เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 90
การต่อสู้ยังไม่ทันได้เริ่มขึ้น มันก็ได้จบลงแล้ว
เฮ้อเฮ้อเฮ้อ—
กระดาษทิชชู่ที่เหมือนกับมีดนั้น ได้ตกลงบนใบหน้าของหม่าจง มันทั้งขูดที่เนื้อหนังของเขา รวมถึงทำให้เสื้อผ้าของเขาขาดริ้วอีกด้วย
“อา–”
เขานอนอยู่บนพื้นเหมือนกับขอทาน ปิดใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างแน่น
เลือดที่หนาแน่นไหลลงตามปลายนิ้วและหล่นลงบนพื้น
รอจนหม่าจงเอามือออก หวางเยี่ยนก็เห็นสภาพที่สังเวชของเขา พร้อมกับร้องอุทานออกมา
หล่อนรู้สึกเย็นยะเยือกเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของหม่าจงตอนนี้นั้น โดนบาดซะจนไม่เหลือเค้าความเป็นคน
จมูกหัก เลือดไหลออกมา นิ้วทั้งสองนิ้วของเขาเองก็ถูกบาดซะจนขาดและกระดิกเบาๆอยู่บนพื้น
ไม่เพียงแค่นั้น ทั้งใบหน้าต่างเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนมากมาย กระดาษทิชชู่ทุกๆแผนต่างบาดเข้าไปในเนื้อของเขา เนื้อและหนังต่างถูกกรีดทั้งสองข้างของใบหน้า เผยให้เห็นกระดูกขาวๆข้างในบางๆ
ด้วยสถานการณ์ที่น่าเศร้าเช่นนี้ แม้แต่หวางเยี่ยนที่เคยพบคดีที่โหดร้ายมา ก็ยังรู้สึกได้ถึงความสยอง–ใบหน้าของเขา พังยับเยิน
อย่างไรก็ตามถังเฉายังคงนั่งอยู่ในที่นั่งของเขาอย่างสงบ เขาจิบกาแฟอย่างไม่ได้สนใจใยดีอะไร ราวกับว่าเรื่องที่เมื่อครู่นั้นเป็นเรื่องที่เล็กน้อยเป็นอย่างมาก
“แกเป็นใครกันแน่…..”
ความแตกต่างของทั้งสองฝ่าย ทำให้หวางเยี่ยนนั้นไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่
“เวทมนตร์—นี่คือวิธีของเวทมนตร์ชัดๆ—”
ในใจของหม่าจงทุกๆด้านนั้นพังทลายลง จิตใจวุ่นวายไปหมด เขาชี้ไปทางถังเฉาอย่างหวาดกัลวและตะโกนร้องออกมาเสียงดัง
หากไม่ใช่วิธีของเวทมนตร์ กระดาษทิชชู่มากมายขนาดนั้นจะมาบาดตัดจมูกและนิ้วของเขาขาดได้ยังไกัน?
ไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน!
“เวทมนตร์?” ถังเฉาหัวเราะ
เขายิ้มอย่างดูถูก หัวเราะให้กับความไม่รู้ของเขา
จากนั้นเขาก็เข้าใจว่าสมาคมศิลปะการต่อสู้นี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังภายในคืออะไร
นี่ตน…ใช้ำลังมากเกินไป จนมันไปทำลายความรู้ความเข้าใจของเขาหรือเปล่านะ?
เขาเอาความโกรธมาเป็นพลัง รวมลมหายใจไว้ด้วยกัน นี่เป็นวิธีเดียวที่จะเข้าสู่ศิลปะการต่อสู้
เย่เทียนหลง จ้าวเชียนจูนและหม่าจงคงจะอยู่ในขั้นตอนของความแข็งแกร่ง แต่เขานั้นมาถึงจุดสูงสุดแล้วแววตาของจ้าวเชียนจูนนั้นเต็มไปด้วยความตกใจ สีหน้าเป็นทั้งสีขาวและแดง
ตำแหน่งของเขาสูงกว่าหม่าจงเพียงนิดเดียว ดังนั้นสิ่งที่เขารู้ก็ไม่มากนัก
คน ๆ นี้น่าจะมีความแข็งแกร่งเป็นนักศิลปะการต่อสู้ชั้นยอด …
แต่ในไม่ช้า สติของเขาก็กลับมา มองไปที่ถังเฉาด้วยสายตาที่มืดมน
แม้ว่าจะเป็นนักต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เขาไม่ใช่ที่หนึ่งในสมาคมนักต่อสู้ เขาอยู่ในตำแหน่งที่พิเศษเลยไม่เกรงกลัวต่ออะไร
แปะ–แปะ—
เขาปรบมือเบาๆและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วิเศษ วิเศษมาก ฉันถึงพูดไงว่าทำไมนายถึงมีความมั่นใจมากขนาดนี้ ที่แท้นายก็มาจากตระกูลฝึกนี่เอง”
เวลาต่อมา จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มของจ้าวเชียนจูนก็กลายเป็นบูดบึ้ง “แต่นายกลับกล้ามาทำพวกเราคนของสมาคมนักต่อสู้เหรอ?รู้หรือเปล่าว่ากำลังจะเจอกับอะไร?”
