เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 656 ใจไม่บริสุทธิ์
ประชุมแดนเหนือปิดม่านลงเรียบร้อยแล้ว ตระกูลและสมาคมการต่อสู้จากแต่ละที่ก็ทยอยกันออกจากเมืองเจียงเฉิงแล้ว
แม้ว่าประชุมแดนเหนือสุดท้ายแล้วผลจะไม่ได้ตัดสินออกมา แต่ใครๆต่างก็รู้ ว่าแชมป์คนสุดท้ายจะต้องเป็นเจ้ามังกรหรือไม่ก็หลินรั่วหวีสองคนนี้
พวกตระกูลอื่นๆที่พ่ายแพ้ไป ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่ก็คือความโหดร้ายของประชุมแดนเหนือ มีแค่คนที่คว้าที่หนึ่งได้เท่านั้น ถึงจะได้รับความสนใจจากผู้คน
ตระกูลมากมายล้วนแต่มาเข้าร่วมด้วยความคิดที่ว่าถ้าไม่ได้ที่หนึ่งก็เท่ากับพ่ายแพ้ ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรติดตัวกลับไปเลยแม้แต่น้อย
ไม่ใช่แค่นี้ ยังเกือบจะตายอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ เมืองเจียงเฉิงในตอนนี้ สำหรับตระกูลพวกนั้นแล้วก็คือที่สำหรับฝังศพดีๆนี่เอง จึงพากันออกจากเมืองเจียงเฉิงตั้งแต่คืนนั้นเลย
แต่ว่า สำหรับตระกูลที่อาศัยอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
แม้ว่าผลสรุปสุดท้ายของประชุมแดนเหนือจะไม่ได้ออกมา แต่อย่างน้อยก็เปลี่ยนรูปแบบเค้าโครงของตระกูลหลายตระกูลไปมากเลยทีเดียว
ใครก็คิดไม่ถึง ว่าตระกูลลู่จะพินาศภายในชั่วข้ามคืน สมาชิกที่เหลือของตระกูลลู่ ก็หนีออกไปจากเมืองเจียงเฉิงในชั่วข้ามคืนเช่นกัน
อุตสาหกรรมของตระกูลลู่ ถูกตระกูลหูกับตระกูลเซี่ยเอาไปแบ่งกัน
ตอนนี้ เมืองเจียงเฉิงเหลือเพียงแค่สองตระกูลยักษ์ใหญ่แล้ว
แถมสองตระกูลยักษ์ใหญ่นี้ ก็ล้วนแต่มีถังเฉาเป็นผู้นำ
พระอาทิตย์ขึ้น ถังเฉากะที่จะพาคนในครอบครัวกลับหมิงจู
ประชุมแดนเหนือจบสิ้นลงไปแล้ว สาขาย่อยที่เมืองเจียงเฉิงของลี่จิงกรุ๊ปก็ดำเนินการไปตามปกติ ภารกิจที่ดำเนินที่เมืองเจียงเฉิงภาพรวมก็เสร็จสิ้นไปพอสมควรแล้ว
“ส่งคุณถัง!”
“ส่งคุณถัง!”
เซี่ยสิงจู๋ หูอีซานนำคนของตนเองคำนับให้กับแผ่นหลังของถังเฉาด้วยความเคารพอย่างสูง
น้ำเสียงที่ชัดแจ๋ว ดึงดูดให้ผู้คนรอบข้างพากันชำเลืองตามามอง ต่างทยอยกันถอนหายใจ
“นี่น่ะเหรอเด็กหนุ่มที่ตระกูลหูกับตระกูลเซี่ยติดตามอยู่ เด็กเกินไปเปล่า?”
ผู้คนที่อยู่รอบๆล้วนแต่เป็นพลเมืองของเมืองเจียงเฉิง เป็นคนที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมแดนเหนือ แน่นอนว่าไม่ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของถังเฉา
แต่พวกเขารู้ว่าเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ตระกูลหูกับตระกูลเซี่ยติดตามอยู่
คิดไม่ถึงว่าจะเด็กขนาดนี้!
