เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 660 เธอจะเติบโตขึ้น
“……”
หลังจากที่หลินจ้าวหยูนพูดคำนี้ออกมา บรรยากาศที่สดใสก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที
สายตาที่จับจ้องของถังเฉา ตาของหลินจ้าวหยูนก็แดงทันที อบอวลไปด้วยหมอกหนา
เพิ่งจะพูดได้หนึ่งประโยค หลินจ้าวหยูนน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาทันที
ถังเฉาพูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ“บอกลา เธอจะไปไหน?”
“กลับบ้าน”
หลินจ้าวหยูนพูดขึ้น
“บ้านที่เยี่ยนตู”
หลินจ้าวหยูนคิดๆ พูดเสริมขึ้นมาอีก
ดังนั้น ถังเฉาไม่ได้ตอบกลับอะไรไปอีก ตกอยู่ในสภาวะนิ่งเงียบ
จริงๆแล้ว เขารู้ตั้งนานแล้วว่า วันนั้นจะต้องมาถึงแน่นอน
ถึงยังไงเว่ยหมิงจวินต่างหากที่เป็นภรรยาในตอนนี้ของหลินรั่วหวี ดังนั้น คุณหนูของตระกูลหลินมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหลินจ้าวหยูน
หลินชิงเสว่เป็นอดีตไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินรั่วหวีรู้สึกละอายแก่ใจมาโดยตลอด ยืนกรานที่จะคืนดีกับหลินชิงเสว่ ตระกูลหลินก็ไม่มีทางยอมรับว่าหลินชิงเสว่เป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหลินแน่นอน
บวกเข้ากับความสัมพันธ์ที่เข้ากันไม่ได้ไม่ลงรอยกันของรุ่นพ่อแม่ สองพี่น้องจะต้องกลายมาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอย่างแน่นอน
วันนี้ ในที่สุดก็มาถึง
ใบหน้าของถังเฉาฝืนยิ้มออกมา ลูบหัวของหลินจ้าวหยูนเบาๆ พูดยิ้มๆ“กลับบ้านก็ดี ดูออกว่า ลุงหลินจะอบรมให้เธอเป็นผู้สืบทอด”
“……”
หลินจ้าวหยูนเช็ดน้ำตาที่ใบหน้า ก่อนจะยิ้มออกมา“ไม่พูดเรื่องนี้แล้วกัน แม่ของฉันกลับไปที่เยี่ยนจิงก่อนแล้ว ฉันตามกลับไปช้าหนึ่งวัน ซื้อตั๋วเครื่องบินของวันนี้ วันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายของฉันที่จะได้อยู่ที่หมิงจูแล้ว”
“ดังนั้น วันนี้จะมาเสียใจไม่ได้ จะต้องมีความสุข!”
พูดพลาง หลินจ้าวหยูนก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่สดใส ที่ตัวเผยให้เห็นถึงความเยาว์วัยร่าเริงของเมื่อก่อนเล็กน้อย
ถังเฉาก็อึ้งมึนงงไปเหมือนกัน
เขานึกขึ้นมาได้ทันที ว่าระหว่างเขากับหลินจ้าวหยูน รู้จักกันมานานแล้ว ทั้งสองคนผ่านประสบการณ์อะไรมามากมาย
ตอนที่เพิ่งจะเจอหลินจ้าวหยูน เธอก็เป็นหญิงสาวที่สดใสร่าเริง
ตอนนี้ หลังจากโตเป็นผู้ใหญ่เข้าสังคมแล้ว เธอก็สดใสน้อยลง ดูเป็นผู้ใหญ่เคร่งขรึมมากขึ้น
ลักษณะท่าทีในแต่ละด้าน ก็เอนเอียงไปในทิศทางของหลิชิงเสว่มากขึ้น
