เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 673 มานี่เพื่อฉัน
มีคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
การตะโกนในครั้งนี้มันไม่สำคัญ มันดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในทันที
หลินรั่วหวี ลั่วเย่นหัว หลงชื่อเทา หลงเฟยหยู่ต่างก็อึ้งไปตามๆ กัน
แม้แต่ถังเฉาก็ยังอึ้งไปแวบหนึ่ง
เขาไม่ได้เรียกคนของตระกูลเย่มาด้วยนี่
ท่ามกลางการต้อนรับของทุกคน ผู้หญิงกลิ่นอายโบราณคนหนึ่งที่สวมชุดกี่เพ้าสีม่วงได้เดินเข้ามา
ต็อก! ต็อก! ต็อก!
รองเท้าส้นสูงอันแหลมคมทิ่มแทงลงไปที่พื้น จนก่อให้เกิดเสียงอันเยือกเย็นที่ดังขึ้นอย่างเด่นชัด
เหมือนเธอกำลังเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจของทุกคน ความรู้สึกกดดันค่อยๆ ก่อเกิดขึ้น
หลินชิงเสว่ทำเสียงฮึดฮัด เบือนหน้าออกไป พร้อมกับสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
ถังเฉารู้สึกจนใจ คนของตระกูลเย่ ก็คงเป็นเย่หรูอี้
“ที่นี่ ทำไมถึงดูคึกคักจังเลยคะ?”
“งั้นตระกูลเย่ขอเข้าร่วมนะคะ?”
เย่หรูอี้เดินมาข้างๆ ถังเฉาด้วยท่าทางที่สง่างาม เหลือบมองเขาทีหนึ่ง “คุณนี่มันไม่เบาเลยจริงๆ ไปถึงไหนก็มีปัญหาถึงนั่น”
ถังเฉายิ้มๆ “ผู้ที่ไม่ถุกคนอื่นอิจฉาต่างก็เป็นแค่คนธรรมดา”
มุมปากของเย่หรูอี้แย้มขึ้นมาเล็กน้อย ค่อยๆ มองไปยังหลงชื่อเทา ซ่งเต๋อโหย่วและคนอื่นๆ คนที่ฉลาดหลักแหลมอย่างเธอ สามารถเข้าใจทุกอย่างได้นานแล้ว
ในตอนนี้ ข้างๆ ของเขามีผู้หญิงสามคนที่ดูแตกต่างกันสุดขั้วยืนอยู่ แต่ก็พวกเธอนั้นต่างก็เป็นหญิงสาวที่งดงามเหมือนกัน
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดูออกว่า พวกเธอทุกคนต่างก็เป็นคนที่ไม่ยอมฟังใคร เอาแต่ใจสุดๆ ยากมากที่จะยอมทำตามที่ใครพูด แต่ตอนนี้กลับมายืนอยู่ข้างๆ ถังเฉาอย่างพร้อมเพรียงกัน
นี่มันหมายถึงอะไร?
ก็หมายความว่าถังเฉาสามารถเอาพวกเธออยู่นะสิ!
โดยเฉพาะเย่หรูอี้!
ไม่ว่าใครๆ ก็รู้ ตระกูลเย่ได้มีคนนอกมาเยือนคนหนึ่ง
ไม่ว่าเป็นใครเธอก็จะทำตัวเย็นชาใส่ ใครก็ตามที่เป็นศัตรูของเธอ ต่างก็ต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถ
เหมือนจะไม่เคยมีใครได้เห็นเธอยิ้มมาก่อนเลย
ตอนที่ได้เห็นหน้าถังเฉา เธอกลับได้เผยรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาจากใจจริงๆ!
