เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 683 ตระกูลหลวงก้มหัว
แขกเหรื่อรอบๆยังทนไม่ไหว สายตาที่มองถังเฉาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ตระกูลหลินผู้แต่งเข้า แกคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตจากไหนมาจริงๆหรือไง เขาเทียบกับคุณชายหลงได้ที่ไหน?”
“คุณชายหลงก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่ รู้สึกเสียศักดิ์ศรีหรือไง? ขืนมีเรื่องกันต่อ ตระกูลหลินคงต้องเสียหน้าไปด้วย”
“เขากล้าไปเทียบกับคุณชายหรงได้ยังไงกัน มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นถึงไขว่คว้าความรุ่งเรืองในอดีตไม่ยอมปล่อย”
“……”
ฟังมาถึงตรงนี้ หลงหวูหุ่ยไม่ได้ขัดอะไร กลับยิ้มเย็นพลางมองเขา
หลังจากหยามเกียรติถังเฉาไปยกใหญ่ หลงหวูหุ่ยรู้สึกหมดสนุก
ถึงยังไงการรังแกเขยแต่งเข้าผู้ไร้ฐานะ ไม่ใช่วิถีของเขาหลงหวูหุ่ย เอาแค่พอเหมาะพอควร
แต่หลงหวูหุ่ยคิดไม่ถึงว่าถังเฉาจะเป็นฝ่ายหาเรื่องเขา——นี่เป็นการบีบให้เขาลงมือกับถังเฉาไม่ใช่หรอ?”
“ไป๋เสว่ บอกให้เขาพูดน้อยๆหน่อย ไม่อย่างนั้นต่อให้เราเคยเป็นสหายร่วมรบรุ่นเดียวกัน ก็อาจจะทนไม่ไหวจนลงมือกับเขาก็ได้”
หลงหวูหุ่ยพูดกับเจียงไป๋เสว่
เจียงไป๋เสว่ยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอะไร
หลงหวูหุ่ยส่ายหน้า ดูท่าอยู่กับถังเฉามานาน แม้แต่เจียงไป๋เสว่เองยังกลายเป็นคนมองการณ์ในระยะสั้น
ตอนแรกหลงหวูหุ่ยคิดจะจีบเจียงไป๋เยว่ใหม่ ตอนนี้เขาล้มเลิกความตั้งใจแล้ว
เจียงไป๋เสว่ในตอนนี้ไม่คู่ควรกับเขา
ขณะนั้นเจียงเฉาเดินเข้ามา พูดกับถังเฉาด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ฉันขอสัมภาษณ์แกหน่อยสิ เห็นคุณชายหลงที่เคยสู้ตัวเองไม่ได้มีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าขนาดนี้ ส่วนแกกลับละทิ้งศักดิ์ศรีไปเป็นเขยแต่งเข้าของตระกูลหลิน ตอนนี้แกรู้สึกยังไงบ้างหรอ?”
ไม่รอให้ถังเฉาพูดอะไร เจียงเฉาก็ถามเองตอบเอง
“คงหงุดหงิดมากเลยล่ะสิ แทบอยากมุดแผ่นดินหนี เสียใจที่มาที่นี่ใช่มั้ย?”
“แกทำแบบนี้อีกหน่อยตอนแต่งเข้าจริงๆ จะโดนคนตระกูลหลินดูถูกเอานะ”
เจียงเฉายิ้ม “เอาอย่างนี้ ฉันจะบอกเคล็ดให้ ตอนนี้แกขอโทษยอมรับผิด แล้วตะโกนว่า ‘พี่เทียนหลง ผมผิดไปแล้ว’ ให้คุณชายหลงหางานที่สนามรบให้แกสักงาน พอมีประวัติงานที่สนามรบ คนตระกูลหลินจะได้ไม่ดูถูกแก เป็นไง วิธีนี้ไม่เลวใช่มั้ย?”
พูดจบ เจียงเฉาชิงหัวเราะลั่น
คนรอบๆพากันหัวเราะตาม
หลงหวูหุ่ยเพียงแต่มองถังเฉานิ่งๆ “เป็นไง เจียงเฉาพูดถูกนะ สนใจมาทำงานกับฉันมั้ย? ฉันให้โอกาสนายได้ทำงาน ดีกว่าไปทำในบริษัทของประเทศเยอะ”
พอเขาพูดแบบนี้ออกไป ผู้ชายคนอื่นในที่นี้มองตาละห้อย ส่งสายตาอิจฉาไปให้ถังเฉา
นี่เป็นโอกาสได้ผงาดที่หายากมากระดับหนึ่งในพันเลยนะ!