การเติบโต มาพร้อมกับสิ่งที่ต้องแลกมา ก็ไม่รู้ว่าหลินจ้าวหยูนจะรับไหวหรือเปล่า
“ได้”
ถังเฉาก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเช่นเดียวกัน ในเมื่อหลินจ้าวหยูนพูดขนาดนี้แล้ว เขาก็จะเติมเต็มภาพวาดแห่งความทรงจำของหมิงจูให้กับหลินจ้าวหยูนให้สมบูรณ์เอง
“ไปกันเถอะ”
หลินจ้าวหยูนควงแขนของถังเฉา ทั้งสองคนมุ่งตรงไปยังใจกลางเมือง
“มีคอนเสิร์ตของไอดอลที่ฉันชอบอยู่น่ะ”
ผู้คนแออัด หลินจ้าวหยูนสีหน้าเริ่มแดงด้วยความตื่นเต้น ชี้ไปยังจอใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลพร้อมกับพูดขึ้น
ถังเฉามองตามเสียงไป เห็นที่โฆษณาของหน้าจอที่หอหมิงจู ติดข้อความ‘คอนเสิร์ตจักรวาลกลุ่มเมษายน’เอาไว้
หน้าจอโฆษณาของหอหมิงจูแพงมากๆ แถมคิดเงินรายนาทีอีกด้วย ราคามูลค่าตั้งสองแสน
คอนเสิร์ตจักรวาลกลุ่มเมษายน ติดอยู่นานมากขนาดนี้ เบื้องหลัง คือบริษัทที่ลงทุนเงินเป็นจำนวนมาก
“เธอชอบกลุ่มเมษายน?”
ถังเฉาถามขึ้น
“ชอบ!”
หลินจ้าวหยูนไม่ละสายตาไปแม้แต่นิดเดียว
ถังเฉายิ้มๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูสักหน่อย”
ถังเฉาซื้อตั๋วที่นั่งที่ค่อนข้างใกล้กับเวทีมาสองใบ หลังจากที่ทั้งสองคนตรวจบัตรก็เดินเข้าไปข้างใน
คอนเสิร์ตจัดขึ้นในสนามกีฬาหมิงจู ข้างในมีผู้คนมากมายเต็มไปหมด
ทุกที่ล้วนมีแต่แฟนคลับถือป้ายไฟส่องสว่าง ข้างบนเขียนว่า‘กลุ่มเมษายน คือที่สุดในโลก’
เวลาสองทุ่ม คอนเสิร์ตเริ่มตรงเวลา
ไฟของผู้คนเริ่มดับลง ที่นี่ดำมืดไปหมด
กรี๊ดๆๆ……
ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่ากลุ่มเมษายนจะปรากฏตัวออกมาแล้ว ที่ตรงนี้มีเสียงเฮเสียงหัวเราะดังกระหึ่ม
หลินจ้าวหยูนที่อยู่ข้างๆก็เพ่งความสนใจไปที่เวที ร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ความรู้สึกเอ่อล้นออกมา
ถังเฉามองอยู่ข้างๆ ไม่ได้ตะโกนร้องเฮตาม
เขามาเป็นเพื่อนหลินจ้าวหยูน ขอแค่หลินจ้าวหยูนมีความสุขก็ดีแล้ว
หลังจากที่กลุ่มเมษายนขึ้นเวทีแล้ว ก็เริ่มร้องเพลง
สิบเพลงรวด แม้แต่ถังเฉาก็รู้สึกว่ากลุ่มเมษายนนี้ไม่เหมือนกับดารานักร้องทั่วไป
ในโอกาสแบบนี้ถ้าเป็นดารานักร้องส่วนใหญ่จะเลือกลิปซิงค์ แต่กลุ่มเมษายนไม่เหมือนกัน พวกเขาร้องจริงเล่นจริง ร้องจนเหงื่อไหลอาบท่วมตัว
“ต่อมา จะเป็นช่วงปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับบรรดาผู้ชม”
“พวกเราจะเลือกผู้ชมที่โชคดีหนึ่งท่าน มาร่วมร้องเพลงกับพวกเราหนึ่งเพลง ใครจะเป็นผู้กล้าที่ขึ้นมาบนเวทีคนนั้นกันนะ?”