“การที่คุณบอกว่าสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลเย่ได้ ก็แสดงว่าหลังการประชุมแดนเหนือ คุณก็สามารถยืนอยู่ในตระกูลเย่ได้อย่างมั่นคงแล้วสินะ”
ถังเฉามองเธอแล้วพูดออกไป
เย่หรูอี้พยักหน้า “ถูกต้อง ฉันสามารถยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เย่เซ่าเตี๋ยคนเดียวไม่สามารถทำอะไรฉันได้อีกแล้ว ต้องร่วมมือกับเย่จงซือเท่านั้นถึงจะเอาฉันอยู่”
ถังเฉาไม่พูดอะไร แต่กลับจำชื่อๆ หนึ่งเอาไว้ในหัว
หลังจากที่เย่หรูอี้กลับไปตระกูลเย่แล้ว ตระกูลเย่ก็ได้มีมังกรหนึ่งตัวกับหงส์อีกสองตัว
หงส์สองตัวก็คือเย่หรูอี้กับเย่เซ่าเตี๋ย ส่วนมังกรอีกตัว ก็คือเย่จงซือนั่นเอง
เย่จงซือก็ได้ฝึกฝนบูโดเหมือนกัน ไม่เพียงแค่ไร้เทียมทาน บูโดเองก็แข็งแกร่งมาก
ว่ากันว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าฉินกวนฉีเลย
“นั่นถือเป็นศัตรูที่ร้ายกาจมาก”
ถังเฉาพูดขึ้น
“แต่ฉันมีคุณ ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย”
เย่หรูอี้ยิ้มออกมาอย่างงดงาม
“แค่กๆ!”
หลินชิงเสว่ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงได้ไอออกมาดังๆ สองที
เย่หรูอี้ถึงได้หยุดพูด แล้วหันมองไปทางหลงชื่อเทากับหลงเฟยหยู่
แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ จากหายไป
“คุณลุงหลงคะ ฟังคำแนะนำของหรูอี้เถอะค่ะ เขาสั่งให้คุณลุงทำอะไร คุณลุงก็ยอมทำเถอะค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ผลที่ตามมาคุณลุงไม่มีทางรับไหวแน่นอนนะคะ”
ถังเฉาสีหน้าเรียบเฉย ในเมื่อต่อไปศูนย์กลางก็จะถูกย้ายมาที่เยี่ยนจิงอยู่แล้ว งั้นก็ต้องย้ายมาที่อยู่มาที่เยี่ยนจิงด้วยเหมือนกัน
ถังเฉานั้นไม่อยากถูกพวกคนต่ำต้อยยั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนตอนอยู่ที่เมืองหมิงจูกับเมืองเจียงเฉิงอีกแล้ว
ตอนที่มาถึงเยียนจิง เขาก็ตั้งใจจะใช้ไม้แข็งออกมาซะเลย
หลงชื่อเทากับหลงเฟยหยู่นั้นกลับไม่ได้รู้สึกถึงจุดนี้เลย
“สาวน้อยของตระกูลเย่ นี่เธอกำลังข่มขู่ฉันอยู่เหรอ?”
“คำพูดนี้ถ้าปู่ของเธอมาพูดยังพอมีความหมายบ้าง เธอนั้นยังอ่อนไปหน่อยนะ!”
เย่หรูอี้ไม่ได้โมโห แค่ผายมือยักไหล่ “คุณลุงไม่ยอมเชื่อก็ช่างมันเถอะค่ะ”
พูดจบ เหมือนเธอก็ไม่ยากจะลงมือแล้ว ยืนดูอยู่ข้างๆ
ไม่ต่างอะไรกับหลินรั่วหวีและลั่วเย่นหัว เย่หรูอี้ก็มาช่วยคุมสถานการณ์เหมือนกัน
เรื่องนี้จะจบลงแบบไหน ก็ยังต้องดูว่าถังเฉานั้นจะตัดสินใจยังไง
หลงเฟยหยู่จ้องมองถังเฉาอย่างมีนัยยะ หลังเงียบไปนาน เขาก็ได้พูดออกไปว่า “งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เราถอยกันคนละก้าว ขอแค่แกไม่ติดใจเอาความเรื่องนี้ต่อ และเราก็ไม่ต้องคุกเข่าขอโทษ ข้อเสนออย่างอื่น แกพูดมาได้เลย——ถือว่าหลงเฟยหยู่คนนี้ติดหนี้บุญคุณแกครั้งหนึ่งก็ได้!”
ยังไงแรงกดดันมันก็มีมากเกินไปจริงๆ หลินรั่วหวี ลั่วเย่นหัว เย่หรูอี้ ออร่าที่สามคนนั้นส่งออกมามันมากเกินไป แค่ยืนเฉยๆ อยู่ตรงนั้น ก็ทำให้หลงเฟยหยู่กดดันอย่างถึงที่สุดแล้ว
เอาเข้าจริง ก็ต้องโทษเขาที่มีลูกชายที่ไม่เอาไหน เอาผู้หญิงที่ไหนไม่เอา กลับดันอยากได้หลินชิงเสว่ซะได้
หลงเฟยหยู่นั้นยอมอ่อนข้อให้แล้ว แต่ถ้าจะให้คุกเข่านั้นไม่มีทาง!