“ตอนนี้ในเมืองเจียงเฉิง มีตระกูลหูกับตระกูลเซี่ยสองตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุด สองตระกูลนี้ล้วนแต่อยู่ภายใต้คำสั่งของเด็กหนุ่มคนนี้ ซึ่งเทียบเท่ากับควบคุมเมืองเจียงเฉิงเอาไว้ทั้งเมือง!”
“สุดยอดจริงๆ!”
“แถมฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ใช่คนดั้งเดิมของเมืองเจียงเฉิงด้วยนะ เขามาจากหมิงจู ตอนนี้ตระกูลส่วนใหญ่ในหมิงจูก็รวมกันแน่นแฟ้นเป็นหนึ่งเดียว”
“ควบคุมเมืองเจียงเฉิงและหมิงจูสองเมืองใหญ่ในเจียงเจ้อด้วยตัวคนเดียว แถมยังมีสมาคมการต่อสู้ติดตามอีกด้วย เขาก็คือราชาคนใหม่ของเจียงเจ้อ!”
สุดท้าย มีคนจ้องมองเงาหลังของถังเฉา พร้อมกับพูดขึ้นมา
“……”
ที่ตรงนั้นก็นิ่งเงียบขึ้นมาทันที จากนั้น สายตาของทุกคน ก็ยิ่งเคารพชื่นชมมากขึ้น
โดยเฉพาะเหล่าบรรดาเด็กสาววัยรุ่นที่สวยงามพวกนั้น ก็ยิ่งหลิ่วหูหลิ่วตา ชื่นชอบถังเฉา
“เลิกคิดได้แล้ว คนเขาแต่งงานแล้วนะ ภรรยาเป็นถึงเจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลิน สูงส่งไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาหรอก!”
มีคนเดินเข้ามาทำลายความคิดของผู้หญิงเหล่านั้นลงอย่างทันที
แล้วก็มีคนขุดประวัติในสมัยก่อนของถังเฉาขึ้นมาด้วย
“ว่ากันว่า เมื่อก่อนเขาเป็นแค่ลูกบุญธรรมของตระกูลเล็กๆในหมิงจูเท่านั้น กลายเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลซ่งที่ยิ่งใหญ่ของหมิงจูเพื่อวงศ์ตระกูลของตัวเอง แต่กลับหนีไปในคืนวันวิวาห์ ตอนที่ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางสายตาของผู้คนอีกครั้ง ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว”
“อะไรนะ? ห้าปีนี้เขาผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง? ถึงได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงขนาดนี้!”
น้ำเสียงซุบซิบพูดคุยทวีความตกใจมากขึ้น
“ไม่รู้สิ คำตอบนี้ บางทีอาจจะมีแค่เขาคนเดียวที่รู้ก็ได้”
คนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันโหยหาปรารถนากันทุกคน
“เขามีความสามารถโดดเด่นกว่าคนทั่วไป ถ้าได้โอกาสที่ดีก็จะสามารถพัฒนาขึ้นถึงจุดสูงสุดได้ เมื่อห้าปีก่อนเขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกเรา หลังจากห้าปีผ่านไปก็กลายเป็นราชาคนใหม่ของเจียงเจ้อ!”
“มีเพียงแค่เยี่ยนจิง ที่เป็นสนามรบของเขา”
“……”
ผู้คนรอบข้างต่างพูดคุยกันแบบนี้ ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร แค่พาหลินชิงเสว่เข้าไปในรถอย่างเงียบๆ
ผู้คนได้แค่เห็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของเขาเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่า เบื้องหลังของความสำเร็จ เป็นการต่อสู้ที่เอาชีวิตเข้าแลกมานับครั้งไม่ถ้วน
ตอนที่จะล้มเลิกยอมแพ้ไปตั้งหลายครั้งหลายครา ก็เป็นหลินชิงเสว่ที่ทำให้เขายืนหยัดสู้ต่อไป
นี่ มันได้กลายเป็นความเชื่อแบบหนึ่งไปแล้ว
ทั้งสามคนไปยังสาขาย่อยของลี่จิงกรุ๊ป ประกาศแต่งตั้งฟางหย่าเป็นผู้รับผิดชอบสาขา แล้วก็ออกจากเมืองเจียงเฉิงไป
สมาคมการค้าเจียงผิงบริหารโดยหลัวปู้ ทั้งเมืองเจียงเฉิงและหมิงจู เป็นหนึ่งเดียวไปเรียบร้อยแล้ว
ถังเฉากุมมือของหลินชิงเสว่เบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ“ก้าวต่อไป ก็จะเป็นเยี่ยนจิงแล้ว”
หลินชิงเสว่ยิ้มๆ พยักหน้าเบาๆ
ก่อนที่จะก่อตั้งลี่จิงกรุ๊ป เธอสาบานว่าจะขยายบริษัทไปที่เยี่ยนจิงให้ได้ ตอนนี้ ใกล้จะเป็นความจริงแล้ว
กริ๊งๆ!
