เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 1036 ถามลูกของคุณเอง
“ในส่วนนี้ คุณก็ต้องถามลูกชายของพวกคุณเองแล้วล่ะ คนสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ ก็เป็นลูกชายของพวกคุณนั่นแหละ”
“……”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของถังเยว่เหมย ถังเยว่หวากับถังเหยียนก็พากันหันมองไปยังถังเฉา สีหน้าอึดอัด
“ลูก ลูกทำได้ยังไง? เรื่องที่น้าของลูกทำไม่ได้มาเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้ ทำไมลูกถึงสามารถทำได้แค่เพียงเวลาไม่กี่สัปดาห์?”
พอเห็นท่าทางที่เหลือเชื่อของถังเยว่หวา ถังเฉาก็รู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย ลูบหัวของตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความอึดอัด
ที่ของพวกเขาสองคน แต่ไหนแต่ไรถังเฉาไม่มีทางเป็นแบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นพ่อแม่ของตัวเอง
ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่เข้าใกล้แล้ว ดูยังไงก็เหมือนลูกของสองคนนี้อยู่ดี
“ผมแค่ทำเรื่องที่ควรทำก็เท่านั้น ตอนนี้ดึกมากแล้ว เดี๋ยวถ้าลงเขาไป ทั้งเขาก็จะแออัดมาก สู้พวกเราลงไปก่อนดีกว่า มีเรื่องอะไรก็ค่อยคุยกัน”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของถังเฉา ถังเยว่หวากับถังเหยียนก็ไม่ถามเค้นถังเฉาต่อ
ระหว่างทาง ถังเยว่หวากับถังเหยียนเอาแต่ถามเรื่องของประสบการณ์ในช่วงหลายปีมานี้กับลูกชายของตัวเองตลอดทั้งทาง ส่วนถังเฉาก็แค่เล่าไปครึ่งไม่เล่าครึ่ง
ไม่ว่ายังไงช่วงวันเวลาที่นานขนาดนั้น จะเล่าให้หมดในช่วงระหว่างทางนี้ได้ยังไง
“ลูก จากที่ลูกพูดมา ตอนนี้ตระกูลถังยอมให้พ่อกลับไปแล้วเหรอ?”
ถังเหยียนยังรู้สึกว่าเหลือเชื่ออยู่ไม่น้อย ถึงยังไงตัวเองก็ไม่ได้ถูกปล่อยออกมานานหลายปีขนาดนี้ พอลูกชายของตัวเองมา ตระกูลถังกลับยอมลดหย่อนประนีประนอมทันที
“ถูกต้อง ถังซานฉ่ายเห็นด้วยกับการที่ให้พวกเรากลับสู่ตระกูลถัง แถมยังถือโอกาสนี้ให้พวกเราได้สามารถฟื้นฟูตระกูลถังกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วย”
หลังจากที่ได้ฟังถังเฉาพูดแล้ว ในใจของถังเยว่เหมยกับถังเหยียนก็เต็มไปด้วยความปิติดีใจ แต่ในตอนนี้เองถังเยว่หวากลับส่ายหัวยิ้มๆ
“ลูก เรื่องมันก็ดีอยู่หรอก แต่อายุของแม่กับพ่อของลูกมากแล้ว แม่ก็พอจะเป็นพระอริยมารดรได้อยู่ แต่พ่อของลูกล่ะก็อาจจะไม่ยอมเป็นผู้นำตระกูลแน่นอน”
ในฐานะที่เป็นภรรยาของถังเหยียน แน่นอนว่าถังเยว่หวารู้ดีว่าสามีของตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ แค่การแสดงออกนิดเดียว ถังเยว่หวาก็เดาได้ทั้งหมดแล้ว ตอนที่ถังเยว่หวาพูดประโยคนี้ออกมา ถังเหยียนก็พยักหน้าทันที
“ถูกต้อง ดังนั้นผู้นำตระกูลของตระกูลถังนี้ยกให้ลูกก็แล้วกัน”
หลังจากที่ถังเฉาได้ยินประโยคนี้แล้ว ก็สีหน้าช็อกตกใจทันที
แม้จะรู้ว่าพลังของถังเหยียนสามารถเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลถังได้ แต่ถังซานฉ่ายก็ไม่มีทางโต้แย้งอะไรแน่นอน ถึงยังไงนานหลายปีขนาดนี้ ถังซานฉ่ายก็เป็นจนเบื่อแล้ว แทบอยากจะให้มียอดฝีมือสักคนมารับช่วงต่อสักที