“มันคืออะไรงั้นเหรอ?”
ถังเฉาถามเบาๆ
ปฏิกิริยาของถังเฉาเมื่อครู่ ทำให้จ้าวเชียนจูนโกรธเป็นอย่างมาก “นายจะต้องโดนตามล่าจากสมาคมนักต่อสู้ นายจะเผชิญหน้ากับคนจากสมาคมนักต่อสู้มั้งหมด!”
เมื่อพูดจบ เขาคิดว่าถังเฉาจะตกใจ หวาดกลัว แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นถังเฉายังคงนิ่งเฉย
แม้กระทั่งเมื่อเขาจะได้ยินประโยคสุดท้ายเขาก็ยิ้มอย่างเย้ยหยัน มันเหมือนฟังเรื่องตลกอย่างไงอย่างงั้น
“แกหัวเราะอะไร?” จ้าวเชียนจูนนั้นรู้สึกโดนดูถูก
ถังเฉาจิบกาแฟและค่อยๆพูดว่า “ฉันจะโดนตามหาโดยสมาคมนักต่อสู้ไหม อันนี้ฉันไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้ก็คือ นายกำังจะถูกคุณตำรวจหวางจับ”
“ฉัน?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวางเยี่ยนที่กำลังตกตะลึงอยู่ก็สับสนมากขึ้น “ทำไมฉันต้องจับเขาด้วยล่ะ?”
“คุณตำรวจหวาง นี่ผมทำให้คุณตกใจเหรอครับ?ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย” ถังเฉาถามหวางเยี่ยนด้วยรอยยิ้มจางๆ
หวางเยี่ยนยืนโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าสวยๆของหล่อนนั้นแดงก่ำ
นั่นก็เป็นเพราะว่าหล่อนโดนถังเฉาทำให้ตกใจแล้วจริงๆน่ะสิ
ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระดาศทิชชู่ให้เป็นมีด หรือแม้แต่สภาพที่น่าสังเวชของหม่าจงล้วนกระทบต่อดวงตาและจิดใจของหวางเยี่ยนเป็นอย่างมาก
หล่อนรู้แต่เพียงทักษะการต่อสู้ในระยะประชิด สำหรับเหล่อนแล้ว บุโดนั้นถือเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากๆ–มันเป็นโลกที่หล่อนไม่เคยไปสัมผัสมาก่อน มันทั้งแปล ใหม่ และน่าตกใจ
“นี่หนุ่มน้อย ฉันขอโน้มน้าวให้คุณระวังคำพูดหน่อย ฉันสามารถฟ้องร้องคุณในข้อหาใส่ร้ายได้นะ”
จ้าวเชียนจูนนั้นจมอยู่ในความคิด เขากล่าวอย่างใจเย็น
“นี่ต้องให้ฉันแทงนายก่อนใช่ไหม นายถึงจะยอมแพ้?”
ถังเฉานั้กนลับสู่ความสงบ เขากวาดตามองไปที่จ้างเชียนจูนอย่างไม่ละสายตา
ทันใดนั้น จ้าวเชียนจูนก็รู้สึกเหมือนตกอยู่ในบ่อน้ำแข็ง เขาเกิดภาพลวงตาขึ้น แต่ต่อนห้าของถังเฉ่านั้น เขาก็เป็นแค่คนที่ใสๆ ไมมีอะไรเลย
“คุณกำลังพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
แต่เขายังคงกัดฟันกรอดๆอยู่ “ฉันมาที่นี่กับหม่าจงเพื่อที่จะดื่มกาแฟ แล้วก็บังเอิญมาเจอกับคุณตำรวจหวาง นายจงใจทำร้ายคน นายต้องรับผิดชอบ คนที่ควรโดนจับคือนาย!”