ในตอนนี้ ถังเฉาได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าสายหนึ่ง
แม้ว่าจะบันทึกชื่อไว้ แต่พอดูหน้าจอแล้ว ถังเฉาก็รู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่ออยู่ไม่น้อย
ฉินผู่หยางเป็นคนโทรมา
“มีธุระอะไร?”
ถังเฉาพูดถามขึ้นอย่างนิ่งๆ
แม้ว่าถังเฉากับฉินผู่หยางจะบรรลุข้อตกลงแล้ว แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ธรรมดาทั่วไป ฉินผู่หยางไม่มีทางโทรหาถังเฉาแน่นอน
ถึงยังไงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ใกล้ชิดสนิทกันมาก
ฉินผู่หยางโทรมา จะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน
ฟังฉินผู่หยางพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“พวกเราตระกูลฉินยังไม่ได้กลับ จะไปเปลี่ยนเครื่องที่หมิงจู แต่ก่อนหน้านี้ พวกเราจะไปเจอกับคนคนหนึ่ง”
“คนของราชวงศ์ต้าเซี่ย”
ถังเฉาหรี่ตาลงเล็กน้อย
ในตระกูลหลวงในเยี่ยนตู มีตระกูลที่เก่าแก่กว่า ดีกว่าอยู่ด้วย ราชวงศ์ต้าเซี่ย เขารู้ความลับนี้ดี
แต่ เขาไม่เคยเจอคนของราชวงศ์ต้าเซี่ยที่แท้จริงมาก่อน
“พวกเขามาทำอะไร?”
เขาถามขึ้น
ฉินผู่หยางพูดตอบ“สาเหตุที่แน่ชัดผมไม่ทราบ แต่ดูเหมือนว่าทางฝั่งของราชวงศ์ต้าเซี่ยจะไม่พอใจอย่างมากกับความพ่ายแพ้ของตระกูลฉิน ฉินกวนฉีมาแทนที่ฉินเจียนเวย กลายเป็นคนที่เชื่อมระหว่างตระกูลหลวงกับราชวงศ์ ยากที่จะยกโทษให้”
ตอนที่พูดประโยคนี้ ฉินผู่หยางพูดขึ้นเสียงเบาๆ แต่น้ำเสียงตื่นตัวสุดๆ
การที่ลดอิทธิพลของฉินกวนฉีลง ฉินผู่หยางรู้สึกพอใจอย่างมาก
“นอกจากนี้ ฉินเจียนเวยก็จะมาด้วยเหมือนกัน”
ฉินผู่หยางพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อ
พอได้ยินแบบนั้น ถังเฉาก็แววตาเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะพูดขึ้น“สนามบินหมิงจูใช่ไหม? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
พอวางสายลง ถังเฉาก็หรี่ตาลงอย่างลึกซึ้ง
หลินชิงเสว่เห็นแบบนี้ ก็รีบพูดถามขึ้นทันที“มีอะไรเหรอ?”