แต่ว่า ถังเฉายังคงทำหน้าเรียบเฉย “นี่นะเหรอคือการขอโทษของตระกูลหลง?”
หลงเฟยหยู่เลิกคิ้วขึ้น “แล้วแกต้องการอะไร?”
“ไม่ต้องมาไร้สาระ ต้องคุกเข่าเท่านั้น ไม่อย่างนั้นตระกูลหลงก็ไม่มีที่สำหรับคุณ!”
ถังเฉานั้นดูทรงอำนาจ ไม่ยอมถอยให้แม้แต่ครึ่งก้าว
หลงเฟบหยู่สีหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด คนที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งของตระกูลหลงอย่างเขา จะเคยไปถูกใครมาบังคับข่มขู่แบบนี้ได้ยังไงล่ะ?
และสิ่งที่ทำให้หลงเฟยหยู่ทนไม่ได้ที่สุดก็คือ คนที่ขู่บังคับเขา เป็นแค่คนที่อาศัยบารมีของคนอื่น เป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านที่ใช้อำนาจของคนอื่นเท่านั้น!
ไฟแห่งโทสะกำลังลุกโชนขึ้นในใจของหลงเฟยหยู่
หลินรั่วหวีกับลั่วเย่นหัวนั้นกลับมองถังเฉาด้วยความแปลกใจ
ถ้าถังเฉาต้องการยืมอำนาจของพวกเขาไปใช้นั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ถังเฉานั้นจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองเท่านั้น!
เจียงไป๋เสว่เหมือนจะไม่กังวลเลยว่าถังเฉาจะไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ ได้แต่ยืนเบื่อหน่ายอยู่ข้างๆ
“แกมีสิทธิ์อะไรที่จะทำให้อยู่ตระกูลหลงต่อไปไม่ได้?”
หลงเฟยหยู่ทำหน้าเยือกเย็น จ้องมองถังเฉา แล้วถามออกไป
“พ่อครับ ไม่ต้องไฟสาธยายอะไรกับมันแล้ว เรียกพวกคุณลุงในชุมชนทหารมาเลยครับ เรื่องเส้นสายในสนามรบนั้นตระกูลหลงของเรานั้นไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว!”
หลงชื่อเทาทำหน้าโหดเหี้ยม
ต่อให้ถังเฉาจะเป็นสามีของหลินชิงเสว่ เขาก็พร้อมที่จะต่อต้านอย่างถึงที่สุด
ตระกูลหลงนั้นแตกต่างจากตระกูลหลวงอื่น ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจนั้นสำคัญยิ่งกว่าชีวิต
แต่ถังเฉากลับบอกให้พวกเขาคุกเข่าลง นี่มันทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก!
โดยเฉพาะหลงเฟยหยู่ เขาเป็นคนที่มีหน้ามีตาในชุมชนทหาร ถ้าเขาเกิดคุกเข่าลงไปจริงๆ ศักดิ์ศรีของเขาก็จะหายไปทันที
อนาคตของเขาก็จะจบลงทันที
ดังนั้นผลที่ตามมาจึงใหญ่มากๆ
หลงเฟยหยู่นั้นจะไม่ยอมความอัปยศอดสูเพื่อชีวิตเด็ดขาด!
จ้องมองไปยังถังเฉา แล้วพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจว่า “ไอ้หนู ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ให้มันจบลงแค่เรื่องส่วนตัว แบบนี้มันจะดีกับเราทั้งสองฝ่าย!”
ถังเฉาไม่แสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาเลยสักนิด แล้วพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คำพูดของผม จะไม่มีการพูดย้ำเป็นครั้งที่สอง ถ้าคนที่ลูกชายของคุณล่วงเกินคือผม ก็ยังพอมีทางรอด แต่นี่คนที่ล่วงเกินคือภรรยาของผม งั้นก็คงคุยกันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้แล้ว!”
ตอนนี้ ออร่าของถังเฉากำลังรุนแรงมากขึ้น แม้แต่หลงเฟยหยู่ยังรับรู้ได้ถึงความกดดัน
“ได้! งั้นก็จะมาโทษฉันไม่ได้นะ!”