ถังเฉาไม่เคลื่อนไหวใดๆ เขายังคงจ้องมองไปที่จ้าวเชียนจูน
“แค่แวะมาดื่มกาแฟ แล้วบังเอิญเจอคุณตำรวจหวางที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่?”
“การแสดงความรักในที่สาธารณะและการสร้างความตื่นเต้นจากกลุ่มคน มันช่างเป็นโอกาสที่ดีในการขัดขวางคุณตำรวจหวางไม่ให้จับกุมนักโทษต่างหาก”
“และก็คงจะไม่ได้ตั้งใจพูดว่าหล่อนเป็นตำรวจ เพื่อที่จะให้คนกลุ่มนั้นไหวตัวทันและหนีไปท่ามกลางฝูงคน—คุณพูดได้ไหมล่ะว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้?”
เวลาต่อมา ดวงตาของถังเฉานั้นแหลมคมเหมือนดาบ ที่ได้มาแทงทะลุหัวใจของจ้าวเชียนจูน
เมื่อหวางเยี่ยนได้ฟัง หล่อนก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้
ครั้งแรกเป็นเรื่องบังเอิญ ครั้งที่สองคือโชคชะตา ครั้งที่สาม…มันหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว!
หล่อนมาที่ด้านหน้าของจ้าวเชียนจูนด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม ไม่ได้สนใจความเขาเป็นคู่ของหล่อนหรือคู่ค้าธุรกิจไม่ “คุณจ้าว ได้โปรดให้คำอธิบายที่ามเหตุามผลกับฉัน ไม่เช่นนั้น ก็ตามฉันมา”
ในขณะนี้ใบหน้าขอองจ้าวเชียนจูนนั้นซีดลง มองไปที่ถังเฉาด้วยสามตาที่หวาดกลัวเล็กน้อย
เขาคิดว่าเขาแสดงเป็นธรรมชาติแล้วนะ แม้กระทั่งหวางเยี่ยนที่เป็นตำรวจก็เคยหลอกมาแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่า จะไม่รอดพ้นสายตาของถังเฉา
เขาเป็นใครกันแน่?
อย่างไรก็ตามจ้าวเชียนจูนเองก็มีประสบการณ์มามาก เพียงชั่วครู่ เขาก็กลับมาทำตัวตามปกติได้อีกครั้ง
“เป็นเหตุผลที่ดีมาก ว่าแต่คุณมีหลักฐานหรือเปล่าคะ?”
เขามองไปที่ถังเฉาและหวางเยี่ยนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ขอให้คุณมารัก มันผิดกฎหมายด้วยงั้นเหรอ?”
ใบหน้าของหวางเยี่ยนยังคงสงบและไม่ได้พูดอะไรออกมา ความจริงแล้ว หากพึ่งแค่สิ่งเหล่านี้ หล่อนไม่สามารถจับตัวจ้าวเชียนจูนได้อยู่แล้ว
หลักฐาน หล่อนต้องการหลักฐาน
เมื่อเห็นหวางเยี่ยนเงียบ จ้าวเชียนจูนก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส
เขาสามารถพูดได้อย่างสมบูรณ์ว่านี่เป็นการใส่ร้ายที่ไร้สาระ อย่างไรก็ตามกลุ่มคนนั้นได้หนีไปแล้วและคงไม่กลับมาภายในเวลาอันสั้นแน่ๆ…
อย่างไรก็ตาม แววตาของจ้าวเชียนจูนที่เปลี่ยนไปนั้น ถังเฉารู้อย่างชัดเจน
เขาส่ายหัวและพูดอย่างเห็นใจว่า “ดูเหมือนว่าไม่เห็นโลงศพจะไม่หลั่งน้ำตานะเนี่ย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายรู้ตัวเองดี ว่านายอยากที่จะแก้แค้นฉัน”
จ้าวเชียนจูนนั้นคาดเดาอย่างโหดเหี้ยม “นายต้องการที่จะยืมมือของหวางเยี่ยนจับฉันเข้าคุกใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่ต้องให้ลำบากขนาดนั้นหรอก”
ถังเฉาส่ายหัวและพูดอย่างเบาๆว่า “เชื่อไหมล่ะ ว่าภายในห้านาที คนกลุ่มนั้นที่หนีไปจะกลับมาเอง”