ถังเฉาลังเลอยู่สักพัก ก็ไม่ได้บอกเรื่องของราชวงศ์ต้าเซี่ยกับหลินชิงเสว่
ถึงยังไงคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของราชวงศ์ต้าเซี่ยในโลกใบนี้ ก็น้อยมากๆ
หลินชิงเสว่ถึงขนาดที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีราชวงศ์ต้าเซี่ยอยู่ด้วย
“ประชุมแดนเหนือเพิ่งจะจบไปไม่ใช่เหรอ ผมเลยกะที่จะไปส่งคนคนหนึ่งที่สนามบินน่ะ”
หลินชิงเสว่พยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นคุณไปก่อนเลย รีบไปรีบกลับล่ะ”
ไม่นานถังเฉาก็มาถึงสนามบินหมิงจู จากนั้นก็มองหาอะไรบางอย่างรอบๆ
จู่ๆ เขาก็เห็นผู้หญิงชุดขาวยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน แววตาก็เปล่งประกายทันที เดินตรงเข้าไป
“คนบ้าดนตรี!”
ถังเฉามาหยุดอยู่ข้างๆ
คนบ้าดนตรีรู้สึกตกใจไม่น้อย“ร้องหัวหน้า คุณมาได้ยังไง?”
คนบ้าดนตรีที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนสวมชุดชาวฮั่นสีขาวทั้งตัว โดดเด่นสะดุดตาชัดเจน หาเจอง่ายมากๆ
ถังเฉาลากเธอมา ไม่พูดไม่จาอะไร รีบมุ่งไปยังสถานที่ที่ฉินผู่หยางบอกไว้
“รองหัวหน้า คุณจะพาฉันไปไหน?”
คนบ้าดนตรีสีหน้าตกใจ แก้มแดงเล็กน้อย
เธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้มาก่อน ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นถังเฉาก็ตาม
ถังเฉาตอบมาแค่ห้าคำเท่านั้น
“ช่วยเธอหาคำตอบ”
พอคำพูดนี้ออกมา ฉินเจียนเวยก็สีหน้าตกใจทันที
มีน้อยคนที่รู้ว่า เมื่อก่อนฉินเจียนเวยไม่ใช่คนบ้าดนตรีเลย
เธอเป็นเชื้อสายของราชวงศ์ต้าเซี่ยของตระกูลหลิน เป็นคนเชื่อมระหว่างตระกูลฉินกับราชวงศ์ต้าเซี่ยที่มายังตระกูลฉิน
สาวพระศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่กำเนิด มองว่าตัวเองแข็งแกร่งไม่สนคนอื่น ไม่สุงสิงกับใคร
ผู้คนตระกูลฉินรวมถึงฉินผู่หยางไม่กล้าเข้าใกล้เธอ มีแค่ฉินกวนฉีคนเดียว ทั้งสองคนคุยเข้าขากันดี ดูเป็นเพื่อนรักกัน
แต่ ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นการหลอกลวงหลอกใช้ประโยชน์
ฉินเจียนเวยจะรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ ฉินกวนฉีหลอกใช้จุดนี้เพื่อจะดีดฉินเจียนเวยออกจากตำแหน่งสาวพระ แล้วเข้าแทนที่
ตอนนี้คนที่เชื่อมระหว่างตระกูลฉินกับราชวงศ์ต้าเซี่ย ก็คือฉินกวนฉี
นี่เป็นเรื่องที่ฉินเจียนเวยกำลังวิตกกังวลอยู่ในใจ แถมตอนนี้ก็ยังหาคำตอบไม่เจอ
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ คนของราชวงศ์ต้าเซี่ยมาแล้ว เธอก็ต้องตามกลับไปด้วย ใช่ไหม?”
วิ่งไปพลาง ถังเฉาหันมาพูดถามเธออย่างเคร่งขรึมจริงจัง
ฉินเจียนเวยสีหน้าตกใจ“รองหัวหน้า ที่แท้คุณก็รู้หมดแล้ว?”