ตำแหน่งผู้นำตระกูลของตระกูลถังตำแหน่งนี้ ไม่คิดว่าจะถูกพ่อที่อยู่ในถ้ำมานานหลายปีของตัวเองปัดทิ้งไป ถึงขนาดที่ปัดมาให้กับตัวเองด้วย
“พ่อแม่ นี่เกรงว่าจะไม่ได้หรอกครับ ไม่ว่ายังไงผมก็เป็นแค่เด็กรุ่นหลัง ต่อให้ถังซานฉ่ายไม่เป็น ผู้นำตระกูลก็ไม่ตกมาถึงผมหรอก พวกเรายังมีถังเย่ คุณลุงอยู่อีกนะ”
อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ถังเฉาก็รู้ดีถึงแม้ว่าถังเย่จะทำให้ตัวเองยากลำบาก แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเลวมากมายอะไร ถ้าเกิดได้มารับผิดชอบตระกูลถังล่ะก็ ก็คงจะไม่นำพาอันตรายอะไรมาสู่ตระกูลถังแน่นอน
แต่หลังจากที่ถังเฉาพูดชื่อนี้ออกไป ถังเหยียนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แม้แต่ถังเยว่หวาที่อยู่ข้างๆ ก็เอามือปิดปาก มีเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาเล็กน้อยเหมือนกัน
“หมอนั่นช่างมันเหอะ พลังของเขา ไม่ทำให้ตระกูลถังของพวกเราพังพินาศก็แปลกแล้ว ลูกยังกล้าให้เขาเป็นผู้นำตระกูลอีกเหรอ นี่มันก็เท่ากับตบหน้าตัวเองชัดๆ ไปจิ้มเด็กตามถนนมาสักคน ยังแข็งแกร่งกว่าเขาอีก”
แม้จะรู้ว่าพลังของถังเย่ไม่ถึงจุดสูงสุด แต่สำหรับคนธรรมดาแล้ว พลังของเขาก็นำขาดจากคนธรรมดาไปเยอะมากๆ แต่มาอยู่ต่อหน้าของพ่อแม่ตัวเองแล้ว ไม่คิดว่าคนคนนี้จะกลายเป็นแค่‘คนต่ำต้อย’ที่ไร้ค่าแบบนี้ไปซะได้
นี่มันทำให้ถังเฉารู้สึกเหลือเชื่ออยู่ไม่น้อย
หลังจากที่ได้ยินคำพูดแล้ว ในที่สุดถังเฉาก็รู้แล้วว่าทำไมพ่อกับแม่ของตัวเองถึงดูถูกคนที่ถังเฉาเอ่ยถึงคนนี้
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ถังเย่ก็เป็นคนต่ำต้อยที่ไม่มีใครสนใจ พลังของเขาถือว่าแย่ที่สุดในรุ่น แต่เพราะว่าอุบัติเหตุครั้งหนึ่งของตระกูลถัง ทำให้พวกยอดฝีมือเหล่านั้นต่างพากันจากไป ตระกูลถังเหลือไว้แค่ถังเย่กับถังซานฉ่ายเท่านั้น
ในฐานะที่มีพลังต่อสู้ที่สูงที่สุดของตระกูลถัง แต่เนื่องจากถังเหยียนทำผิดละเมิดเรื่องบางเรื่อง ทำให้ถูกราชวงศ์กักขังเอาไว้ภายในถ้ำ ตั้งแต่นั้นมา ตระกูลถังก็ล้มเหลวพังพินาศจนพลิกกลับขึ้นมาไม่ได้ นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมตอนนี้สถานภาพของตระกูลถังถึงได้ต่ำต้อยขนาดนี้
ภายใต้สถานการณ์ที่หมดทางเลือก จากความคิดของถังเหยียน ตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้ก็ตกมาอยู่ที่ถังเฉาชั่วคราว ถึงยังไงถังซานฉ่ายก็เคยพูดไว้ก่อนแล้ว ว่าจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลของตระกูลถังให้กับพ่อแม่ของถังเฉาไม่ก็ถังเฉาเอง ดังนั้นเรื่องที่ว่าถังเฉากลายเป็นทายาทผู้สืบทอดผู้นำตระกูลของตระกูลถังเรื่องนี้ก็ถือเป็นข้อสรุปสุดท้ายที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ระหว่างลงเขาถังเฉาเอาแต่ครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดทาง ตอนที่ใกล้จะมาถึงช่วงกลางเขา ถังเฉาก็ค่อยๆถูกสายตาจากคนรอบข้างดึงดูดเข้า
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต่างจ้องมองมาที่ถังเหยียน แล้วก็ถังเยว่หวา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกยากที่จะเชื่อ
“พวกเขาก็คือคนสองคนนั่นของตระกูลถังไม่ใช่เหรอ?”