หลงหวูหุ่ยเป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดแห่งสนามรบเยี่ยนจิง ถึงจะเป็นแค่เขตย่อย แต่หลงหวูหุ่ยได้เปรียบตรงอายุน้อย บวกกับมีกำลังหนุนหลังอย่างตระกูลหลง ใครก็รับประกันให้ได้ว่าเขาต้องไปถึงระดับสนามรบใหญ่ได้แน่
การได้ติดตามหัวหน้าที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัดแบบนี้ เป็นความใฝ่ฝันของผู้ชายทุกคน
บวกกับเมื่อก่อนถังเฉาและหลงหวูหุ่ยอยู่รุ่นเดียวกัน ถ้าได้เข้าไปทำงานต้องได้รับมอบหมายแต่งานสำคัญแน่น อนาคตเจิดจรัสขึ้นมาในบัดดล
มีคนตวาดขึ้นมาทันที “แกลังเลอะไรอีก สนามรบเป็นที่พึ่งของประเทศ ติดตามคุณชายหลง อนาคตไร้ขีดจำกัด มีอนาคตกว่าที่แกจะไปทำธุรกิจอะไรนั่นเยอะ”
“ใช่ ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะปิดบริษัทแล้วหันไปพึ่งใบบุญคุณชายหลง จะเหนื่อยจะหนักแค่ไหนฉันก็จะไป”
“…..”
รอบข้างเอะอะกันให้แซ่ด หลงหวูหุ่ยไม่ได้ขัดอะไร เพียงแต่มองถังเฉาด้วยสายตาเย้ยหยันกว่าเดิม
เขากำลังรอให้ถังเฉาตัดสินใจ
บางทีอาจจะกลัวเสียหน้า แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของเขา ต่อให้ต้องขายหน้าขนาดไหนเขาก็ต้องยอมทำแน่
หลินชิงเสว่สีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด เธอกำหมัดแน่น ไหล่สั่นเทิ้ม
ถึงยังไงถังเฉาก็เป็นสามีของเธอ แต่กลับถูกเหยียดหยามขนาดนี้
ที่สำคัญ พวกเขาอยู่คนละวงการกัน
นักธุรกิจจะเก่งแค่ไหน ถ้าเจอคนในสนามรบก็ต้องก้มหัวให้
หลินชิงเสว่สู้หลงหวูหุ่ยไม่ได้!
ต่อให้ลั่วเย่นหัวและหลินรั่วหวีมา ก็ต้องไว้หน้าหลงหวูหุ่ย
นี่แหละคือระยะห่าง!
นาทีนี้เจียงไป๋เสว่ปริปากอย่างทนไม่ไหวในที่สุด
“พวกนายมองอะไรในระยะสั้นจริงๆ ถังเฉาบอกว่าห้าปีก่อนนายสู้เขาไม่ได้ ห้าปีต่อมา ระยะห่างระหว่างพวกนายมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ”
“ตอนนี้ระยะห่างของพวกนายมากจนมองไฟท้ายไม่เห็นแล้ว”
ที่น่าแปลกใจคือหลงหวูหุ่ยกลับเห็นด้วยกับที่เจียงไป๋เสว่พูด
“อื้ม เธอพูดถูก ระยะห่างระหว่างฉันกับถังเฉามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาไม่เห็นแม้แต่ไฟท้ายของฉันแล้ว”
“เธอก็เหมือนกัน ตอนนี้เธอไม่คู่ควรจะเป็นผู้หญิงของฉันแล้ว ต่อให้ตอนนี้เธอจีบฉัน ฉันก็ปฏิเสธเธออยู่ดี”
หลงหวูหุ่ยพูดกับเจียงไป๋เสว่
“…….”
ตาคู่สวยของเจียงไป๋เสว่เบิกกว้าง สีหน้าฉายแววโกรธในที่สุด
แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่หันไปมองถังเฉา
เธอเชื่อว่า ถังเฉาไม่ใช่คนที่ยอมเสียเปรียบหรอก
หลงหวูหุ่ยทำยังไงกับเขา เขาก็จะเอาคืนแบบนั้น!
บึ้ม!
และในตอนนั้น รสเตรทช์ลีมูซีนสองคันค่อยๆเข้ามาจอดอยู่หน้าประตูลานใหญ่ตระกูลหลง
พ่อบ้านตะโกนเสียงดังตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง มาเพื่ออวยพร!”