จากนั้น เธอก็อยู่ในสภาวะนิ่งเงียบ
คนที่เชื่อมระหว่างตระกูลฉินกับราชวงศ์ต้าเซี่ย มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ถึงขนาดที่สามารถเรียกได้ว่าใช้มาเพื่อติดตามสอดส่องตระกูลฉินก็ว่าได้
ฉินเจียนเวยไม่ชอบงานแบบนี้เลย
ถังเฉาส่ายหัวอีกครั้ง“เธอไปไม่ได้ ส่วนทางฝั่งของราชวงศ์ ฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”
ฉินเจียนเวยไม่ได้ปฏิเสธ แค่อ้าปากพะงาบๆ อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับไม่ได้พูดออกมา
“ทางนี้”
ในเวลานี้ ฉินผู่หยางกวักมือให้กับถังเฉา
ฉินผู่หยางค้ำไม่เท้า เดินตรงเข้ามาคนเดียว
ถังเฉามองฉินผู่หยาง“ปู่ของนายกับฉินกวนฉีล่ะ?”
ฉินผู่หยางยิ้มๆ“รออยู่ข้างใน เดี๋ยวเข้าไป พวกเรายังต้องแสดงกันอีก”
ถังเฉาเข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไร
พอเห็นฉินเจียนเวย ฉินโช่ววงกับฉินกวนฉีก็ลุกขึ้นยืน เหมือนกับกำลังจะพูดอะไร
แต่พอเห็นถังเฉาที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
คำพูดที่อยากจะพูดก่อนห้านี้ ก็หยุดชะงักไป
“มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ฉินกวนฉีแววตาสะพรึงกลัว พูดถามขึ้น
ถังเฉายิ้มๆ“ยังจำคำพูดที่ผมพูดได้ไหม? ว่าผมจะให้พวกคุณให้คำอธิบายกับคนบ้าดนตรี ตอนนี้ ถึงเวลาแล้ว”
ฉินกวนฉีมองไปยังฉินเจียนเวยทันที
สายตาที่ฉินเจียนเวยมองฉินกวนฉีนิ่งสงบไปนานแล้ว ไม่ได้สั่นไม่นิ่งเหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว
ฉินกวนฉีดึงสติกลับมา ยิ้มให้กับฉินเจียนเวย“เจียนเวย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ฉินเจียนเวยสีหน้าไม่เปลี่ยน“พวกเราน่าจะเจอกันตั้งนานแล้วนะ”
ฉินเจียนเวยพูดขึ้น ตระกูลฉินมาหมิงจูนานขนาดนั้น ตอนแรกคนที่มาควรจะเป็นฉินกวนฉี แต่ผลที่ได้คนที่มากลับเป็นฉินสวูตง
ฉินกวนฉีสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดขึ้น“คุณอยากถามอะไร?”
ใครรู้ว่าฉินเจียนเวยจะส่ายหัว พูดขึ้นอย่างนิ่งสงบ“จิตใจของคุณไม่บริสุทธิ์แล้ว ไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเล่นเปียโนเล่นหมากรุกกับพวกเราแล้ว”
“ตัวเบี้ยที่จิตใจเหี้ยมโหด สุดท้ายก็จะหมากล้มหมดกระดาน”
“……”
แก้มของฉินกวนฉีกระตุกอย่างแรง
เขารู้ดีว่าฉินเจียนเวยกำลังแก้เค้นเรื่องที่เขาทรยศหักหลังในอดีต
แต่ว่า เขาไม่เสียใจที่ทำลงไป
“ไม่ว่าจะยังไง ต่อไปพวกเราก็ไม่มีทางเจอกันอีกแล้ว คุณจะกลับไปที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยอีกครั้ง ส่วนพวกเราเป็นไปไม่ได้”
ฉินกวนฉีพูดกับฉินเจียนเวย
“ก็ถูก เธอร่อนเร่อยู่ข้างนอกนานขนาดนี้ ก็ควรจะกลับได้แล้ว”
จู่ๆก็มีเสียงที่ทรงพลังน่าเกรงขามของผู้ชายดังขึ้นมาจากข้างหลัง
ทุกคนหันหน้าไปมอง เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดแบบซุนยัดเซ็นคนหนึ่งก้าวขาเดินเข้ามาทางนี้
ทุกฝีก้าว ล้วนแต่มีความสง่างามแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมา
คนของราชวงศ์ต้าเซี่ย มาแล้ว!