสนหยวนต่อเดือนแล้ว สิ้นปีก็ยังมีเงินปันผลอีก พอลองมาคิดดู ปีหนึ่งก็จะได้หนึ่งถึงสองล้านเลยนะ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา แต่ก็ไม่ได้ปลอบใจแต่อย่างใด โจวเหม่ยหยูนร้องไห้เสียใจหนักกว่าเดิม
“หนึ่งถึงสองล้านเหรอ?มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันล่ะ มันเทียบไม่ได้กับเงินแปดร้อยแปดสิบล้านหรอกนะ!ไม่เป็นแม้แต่เศษตะกอน!”
“ไปเอาเงินปันผลของเขามา ฉันไม่สนใจหรอกนะ หลินเจิ้นสง วันนี้คุณต้องให้คำพูดดีๆกับฉันนะ ฉันเป็นภรรยาของคุณ ฉ่ายเวยเป็นลูกสาวของคุณ คนอื่นๆก็ต่างเป็นญาติพี่น้องของคุณทั้งนั้นเงินนี้ คุณจะแบ่งหรือไม่แบ่ง!”
โจวเหม่ยหยูนเริ่มเสียสติอีกครั้ง เธอร้องไห้พร้อมกับโหวกเหวกโวยวาย ต่างบังคับและข่มเหง
ดูแล้วเหมือนกับว่าโจวเหม่ยหยูนนั้นคือแม่ค้าบ้าเลือดชัดๆ หลินเจิ้นสงตกอยู่ในความเงียบทันที
หลินฉ่ายเวย หลินจ้องและโจวเหม่ยหลิงเองต่างก็พูดชักชวน
“พ่อ ท่านเห็นแม่ร้องไห้ขนาดนี้แล้ว ท่านทำตามที่แม่บอกเถอะค่ะ ยังไงหล่อนก็ทำเพื่อตระกูลของเรา”
“ใช่แล้ว เจิ้นสง เงินตั้งแปดร้อยแปดสิบล้าน โครงการที่ไหนมันจะต้องใช้เงินมากขนาดนั้นกัน?แบ่งแค่เล็กๆน้อยๆมันก็เป็นเรื่องธรรมดามาก ถ้ามันไม่ได้จริงๆ เราค่อยใช้เงินซื้อหญิงที่ชื่อเฉียนหรุ่ยคนนั้น แค่อย่าให้ประธานของลี่จิงกรุ๊ปรู้เรื่องนี้ก็พอ”
“ความยากจนของตระกูลหลินนั้นเป็นยังไง ก็ไม่ใช่ว่าพี่เขยไม่รู้”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ยิ่งพวกเขาพูดมากเท่าไหร่ หลินเจิ้นสงก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าการโน้มน้าวใจนี้ไม่เป็นผล ใบหน้าโจวเหม่ยหยูนก็บึ้งตึงมากขึ้น หล่อนชี้นิ้วไปที่หลินเจิ้นสงที่กำลังตัวสั่นและพูดว่า “โอเค หลินเจิ้นสง คุณดีมาก—ฉันโจวเหม่ยหยูนติดตามคุณตั้งแต่อายุยี่สิบสาม ไม่ทิ้งคุณถึงแม้คุณเคยแต่งงานมาก่อน ปฏิบัติต่อคุณด้วยความจริงใจ แต่กับแลกด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ วันนี้ฉันจะทิ้งคำพูดนี้เอาไว้ที่นี่ เงินนี้ ถ้าคุณไม่แบ่งให้ ฉันจะเอาฉ่ายเวยกลับไปหาครอบครัวของฉัน!ไม่ต้องใช้ชีวิตกันแล้ว! ”
หึม—–
ทันทีที่พูดออกมา ไม่เพียงแต่หลินฉ่ายเวยที่เปลี่ยนไปมากแต่ใบหน้าหลินเจิ้นสงเองก็กระตุกอย่างแรง
“เมื่อกี้คุณพูดว่ายังไงนะ!” เขาตะโกนอย่างดัง แสดงให้เห็นถึงความเป็นหัวหน้าของครอบครัว
โจวเหม่ยหยูนตกใจ แต่ก็ยังคงกัดฟันพร้อมกับพูดข่มเหงไป “เงินนี้ฉันไม่ได้ต้องการเงิน ให้คนละร้อยล้านหยวนก็พอ ส่วนเงินที่เหลือก็เอาไปร่วมงานกับลี่จิงกรุ๊ป ถ้าคุณไม่ให้ ฉันจะพาฉ่ายเวยกลับไปหาครอบครัวของฉัน”
“แม่ แม่กำลังพูดอะไรอยู่”
ใบหน้าของหลินฉ่ายเวยนั้นซีดเผือด พร้อมกับเกลี้ยกล่อมอย่างกระวนกระวาย “แม่กับอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีแล้ว จะมาแยกกันเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้!”
“แกเงียบไปเลย!”