ลีดเดอร์ของกลุ่มเมษายนพูดยิ้มๆ
สปอตไลท์เลื่อนไปเลื่อนมาอย่างไม่หยุดหย่อน
พวกผู้ชมที่ถูกส่องต่างก็รู้สึกตื่นเต้นกันสุดๆ
แต่ ทุกครั้งที่ไฟมาหยุดก็สั้นมากๆ ไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ!
ฟุบ!
ต่อมา ลำแสงก็ส่องมาที่ตัวของหลินจ้าวหยูน
เธอกลายเป็นจุดสนใจของผู้ชมที่นั่นทันที
หลินจ้าวหยูนเองก็อึ้งตะลึงไปเหมือนกัน“ฉัน……ฉันเหรอ?”
“เอาล่ะ เชิญสาวสวยท่านนี้ขึ้นมาบนเวทีเลยครับ”
กลุ่มเมษายนเชิญหลินจ้าวหยูนขึ้นเวที ข้างล่างมีเสียงปรบมือดังกระหึ่ม
พอดึงสติกลับมา หลินจ้าวหยูนก็ตื่นเต้นสุดๆ ยืนอยู่บนเวทีแล้วพูดอะไรไม่ออกเลย
“คุณผู้หญิง ไม่ต้องเครียดครับ จริงๆแล้วช่วงนี้ยังมีความหมายพิเศษอยู่อีกหนึ่งอย่าง”
ลีดเดอร์ของกลุ่มเมษายนพูดยิ้มๆ“ทุกคนบนโลกนี้ จะต้องมีคนที่หวงแหนเป็นพิเศษ ถ้าให้โอกาสคุณมายืนอยู่บนเวที คุณจะพูดอะไรกับคนคนนั้นครับ?”
“คนที่หวงแหนเป็นพิเศษ……”
พอได้ฟังที่ลีดเดอร์พูด หลินจ้าวหยูนเองก็อึ้งตะลึงไปเหมือนกัน สีหน้าแววตามึนงง
สายตาของเธอ ก็มองไปยังถังเฉาที่อยู่ข้างล่างเวทีโดยสัญชาตญาณ
นาทีที่สายตาต้องกัน ถังเฉาก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลินจ้าวหยูนใบหน้ายิ้มๆ“ฉันไม่เคยมีความรักมาก่อน แต่ฉันรู้ว่า เขาเป็นคนแรกที่ฉันชอบ แถมตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน”
ลีดเดอร์ของกลุ่มเมษายนยิ้มๆ“อย่างนั้นเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นก็สารภาพเลยสิ? คุณมีอะไรอยากจะบอกเขาไหม?”
หลินจ้าวหยูนคิดอยู่นาน ก่อนจะรวบรวมความกล้า พูดออกมาเสียงดัง“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะพูดความจริงที่อยู่ในใจออกมา แม่ฉันจะรู้ว่ามันเห็นแก่ตัวมาก แต่ว่าฉันก็ยังหวังว่าคุณจะตอบกลับฉันมาในเชิงบวกเหมือนกันนะ”
“ฉันไม่ต้องการให้คุณยอมรับฉัน ฉันแค่หวังว่าคุณจะสามารถตอบกลับฉันมาสักหน่อย หลังจากที่ฉันร้องเพลงนี้จบแล้ว คุณสามารถขึ้นมากอดฉันเบาๆได้”
พูดจบ หลินจ้าวหยูนก็แทบจะเป็นลมไป ใจของเธอเต้นอย่างแรง
“เอาล่ะ ขอมอบบทเพลง‘โอบกอด’ให้กับทุกคนนะคะ”
ถอดหน้ากากที่ใส่มายาวนานทิ้งไป
แล้วมุ่งสู่ดินแดนแห่งความฝัน
รถฟักทองยามค่ำคืน
สวมรองเท้าแก้วแบบในนิทาน
ให้ฉันได้เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกแบบนี้
ฉันเป็นดอกกุหลาบที่แสนเดียวดาย
ให้ฉันได้สัมผัสกับรสชาติความรู้สึกนี้
ความสับสนมึนงงของโลกที่สับสนวุ่นวาย
วันวานนั้นก็ใกล้เกินไป ส่วนพรุ่งนี้นั้นไกลเกินเอื้อม
ตั้งใจฟังเสียงค่ำคืนที่มืดมิดอย่างเงียบๆ
……
คนคนนั้น ที่รักฉัน
กุมมือของฉัน ให้แน่น
กอดฉัน จูบฉัน โอ้ ความรัก อย่าได้จากฉันไปเลย
เก็บซ่อนความเหนื่อยล้าของตัวเองเอาไว้
