เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 635 จู่โจมกลางคัน
ฮูว์……..!
แค่เพียงหนึ่งหมัด คนดูที่อยู่ในสนามกีฬาที่กว้างใหญ่ กลับได้ยินเสียงอื้ออึงของลมดังอยู่ข้างหู
ให้รู้สึกเหมือนว่าในหมัดเดียวนี้ พามาซึ่งพลังลมฟ้าคะนอง พอที่จะถล่มภูเขาถมทะเลปานนั้น
บรึม บรึม บรึม!
แทบจะเป็นแค่ชั่วพริบตา ทั้งสองได้ถล่มกันอย่างดุดันไปสี่ห้าหมัด
แต่ละหมัดที่ปะทะกัน เสียงดังเหมือนกับระเบิดที่ถูกอัดไว้ คนฟังให้รู้สึกสะเทือนจนเหมือนได้ยินเสียงกระดูกในตัวกระทบกัน
ที่สำคัญที่สุดคือ ด้วยสายตามนุษย์อย่างเราไม่สามารถจับภาพความเร็วในการออกหมัดของทั้งสองซึ่งเร็วไปอย่างสุด ๆ ได้
“โอว์..พระเจ้า นี่คือแรงพลังของพวกเขาหรือนี่ ?”
“ข้ามองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าพวกเขาอยู่ไหน!”
“ใต้ฟ้าบนโลกนี้มีคนที่เก่งกาจขนาดนี้เลยหรือ!”
……
ด้านทางฝ่ายตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ส่งเสียงฮือฮากันอย่างตื่นตาตื่นใจ
ตัวเป็นถึงตระกูลหลวง พวกเขาก็เห็นที่เรียกว่ายอดฝีมือมามากต่อมาก แต่กับสองคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ แค่เพียงนิ้วเดียวยังเทียบไม่ได้
คนเก่งกาจขนาดนี้ ได้มาแค่เพียงหนึ่ง มีหรือจะต้องห่วงว่าจะครองความเป็นเจ้าไม่ได้ ?
ไม่ว่าจะคนตระกูลฉิน หรือจะคนตระกูลถัง ในสายตาล้วนแฝงด้วยความตื่นเต้น
พวกเขาต่างก็มีการตกลงใจกันเองอยู่ว่า รอให้งานประชุมแดนเหนือนี้จบลง ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่หรือจะถูกยื่นข้อเสนอที่โหดขนาดไหน ก็จะต้องโน้มดึง ‘เจ้ามังกร’ นี้มาเข้าเป็นพวกให้ได้
ทางด้านท่านบ้าบู๊กับมู่ตงเฟิง ต่างก็นั่งยืดตัวขึ้น แน่นอนเลยว่าคิดกันไม่ถึง ว่าสภาพการต่อสู้จะดุเดือดถึงปานนี้
และจากการประเมินด้วยสายตาของพวกเขา สองคนนั้นยังอีกไกลห่างจากการที่จะทุ่มเทพลังกันอย่างสุดฝีมือ
โครม!
เสียงหนึ่งดังสนั่นขึ้น แสงเงาใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นให้เห็นด้วยตาเปล่า
ที่ทำให้เป็นที่ตกใจของทุกคนคือ กลับกลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลหลิน หลินรั่วหวี
“รั่วหวี!”
ด้านฝ่ายตระกูลหลิน เว่ยหมิงจวินสีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน
ขณะเดียวกัน ก็ให้รู้สึกเป็นที่เหนือความคาดหมาย
กลับเป็นว่ามีคนสามารถกดดันหลินรั่วหวีได้ถึงขั้นนี้
มุมปากของเขามีคราบรอยเลือดที่ทะลักออกมา มองไปยังถังเฉาอย่างประหลาดใจ
สักพักหนึ่ง เขาเอ่ยชมว่า “คุณแน่มาก”
“คุณก็ไม่ธรรมดา”
ถังเฉาหัวเราะ
ถ้าหากให้ท่านบ้าบู๊มาได้ยินคำประเมินค่ากันลักษณะนี้ คงจะต้องไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเพราะว่าท่านบ้าบู๊เชื่อมั่นในความเก่งกาจของตัวเองมาก แต่ก็ไม่เคยได้ยินถังเฉามาชมเขาแบบนี้
นี่มันไม่ใช่หมายถึงว่า ฝีมือของหลินรั่วหวีเก่งกาจกว่าท่านบ้าบู๊หรือ ?
ทั้งสองเข้าต่อสู้กันต่อไป
ฝ่ายทางด้านตระกูลเย่ เย่หรูอี้ตื่นเต้นจนกำหมัดแน่น
ขณะนี้ หล่อนห่างอีกเพียงก้าวเดียวในการเข้าชิงชนะเลิศ
เพียงให้ถังเฉาเอาชนะหลินรั่วหวี ตระกูลเย่ก็จะเข้าอันดับหนึ่ง
ถ้าเป็นได้ตามนี้ หล่อนก็จะปักหลักได้มั่นในตระกูลเย่
เพียงแต่ว่า การเอาชนะหลินรั่วหวี คงไม่ใช่เรื่องง่ายมัง ?