สิ้นเสียง คนกลุ่มนึงก็ลงจากรถ มีผู้หญิงหน้าตาสะสวยสองคนนำอยู่ด้านหน้า
คนหนึ่งหน้าเรียว เครื่องหน้าพิถีพิถัน ตามรูปแบบคนสวยทุกอย่าง
อีกคนกลับทำเอาตาเป็นประกายในบัดดล เสมือนสาวงามในยุคโบราณที่เดินออกมาจากภาพวาด
เย่เซ่าเตี๋ยและเย่หรูอี้นั่นเอง
“สองหงส์แห่งตระกูลเย่ พวกเธอมาอวยพรด้วยกันหรอ ตระกูลหลงนี่มีหน้ามีตาจริงๆ”
“เย่หรูอี้และเย่เซ่าเตี๋ยต่างเป็นสาวสวยแบบหนึ่งในหมื่น ไม่รู้ว่าใครกันจะได้แต่งงานกับพวกเธอ”
มีคนอุทานกับความมีหน้ามีตาของตระกูลหลง และมีคนชื่นชมความงามของเย่หรูอี้และเย่เซ่าเตี๋ย
เย่หรูอี้สีหน้าปกติ แต่สีหน้าเย่เซ่าเตี๋ยเปลี่ยนไป
เมื่อก่อนเสียงกู่ร้องแบบนี้เป็นของเธอคนเดียว ตอนนี้กลับต้องแบ่งกับเย่หรูอี้
หลงหวูหุ่ยพาคนเดินเข้ามาต้อนรับที่ทางเข้า
“ยินดีต้อนรับคุณเย่ทั้งสอง”
เย่หรูอี้และเย่เซ่าเตี๋ยพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเข้าไปในลานหลัก
กำลังจะเอ่ยทักทาย พลันหันไปเห็นถังเฉาในลาน
“อ้าว แกนี่เอง!”
“ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่?”
เย่เซ่าเตี๋ยร้องเสียงหลง หน้าตาผวา และถึงกับขาเคล็ดล้มลงกับพื้นอย่างทุลักทุเล เจ็บจนเธอโอดครวญออกมาไม่หยุด
ถังเฉากวาดตามองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาหน้าตาเรียบเฉย “ฉันไปไหนต้องขอความเห็นเธอด้วยหรอ? หรือเธอจะมาหาเรื่องอีก?”
พอพูดมาถึงตอนหลัง ถังเฉาหรี่ตาลงด้วยท่าทางอันตราย ตั้งใจมองเย่เซ่าเตี๋ยอย่างพิจารณา
ทันใดนั้น เย่เซ่าเตี๋ยรู้สึกเสียวสันหลัง เหงื่อผุด
แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่กล้าเดินเข้าไปในลานใหญ่ตระกูลหลงอีก
“ได้ ไอ้คนแซ่ถัง แกบังอาจข่มขู่ฉัน คอยดูได้เลย”
“พวกเราไป!”
เย่เซ่าเตี๋ยสบถก่นด่าและตั้งท่าจะไป ภาพลักษณ์ของเธอป่นปี้ไปหมดแล้ว
ลูกน้องกลับมีสีหน้าลำบากใจ “แต่นายท่านบอกว่า คุณหนูทั้งสองมาเพื่อฉลองวันเกิดให้เจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลง——”
“…..”
เย่เซ่าเตี๋ยหน้าเสีย ขี่หลังเสือแล้วลงยาก
เย่หรูอี้กลับหัวเราะเบาๆ “ถ้าพี่กลัว ก็ให้เธอกลับไปคนเดียวก็ได้ พวกแกไปกับฉัน ฉันเป็นตัวแทนตระกูลเย่ในการฉลองวันเกิดก็ได้”
เย่เซ่าเตี๋ยถลึงตาใส่เย่หรูอี้ ไปคนเดียวอย่างไม่สบอารมณ์
เธอทำอะไรถังเฉาไม่ได้จริงๆ เจอกันครั้งแรกก็เตะเธอลงจากบันไดจนขาแทบหัก จากนั้นก็ทำลายวิชาของยอดฝีมือบูโดห้าคนที่เธอเชิญมา ท้ายสุด อาละวาดฆ่าคนยกใหญ่ที่ประชุมแดนเหนือ
เรื่องนี้ทำเอาเย่เซ่าเตี๋ยตกตะลึง ไม่มีทางที่เธอจะปรากฏในที่เดียวกันกับถังเฉา
มีเขาไม่มีฉัน มีฉันไม่มีเขา!
เย่เซ่าเตี๋ยจากไปโดยที่ก่นด่าไปด้วย ลานใหญ่ตระกูลหลงกลับตกอยู่ในความเงียบ
เจียงเฉายังอึ้ง ทำหน้าเหมือนเห็นผี
เย่เซ่าเตี๋ยแห่งตระกูลเย่ขึ้นชื่อเรื่องอันธพาลและเอาแต่ใจที่เยี่ยนจิง ทำไมพออยู่ต่อหน้าถังเฉากลับเหมือนหนูที่เจอแมวล่ะ?