แสดงความโหดร้ายของตัวเองออกมา
ปลดปล่อยความป่าเถื่อนของตัวเองออกมา
ค้นหาวันพรุ่งนี้ที่เป็นของตัวเอง
……
ทำนองเพลงดังขึ้นมา เสียงที่ดุดันของกลุ่มเมษายนกับเสียงที่อ่อนนุ่มของหลินจ้าวหยูนประสานเข้าด้วยกัน ให้ความรู้สึกดีงามไปอีกแบบ
หนึ่งบทเพลงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข้างล่างเวทีมีเสียงปรบมือดังขึ้น
แต่ หลินจ้าวหยูนสีหน้ากลับไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใดแล้ว สีหน้าดูไม่ดีถึงขีดสุด
เพราะว่าเธอพบว่า ถังเฉาที่อยู่ล่างเวที หายไปไม่เห็นร่องรอยแล้ว
“เขาไปแล้ว”
ในที่สุด หลินจ้าวหยูนก็อดไม่ได้ ร้องไห้โฮออกมา น้ำตาไหลหยดลงมาราวกับลูกปัดที่ร่วงตกลง
ถังเฉาเหมือนจะหายไปแล้ว ไม่กลับมาที่สนามกีฬาอีกแล้ว
คอนเสิร์ตจบลง ตอนนี้เป็นเวลาประมาณห้าทุ่มแล้ว หลินจ้าวหยูนเดินออกจากสนามกีฬาราวกับสติร่องรอยไปพร้อมกับฝูงชน
จู่ก็สังเกตเห็น ตรงริมฝั่งแม่น้ำตรงทางเข้ามีคนรูปร่างสูงยืนอยู่หนึ่งคน เหมือนกำลังรอใครอยู่
หลินจ้าวหยูนมองอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาที่แก้ม แล้ววิ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เธอวิ่งเร็วมาก โซซัดโซเซ กลัวว่าเงาคนคนนั้นจะหายไป
ในที่สุด เธอก็วิ่งมาถึง กอดเขาจากข้างหลังไว้แน่น
ขณะที่กอดเอวของถังเฉา หลินจ้าวหยูนก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว น้ำตาร่วงหล่นลงมา
เธอร้องไห้เสียงดัง ท่าทางโมโห“ทำไมคุณไม่ขึ้นไป? ทำไมคุณไม่ตอบกลับฉัน? ฉันทำให้คุณอับอายอย่างนั้นเหรอ?”
ตะโกนจบ ก็รู้สึกว่ายังระบายออกมาไม่หมด เธอกำหมัดแน่นทุบไปสองที
ถังเฉาค่อยๆหันตัวกลับมา ยิ้มให้กับเธอ“เพราะว่าฉันขึ้นไปไม่ได้ เพราะว่าฉันเป็นพี่เขยของเธอยังไงล่ะ”
“……”
หลินจ้าวหยูนอึ้งตะลึงไปทันที สีหน้าแววตาเหม่อลอย
เธอเข้าใจขึ้นมาทันที แล้วก็เข้าใจถึงความยากลำบากของการหนีออกมาของถังเฉาด้วยเหมือนกัน
ไม่ขึ้นไปบนเวที ถือเป็นพี่เขยที่ปฏิบัติถูกต้องเหมาะสม
ถ้าเขาขึ้นไป ก็กลายพี่เขยที่ไม่ได้เรื่อง
แต่ว่า หลินจ้าวหยูนยังรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอยกมุมปากขึ้นอย่างไม่หยุด อยากจะยิ้ม เธอเคยพูดไว้ ว่าคืนนี้จะต้องมีความสุข
แต่ตอนนี้ เธอยิ้มไม่ออกแล้ว
แสร้งยิ้ม เหน็ดเหนื่อยมากๆ
“ไปเดินเล่นกันเถอะ”
ถังเฉายิ้มให้กับหลินจ้าวหยูน
ริมฝั่งแม่น้ำ ลมพัดต้นหลิวบริเวณรอบๆ เกิดเสียงเบาๆ
โคมไฟทั้งสองข้างทางส่องแสงสลัวๆ ให้ความเงียบสงบ และสวยงาม
ถังเฉาเดินอยู่ข้างหน้า หลินจ้าวหยูนตามมาข้างหลัง ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันสักคำ
จู่ๆถังเฉาก็หยุดฝีเท้าลง หันมามองเธอ“หลังจากกลับไปถึงเยี่ยนจิงแล้ว เธออยากจะทำอะไร?”