หลงเฟยหยู่ตวาดออกมาเสียงดัง จากนั้นก็กดโทรไปยังชุมชนทหาร
แต่กลับได้คำตอบว่า บรรดาคนใหญ่คนโตของชุมชนทหารนั้นได้ออกเดินทางแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็คงมาถึง
หลงเฟยหยู่ชะงักไป สนามรบรู้ได้ยังไงว่าเขาเจอกับปัญหาเข้าแล้ว?
ไม่นาน เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“นี่ไอ้หนู แกจบเห่แล้ว! ไม่ยอมทำตามที่ตระกูลหลงของฉันสั่ง ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว!”
“แกอย่าให้เรื่องมันใหญ่โตไม่ใช่รึไง งั้นก็เอาเรื่อง ชุมชนทหารนั้นให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก ตอนนี้ได้ส่งคนใหญ่คนโตทั้งหมดมาที่นี่แล้ว แม้แต่ตระกูลหลวงก็คุ้มกะลาหัวแกไม่ได้แล้ว!”
หลงชื่อเทาก็รู้สึกโล่งอกไปเหมือนกัน และกำลังจ้องมองถังเฉาด้วยความภูมิใจกับปัญหาที่ตัวเองได้ก่อขึ้น
นี่แหละคือความยิ่งใหญ่ของตระกูลหลง เบื้องหลังของตระกูลหลงก็คือประเทศนี้!
ถ้าจะให้พูดแบบไม่สุภาพก็คือ ต่อให้แปดตระกูลหลวงที่เหลือร่วมมือกันมาต่อกรกับตระกูลหลง สุดท้ายฝ่ายที่ต้องพ่ายแพ้ก็ต้องเป็นแปดตระกูลหลวงอยู่ดี
ตระกูลหลงนั้นรักษาความมั่นคงให้ประเทศ จึงจะคงอยู่ได้ตลอดไป!
หลินชิงเสว่นั้นสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับมีความรู้สึกกดดันขึ้นในใจ
เรื่องนี้มันได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วจริงๆ แม้แต่ชุมชนทหารก็ยังมีการเคลื่อนไหวแล้ว
“ถังเฉาคะ ฉันว่าให้เรื่องมันจบลงแค่นี้ดีมั้ยคะ……”
ถังเฉาโบกมือ “ไม่ได้เด็ดขาด! พวกนี้เป็นแค่ไอ้หนอนแมลงของตระกูลหลงเท่านั้น พวกเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะอ้างชื่อของตระกูลหลง!”
โครมมม!
ประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น สนามบินเยี่ยนจิงก็ถูกปิดล้อมไว้หมดแล้ว
ขบวนรถหงฉีที่ไม่มีป้ายทะเบียนพากันมาจอดอยู่ตรงทางเข้า ตัวอักษร “หงฉี” ตัวสี่เหลี่ยมๆ แดงเด่นราวกับถูกย้อมด้วยเลือด
ซึ่งนี่ก็คือรถที่เป็นตัวแทนของชุมชนทหาร รถที่เป็นรูปแบบนี้ คนธรรมดาทั่วไปนั้นซื้อไม่ได้เด็ดขาด!
ถ้าซื้อก็จะโดนจับทันที!
ชายชราที่น่าเกรงขามอายุประมาณหกเจ็ดสิบหลายคนได้ก้าวลงจากรถ
ทุกคนต่างก็เป็นผู้สูงวัย แต่ทุกคนก็ยังดูร่างกายกำยำอยู่
สมัยหนุ่มๆ พวกเขาต่างก็เคยเข้าร่วมสนามรบ ทำการปกป้องประเทศชาติ!
ทุกๆ คนต่างถูกกันออกไป รังสีที่มองไม่เห็นได้เพิ่มสูงขึ้น
“นั่นมันคนใหญ่คนโตของชุมชนทหารสนามรบนี่!”
“พวกเขาต่างก็เป็นลูกศิษย์ของท่านเจ้ามังกรกันหมด ต้องเรียกท่านเจ้ามังกรว่าครูผู้ฝึก!”
“ที่ๆพวกเขาพักอาศัยนั้นถูกเรียกว่าบ้านพักคนชราเทียนจื้อที่หนึ่งของต้าเซี่ย!”