คนที่ดูการแข่งขันในรอบนี้ คอยจะมีปรากฏการณ์แบบสุดขั้วสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งที่รู้เรื่องบู๊ ดูการต่อสู้กันของทั้งคู่ ไม่ว่าความเร็ว หรือแรงพลัง ล้วนอยู่ในระดับสูงสุดยอด ต่างก็ดูกันอย่างมันสะใจ
อีกทั้งพวกเขายังได้เรียนรู้เพิ่มอีกหลากหลายจากการปะมือกันในครั้งนี้ ยิ่งกว่านั้นยังไปถึงขั้นฝ่าทะลวงคอขวด
การต่อสู้กันระหว่างผู้แข็งแกร่ง ไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะให้พบเห็นกันบ่อยนัก
แต่อีกฝ่ายหนึ่งที่มากกว่าคือกลุ่มคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีความรู้เรื่องบู๊ พวกเขามองไม่เห็นตัวของถังเฉากับหลินรั่วหวีว่าอยู่ตรงจุดไหนด้วยซ้ำ ได้ยินแต่เสียงโครมครามตีต่อยกัน
ไม่มีให้เห็นทัศนะภาพให้เป็นความรู้สึก
ให้มาดูอะไรแบบนี้ กลับเป็นได้แต่ความรู้สึกเซ็ง
แชว๊ป!
ในขณะที่ทุกคนต่างกำลังรู้สึกเซ้ง บนเวที พลันเกิดมีแสงเงาดำสลัวฝ่าทะลวงบรรยากาศเข้ามา
เงาดำสลัวแสงนี้มีความเร็วมากอย่างมาก ๆ เหมือนสายฟ้าแลบพุ่งใส่ทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม
บรรยากาศการฆ่าได้บังเกิดขึ้นตามมา สีหน้าถังเฉากับหลินรั่วหวีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถีบตัวถอยห่างออกจากกัน
แต่ทว่า การถอยห่างจากกันของทั้งสอง ไม่ได้ทำให้เงาดำนั้นหยุดลง หล่อนจ้องใส่ที่ถังเฉา ทุ่มตัวเข้าโจมตี
เช๊ง!
แสงเงาแปลบปลาบ ในมือของเงาดำนั้นยังมีมีดสั้นส่องประกายเย็นเยือก พุ่งแทงเข้าใส่ถังเฉาอย่างดุดัน
โครม!
การเปลี่ยนแปลงตรงจุดนี้ ยังพาให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณหันเข้าสนใจ
พวกเขาต่างตลึงกันตาค้าง หรือการแข่งขันรอบตัดเชือกจะมีบุคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ?
หลินรั่วหวีก็ประหลาดใจนัก แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร ได้แต่มองดูเงาดำนั้นอย่างเหลือเชื่อ
“ใครกันนั่น!”
บนแท่น แววตาของท่านบ้าบู๊กับมู่ตงเฟิงส่องประกายวาบ ตวาดลั่นออกไป
ทว่า พวกเขาอยู่ในระยะที่ห่างออกไปมาก ไม่สามารถลงมือทำอะไรได้
การประชุมแดนเหนือ มีการจัดเตรียมการรักษาความปลอดภัยไว้อย่างเข้มงวด คิดไม่ถึงว่ายังจะมีผู้ลักลอบเข้ามาได้
ซ้ำร้ายยังบุกเข้ามาอย่างอุกอาจต่อหน้าต่อตาเขาทั้งสอง
ฉากที่เกิดขึ้นนี้ ก็ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับเย่หรูอี้และหลินชิงเสว่
คนหน้านั้นใจเต้นตูมตาม ลุกยืนขึ้นทั้งตัว
แม้จะอยู่ห่างไกลมาก หล่อนก็ยังรู้สึกอึมครึมในกลิ่นอายของการฆ่า
ส่วนหลินชิงเสว่ตกใจขวัญหายจนหน้าซีดขาว
แต่ ถังเฉายังคงมองจ้องด้วยสาบตาเย็นเยือก
พายุกระหน่ำคลื่นยักษ์โถมซัดขนาดไหนล้วนแล้วเคยผ่านมา การลอบโจมตีแค่นี้ เขาไม่ได้มองอยู่ในสายตาเลย
ปัง!
เขาเตะผ่าเข้าไปซึ่ง ๆ หน้าทีหนึ่ง
คนในเงาดำนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หยุดการพุ่งแทง
แต่ในขณะที่ฉากถอย หล่อนได้ซัดมีดสั้นในมือออกไปอย่างดุดัน
เฟี๊ยว!