หลินจ้าวหยูนอึ้งตะลึงไป จากนั้นก็พูดตอบกลับไป“ฉันจะไปทำงานที่เฉาหยางกรุ๊ปที่อยู่ภายใต้ตระกูลหลิน เป็นเลขาของพ่อฉัน ทำความคุ้นเคยกับบริษัท”
“หลังจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากนั้น?”
หลินจ้าวหยูนสีหน้าแววตามึนงง
ถังเฉาจ้องมองเธอพร้อมกับพูดขึ้น“ที่ฉันถาม คือเธออยากทำอะไร”
หลินจ้าวหยูนสีหน้าเข้าใจขึ้นมาไม่น้อย“ฉันอยาก……ฉันอยากช่วยพี่”
“ถ้าอย่างนั้นก็พยายามเข้าหน่อย เธอไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ!”
ตอนนี้ถังเฉาสีหน้าเข้มงวดจริงจัง ในความทรงจำของหลินจ้าวหยูน เหมือนถังเฉาจะไม่เคยเข้มงวดจริงจังกับเธอขนาดนี้มาก่อน
“ตระกูลหลินมีแค่เธอเจ้าหญิงคนเดียวเท่านั้น ชะตากรรมในอนาคตของเจ้าหญิงก็คือเครื่องสังเวย ไปแต่งงานออกเรือนกับตระกูลอื่นเพื่อแลกผลประโยชน์กัน แต่ราชินีกลับสามารถควบคุมทุกอย่างได้ เธอเต็มใจที่จะเป็นเจ้าหญิงหรือว่าราชินี?”
หลินจ้าวหยูนอึ้งตะลึงไปสักพัก
คืนนี้ เธอก็จะเติบโตแล้ว
วันรุ่งขึ้น ถังเฉากับหลินชิงเสว่ไปส่งหลินจ้าวหยูนที่สนามบินด้วยตัวเอง
ก่อนจะจากไปหลินจ้าวหยูนพูดถามขึ้น“พี่เขย คุณจะดีกับพี่ของฉันไหม? พวกคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไหม?”
ถังเฉาลูบหัวของเธออย่างยิ้มๆ“อยู่แล้ว”
หลินจ้าวหยูนรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ ถามขึ้นมาอีกครั้ง“แล้วคุณจะดีกับฉันไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเป็นพี่เขยของเธอ ถ้าโดนเอาเปรียบล่ะก็ บอกพี่เขยคนนี้ได้เลย”
พอได้ฟังแบบนี้ หลินจ้าวหยูนก็วิ่งตรงเข้าไปในสนามบินทันที ไม่กล่าวอำลาอะไรเลยสักนิด
วิ่งเร็วมากๆ
ถ้าน้ำตาไหลแล้ว ก็ต้องเรียนรู้ที่จะต้องวิ่งหนีไป แบบนั้นน้ำตาก็จะไม่ไหลแล้ว
หลินจ้าวหยูนวิ่งอย่างสุดแรง เพื่อที่จะให้น้ำตาจางหายไปกับสายลม
ติ๋ง!
หยาดน้ำตาเปล่งประกายร่วงหล่นจากหัวตาของเธอ ไม่นานก็จางหายไปกับสายลมอย่างรวดเร็ว
นั่นเป็นน้ำตาหยดสุดท้ายในช่วงอายุวัยเยาว์ของเธอ