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงกับทำให้พวกเขาต้องเคลื่อนไหวแบบนี้?!”
……
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างพากันตะโกนออกมาเสียงดัง
น้ำเสียงของทุกคนนั้นต่างก็สั่นเทา ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
โดยเฉพาะที่ด้านหลังของผู้สูงวัยทุกคน ต่างก็มีผู้แข็งแกร่งที่ผ่านสมรภูมิมานับครั้งไม่ถ้วนสิบคนคอยอารักขาอยู่เป็นกลุ่มก้อนที่ดำทมิฬ แค่อยู่เฉยๆ จิตสังหารก็ปกคลุมไปทั่วแล้ว
ทันทีที่หลงเฟยหยู่กับหลงชื่อเทาได้เห็นชายชราที่น่าเกรงขามพวกนี้ ก็อึ้งไปก่อน จากนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เพราะชายชราพวกนี้ต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตของชุมชนทหารทั้งนั้น มีตำแหน่งที่สูงส่งมากๆ
เคยฝึกสอนลูกศิษย์ที่โดดเด่นออกมามากมาย ที่ตอนนี้ได้ประจำการอยู่ในสนามรบทั้งสามแห่ง ลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง
ไม่ต้องพูดถึงหลงชื่อเทาหรอก แม้แต่หลงเฟยหยู่ยังไม่เคยเจอพวกเขาด้วยตาตนเองเลย!
แต่ตอนนี้กลับได้เจอคนใหญ่คนโตมากมายขนาดนี้ในครั้งเดียว หลงเฟยหยู่จึงรู้สึกตื่นเต้นมาก!
และเขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นถูกให้ความสำคัญ
ฐานะของเขาในสนามรบนั้นไม่ได้ถือว่าสูง ตามหลักแล้ว ไม่มีทางทำให้ชายชราพวกนี้เคลื่อนไหวได้หรอก
หรือจะบอกว่า……ตำแหน่งของตัวเองที่อยู่ในสนามรบนั้นสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”
พอคิดถึงตรงนี้ หลงเฟยหยู่ก็ตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมด
การที่คนใหญ่คนโตามากมายแบบนี้ปรากฏตัวออกมา ต้องมาเพราะตนแน่ๆ
ชีวิตที่จะได้พัฒนาของเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
เขาชี้ไปที่ชายชราพวกนั้น จากนั้นก็พูดกับถังเฉาว่า “แกเห็นรึยัง? คนพวกนี้ต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตระดับตำนานของสนามรบทั้งนั้น ต่อให้เป็นผู้นำของตระกูลเก้า ตระกูลหลวงมาเห็นเข้า ก็ยังต้องเกรงใจเลย พวกเขานั้นมาที่นี่เพื่อฉันเลยนะจะบอกให้!”
หลงเฟยหยู่นั้นเหมือนเห็นภาพที่ตัวเองกำลังเก่งกาจแล้ว
เจียงไป๋เสว่เอามือปิดปากเพื่อกลั้นขำเอาไว้
ถังเฉาพยักหน้า “คุณพูดถูกแล้ว พวกเขานั้นมาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องระหว่างเราจริงๆ”
ถังเฉาไม่เพียงไม่กลัว แต่กลับจ้องมองหลงเฟยหยู่ด้วยสายตาที่เวทนาแทน
หลงเฟยหยู่นั้นรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะเขาคิดว่า ถังเฉานั้นตายแน่ๆ แล้ว!
พรึบพรับ พรึบพรับ!
ชายชราที่น่าเกรงขามพวกนั้นเดินเข้าสนามบินมาทีละคนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม สายตาเหมือนเรดาร์ ราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่
หลงเฟยหยู่พาหลงชื่อเทาเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น
“สวัสดีครับท่านผู้บังคับบัญชา ผมคือ……”
หลงเฟยหยู่กำลังจะแนะนำตัว แต่ชายชราพวกนั้นกลับไม่แม้แต่จะมองเขา แล้วเดินผ่านไปเฉยๆ
พวกเขายังคงตามหาบางสิ่งต่อไป พอมองเห็นถังเฉา สายตาของพวกเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
คนมากมายขนาดนั้น ได้เดินเข้าไปหาถังเฉาอย่างรวดเร็ว จับมือของเขาแน่น แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า
“เรามาช้าไปหน่อย! เสี่ยวถัง เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?”