มีดสั้นนั้นเหมือนลูกธนูคม พุ่งเข้าใส่ตัวถังเฉาอย่างดุดัน
ระยะประชิดใกล้ขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะหลบได้เลย
แต่ทว่า ถังเฉาเพียงแค่เบี่ยงหัว ก้หลบพ้นมีดสั้นนั้นได้
ปลายผมเส้นหนึ่งพริ้วลอยลงพื้นอย่างเงียบเชียบ
การซัดมีดจู่โจมในครั้งนี้ เพียงทำให้ปลายผมของถังเฉาขาดหลุดไปเท่านั้น
และเงาดำนั้นก็ตกลงมาบนพื้นเวที มองถังเฉาอย่างเยือกเย็น
สายลมแรงโชยพัดผมยาวสลวยของหล่อน ในความเลือนรางยังพอให้มองเห็นดวงตาสีแดงก่ำเหมือนผ่านการชโลมด้วยเลือดทั้งคู่
เงียบสงัด
เงียบสงัดเหมือนตาย
ทุกคนในบริเวณตลึงตาค้าง มองบุคคลที่สามบนเวทีอย่างข้องใจ
“เป็นหล่อนเองหรือนั่น ?”
หลินชิงเสว่มองด้วยสีหน้าที่งุนงง
คนที่ผ่าออกมาจู่โจมกลางวง กลับเป็นฟ่งหวง!
แววตาของฟ่งหวงเย็นเยือก ดูประหนึ่งว่าไร้ซึ่งจิตวิญญานความเป็นมนุษย์
หลินรั่วหวีก็จำได้ว่าเป็นฟ่งหวง พลันสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในใจคาดเดาอะไรได้บางอย่าง
ถังเฉากลับไม่มีความรู้สึกเหนือคาด หัวเราะใส่ฟ่งหวง “เธอจะฆ่าฉัน ?”
“ใช่!”
คราวนี้ เฟิ่งหวงไม่มีอาการลังเล แววตาเต็มไปด้วยความคิดฆ่า
“ถ้างั้นก็เข้ามาเลย”
ถังเฉาหัวเราะไปพูดไป ไม่เอ่ยถึงเรื่องการทรยศหักหลังแม้แต่คำเดียว
แววตาเฟิ่งหวงหนาวเยือก ในมือปรากฏมีดหักเล่มหนึง พุ่งแทงใส่ถังเฉา
มีเหตุการณ์ของเฟิ่งหวงแทรกเข้ามา การแข่งขันรอบตัดเชือกในงานประชุมแดนเหนือต้องหยุดชงักลงกลางคัน การต่อสู้แบบเดิมพันด้วยชีวิตของถังเฉากับหลินรั่วหวีก็ต้องหยุดลงชั่วคราว
บรึ๊ม!
ในขณะนั้นเอง อีกมุมด้านหนึ่งของสนามกีฬา เกิดเสียงระเบิดขึ้นดังกึกก้องแสบแก้วหู
กลุ่มควันโขมงทึบ เป็นกลุ่มก้อนเมฆดำลอยขึ้นท้องฟ้า
ติดตามมาด้วย เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกฉากหนึ่ง—–
มุมด้านทิศตะวันตกเฉียงแหนือ เกิดพังถล่มลงมาทั้งแผง
คนที่เข้ามาชมโดนฝังกลบในพริบตา
“โอ๊ย!”
ทั่วทั้งสนามกีฬาตกอยู่ในความตื่นกลัวในฉับพลัน
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งกันอลหม่าน ต่างคนต่างคิดหนีให้พ้นสนามกีฬาเจียงเฉิง
“เกิดเรื่องอะไรกันขึ้น?”
ท่านบ้าบู๊กับมู่ตงเฟิงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างหนัก รีบพุ่งลงจากแท่นอย่างรวดเร็ว
“คุณมู่ครับ แย่แล้วครับ หัวหน้าหลี่ส่งข่าวมาว่า ตรงจุดเกิดเหตุระเบิดได้พบว่ามีการแอบฝังระเบิดไว้ ขณะนี้ผู้เข้าชมในมุมด้านตะวันตกเฉียงเหนือถูกขังติดอยู่ข้างใน”
ในขณะนั้น ชายฉกรรจ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานกับมู่ตงเฟิงอย่างเร่งรีบ
“อะไรนะ ? ระเบิด ?”
สีหน้ามู่ตงเฟิงเปลี่ยนไปมาอย่างรุนแรง ตามด้วยอารมณ์ระเบิดใส่ “สนามรบแห่งเมืองเจียงเฉิงมันตรวจตรากันยังไงกัน ทำไมปล่อยให้มีคนมาวางระเบิดได้ ?”
ชายฉกรรจ์คนนั้นชี้แจงไปว่า “ในก่อนหน้านี้ไม่มีการตรวจพบระเบิด เป็นหลังจากการเปิดงานประชุมแดนเหนือแล้ว มีคนลักลอบแอบนำเข้ามาฝัง!