“นี่มันต้องถามอีกเหรอ? ผู้หญิงที่สวยงามขนาดนี้ นอกจากหญิงนักบุญของตระกูลถังในตำนานแล้ว ยังมีใครที่มีหน้าตาแบบนี้ได้อีกอย่างนั้นเหรอ?”
“ช่างน่าอิจฉาจริงๆ ตระกูลถังมีคนที่สวยงามขนาดนี้เป็นพระอริยมารดรใหญ่ ถ้าเป็นฉันล่ะก็นะ จะให้ฉันอยู่ฝึกฝนร่างกายในตระกูลทุกวันไม่ต้องออกมาก็ยังได้”
คนรอบข้างกำลังพูดซุบซิบถึงถังเยว่หวากันอย่างบ้าคลั่ง เพราะว่าพวกเขารู้ ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นหญิงนักบุญของตระกูลถังเมื่อหลายปีก่อน
พวกคนที่อายุยังน้อยเหล่านั้น หลังจากที่เห็นหญิงนักบุญแล้ว ก็ถึงขนาดที่ดูอายุของหญิงนักบุญไม่ออก นึกว่าหญิงนักบุญเป็นหญิงสาวที่อายุแค่สิบยี่สิบกว่าเท่านั้น รู้สึกหวั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้
“อยากจะขึ้นไปขอที่ติดต่อจัง พรรคพวกพี่น้อง ฉันเข้าไปได้ไหม?”
จู่ๆลูกศิษย์คนหนึ่งของตระกูลเย่ก็เปิดปากพูดคำพูดนี้ออกมา แต่ในตอนนี้เอง ที่หัวของเขาก็มีเสียงตบดังขึ้นอย่างชัดแจ๋ว
“ฉันแนะนำให้นายตัดความคิดนี้ทิ้งไปจะดีกว่านะ คนคนนั้นเป็นแม่ของพี่น้องฉัน เป็นหญิงนักบุญของตระกูลถัง ถ้าขืนนายยังปากมากอีกล่ะก็ ฉันจะตัดลิ้นของนายซะ”
คนที่พูดคำพูดนี้ ก็คือเย่ไป๋นั่นเอง
ตั้งแต่ที่ตัวเองถูกถังเฉาช่วยเอาไว้เมื่อครั้งที่แล้ว เขาก็ขนานตัวเองว่า เป็นพี่น้องกับถังเฉา
เมื่อก่อนเย่ไป๋ไม่มีเพื่อนสักคน แต่ในใจของเขากลับเอาแต่หวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกับผู้ที่แข็งแกร่งสักคนมาโดยตลอด
ถึงขนาดที่เนื่องจากตัวเองเก่งเกินไป เคยนึกว่าความคิดนี้ของตัวเองมันผิดอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งได้มารู้จักกับถังเฉาเขาถึงได้รู้ ว่าตัวเองกจะต้องตีสนิทกับคนแบบนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตนี้ก็คงจะไม่พัฒนาขึ้นแน่ๆ
แล้วนี่ก็เป็นเหตุผลที่ในช่วงนี้เขาประพฤติตัวดีไม่นอกลู่นอกทางอยู่ที่ตระกูลเย่