แม้แต่หลงหวูหุ่ยยังเงียบทั้งที่สีหน้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แต่มันยังไม่จบ
เย่หรูอี้ คุณหนูอีกคนแห่งตระกูลเย่ก้าวเข้าไปอยู่ตรงหน้าถังเฉาอย่างสง่างาม ทันใดนั้น เธอย่อตัวลงและเอ่ย “คารวะคุณถัง”
เย่หรูอี้แตกต่างจากที่เจอคราวก่อนที่สนามบิน หลังจากกลับไป เธอตั้งใจไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อมางานวันเกิดที่ตระกูลหลง
เธอสวมชุดกี่เพ้าสั้นลายขาวฟ้าเทียบกับชุดกี่เพ้าสีม่วงที่เธอใส่บ่อยๆแล้วเข้ารูปมากกว่า และเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนขึ้นไปอีก แขกผู้ชายรอบๆตาโตอ้าปากค้างกันไปไม่น้อย
“คารวะคุณถัง!!!”
ลูกน้องเป็นฝูงที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่หรูอี้ ส่งเสียงดังลั่น กึกก้องสะท้านฟ้า
ทั้งลานใหญ่ตระกูลหลงเงียบสงัดในชั่วพริบตา มีเพียงเสียงสะท้อนไปมา เนิ่นนานไม่ยอมหายไป
เจียงเฉาตะลึงกว่าเดิม หลงหวูหุ่ยสีหน้าอึมครึมกว่าเดิม
เย่หรูอี้ เคารพถังเฉาขนาดนี้เชียว
ที่มากันก่อนหน้านี้มีแต่ตระกูลระดับต้นๆของเยี่ยนจิง ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูยังไม่มีใครมา
หลังจากที่เย่หรูอี้มาถึง ตัวแทนจากตระกูหลวงเยี่ยนตูถึงพากันเข้ามาเมื่อล่วงเวลาไป
พิธีบรรลุนิติภาวะยังไม่เริ่ม บรรยากาศก็เดือดถึงขีดสุด
รถอีกคันเข้ามาจอด ชายหนุ่มที่ดูร่างกายอ่อนแอพยุงไม้ค้ำเข้ามาด้วยการพยุงจากพ่อบ้าน
“ฉินผู่หยางแห่งตระกูลฉิน”
“ตัวแทนจากตระกูลฉินเป็นเขาหรือนี่ ต้องเป็นฉินกวนฉีไม่ใช่หรอ?”
ทุกคนตาโตอ้าปากค้าง อุทานเสียงหลงกันระนาว
“ฉินผู่หยาง….”
หลงหวูหุ่ยสายตาตะลึง เขาเจอคนคุ้นเคยอีกแล้ว
ถังเฉาและเจียงไป๋เสว่เป็นตัวสำรองเพราะฉินผู่หยางถอนตัวออก
ทว่า หลังจากที่ฉินผู่หยางเห็นถังเฉา กลับพยุงไม้ค้ำเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าถังเฉาทันทีพลางยิ้ม “ถ้ารู้ว่านายก็จะมาตระกูลหลงเหมือนกันก็น่าจะมาหาฉันก่อน ฉันจะได้ไปด้วยกันกับนาย”
ถังเฉาปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ช่างมันเถอะ ฉันกับนายเป็น ‘ศัตรู’ กันนะ”
ฉินผู่หยางยิ้มกว้างกว่าเดิม “ต่อให้เป็น ‘ศัตรู’ ฉันก็ต้องขอบคุณนาย ถ้าไม่ได้นายก็คงไม่มีฉินผู่หยางในวันนี้”
ถังเฉารู้ดีว่าฉินผู่หยางหมายถึง เรื่องที่ขอเป็นพันธมิตรกับเขาที่ประชุมแดนเหนือ
ซี้ด!
ภาพนี้สะเทือนอกของทุกคน ณ ที่นี้ พวกเขาเอ๋อกันหมด
หลงหวูหุ่ยก็เช่นกัน แสบหน้าไปหมด
ท้ายสุด ตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงมา คนที่มาร่วมงานวันเกิดกลับเป็นพ่อบ้านเจียงหู่
สาเหตุคือตระกูลเจียงมีตัวแทนอยู่ที่นี่แล้ว
“คารวะคุณหนู”
เจียงหู่พาลูกน้องเข้ามาโค้งคำนับเจียวไป๋เสว่
เจียงไป๋เสว่สีหน้าเรียบเฉย ถอยหลังหนึ่งก้าวไปอยู่ด้านหลังถังเฉา
เจียงหู่เข้าใจความหมายทันที จากนั้นจึงทักทายเสียงกังวาน
“คารวะคุณถัง!”
เสียงตะโกนกึกก้องไปถึงฟ้า ทุกคนตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ส่วนเจียงเฉา นั่งตุ้บลงพื้น มองเจียงไป๋เสว่ด้วยสีหน้าซีดเผือด
“ที่แท้เธอเป็นคุณหนูตระกูลเจียงจริงๆ”