โจวเหม่ยหยูนตบไปที่หน้าของหลินฉ่ายเวย ทุกคนต่างพากันเงียบสงัด มีแต่โจวเหม่ยหยูนที่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “นี่มันเรื่องเล็กน้อยงั้นเหรอ?เงินเยอะขนาดนี้ จะเก็บไว้คนเดียวหรือไง?เป็นไปไม่ได้!ถ้าคุณไม่ให้ เราก็ไม่ต้องมาใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว แกกลับบ้านตระกูลโจวกับฉัน”
ขณะที่พูด ก็ยังคงมองไปที่หลินเจิ้นสงอย่างเย็นชา “ฉันเห็นว่าเขาคงลืมไปแล้วว่าตอนแรกที่เขาทำงานอยู่ที่หมิงจูคนเดียว ใครเป็นคนช่วยเขา”
หลินฉ่ายเวยที่โดนตบอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาก็เบิกกว้าง ได้แต่มองไปที่หลินเจิ้นสงอย่างช้าๆ ได้แต่หวังว่าพ่อของตนจะขอโทษโจวเหม่ยหยูน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หลินฉ่ายเวยต้องผิดหวังก็คือ หลินเจิ้นสงนั้นไม่ได้แยแสเลยสักกะนิด
ได้แต่เห็นเขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “สิ่งที่เสี่ยวเฉาพูดมันก็ไม่ผิด เป็นเพราะฉันจะใจอ่อนเกินไป ตามใจพวกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า”
“ผมพูดอย่างชัดเจนไปแล้วว่าคุณเป็นญาติคนใกล้ชิดของเรา ถ้าได้กำไรก็ต้องกระจายไปตามสัดส่วนของการถือหุ้น แต่นี่แค่สปอนเซอร์ยังไม่ทันทำกำไรเลยด้วยซ้ำ พวกคุณก็รอกันไม่ไหวต้องการให้แบ่งเงิน พวกคุณนี่มันบ้าเงินจริงๆ!”
ทันใดนั้น ดวงตาของหลินฉ่ายเวยก็หมองลง ส่วนโจวเหม่ยหยูนเองก็โกรธจนตัวสั่น ใบหน้าดูไม่ค่อยดี
“ถังเฉา ถังเฉาอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณโชคร้ายล่ะก็ ฉันก็คงไม่ต้องตกต่ำมาจนถึงจุดนี้…” หล่อนได้แต่ขบฟัน ดวงตาของหล่อนประกายความอาฆาตแค้นออกมา
ในขณะที่หลินจ้อง โจวเหม่ยหลิงและคนอื่นๆกำลังจะพูดเกลี้ยกล่อม หลินเจิ้นสงก็โบกมือทันทีและพูดเสียงแข็งว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว เงินนี้ยังไงก็แบ่งไม่ได้ หล่อนไม่ได้อยากกลับไปบ้านเกิดของครอบครัวไม่ใช่เหรอ ให้หล่อนไปสิ!”
“พ่อ—”
“พอแล้ว!”
ด้วยเสียงที่ตะโกนดังขนาดนี้ หลินเจิ้นสงหันไปมองโจวเหม่ยหยูน จากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นบนโดยที่ไม่หันหลังมองกลับมา
โจวเหม่ยหยูนเองก็มึนงงไปชั่วขณะ สิ่งนี้เองทำให้หล่อนกรีดร้องและชี้นิ้วไปที่หลินเจิ้นสงอย่างบ้าคลั่ง
“หลินเจิ้นสง แล้วคุณจะต้องเสียใจ!”
หลังจากพูดจบก็คว้ามือของหลินฉ่ายเวยและกระแทกประตูออกไป
“พี่เขย ถ้าทำกับพี่สาวเราแบบนี้ ตระกูลโจวค่อยไม่ปล่อยพี่ไปง่ายๆ”
เมื่อได้ทิ้งประโยคเย็นชานี้เอาไว้ โจวเหม่ยหลิงและโจวซูหัวก็ได้เดินจากไป
ตระกูลหลินที่ว่างเปล่านี้ เหลือเพียงแค่หลินเจิ้นสงแต่เพียงผู้เดียว
แสงสลัวค่อยๆกระทบที่หลังของเขา ในเวลานี้เอง เขาไม่มีความเด็ดเดี่ยวได้ถึงครึ่งของเมื่อครู่แต่อย่างใด หลังของนั้นไม่ได้ตรงอีกต่อไป ในตอนนี้ด้านหลังของเขานั้นมันช่างดู—เหงาแบบบอกไม่ถูก
เขาเปิดลิ้นชักออกมาอย่างสะท้าน จากนั้นจึงเปิดตู้เซฟ
ในตู้เซฟนั้นไม่ได้เงินหรือบัญชีเงินฝากแต่อย่างใด มีเพียงแต่รูปถ่ายสีเหลืองเก่าอยู่ใบหนึ่ง
ในภาพนั้นก็คือรูปถ่ายหมู่ของครอบครัวสามคน
ในภาพมีชายหนุ่มรูปงานกับหญิงสาวที่ดูอ่อนโยนกำลังอุ้มเด็กสาวตัวน้อยที่ดูดจุกนมอยู่
หลินเจิ้นสงลูบภาพเก่าๆใบนี้ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า ในขณะที่ปลายนิ้วถูกไล่ถูลงมาถึงใบหน้าของหญิงสาวที่มีรอยยิ้มที่แจ่มใสคนนั้น
น้ำตาไหลออกมาจากขอบตา หยดลงบนภาพถ่ายเก่าๆใบนั้น
“เหมย ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน…