เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 684 ฉันจะยืน
เจียงเฉาหัวสมองว่างเปล่า สายตาที่มองเจียงไป๋เสว่แฝงได้ด้วยความตื่นตระหนก
ตอนที่อยู่ลานจอดรถ เจียงไป๋เสว่ก็เคยเปิดเผยตัวตนแล้ว ว่าเธอมาจากตระกูลเจียง
แต่เจียงเฉาหาว่าเธอพูดเหลวไหล
เพราะเขานี่แหละคุณชายตระกูลเจียง ที่บ้านไม่มีคนอย่างเธออยู่สักหน่อย
คิดไม่ถึงว่าเจียงหู่จะมาในตอนนี้ แถมยังเรียกเจียงไป๋เสว่ว่า ‘คุณหนู’ เท่านี้ก็บ่งบอกฐานะของเธอได้อย่างชัดเจนแล้ว
แม้เจียงหู่จะเป็นเพียงพ่อบ้านของตระกูลเจียง แต่สถานะที่บ้านสูงมาก เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของผู้นำตระกูลเจียงเลยก็ว่าได้
เจียงหู่ติดตามผู้นำตระกูลเจียงตั้งแต่ยังหนุ่ม ทั้งสองบุกป่าฝ่าดงมาด้วยกัน หลังจากก่อตั้งตระกูลเจียงแล้ว เจียงหู่กลับปฏิเสธความหวังดีของผู้นำตระกูลเจียง ยอมลดตัวเป็นแค่พ่อบ้านคนหนึ่ง
เรื่องนี้กลับทำให้ผู้นำตระกูลเจียงยิ่งให้เกียรติเจียงหู่
เจียงหู่บอกว่าเจียงไป๋เสว่คือคุณหนูของตระกูลเจียง งั้นเธอก็คือคุณหนูของตระกูลเจียง
เจียงเฉาถึงรู้ตัวว่าตัวเองก่อเรื่องซะแล้ว หน้าซีดเผือดลง
นาทีนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง แล้วยังพยายามหดตัว กลัวเหลือเกินว่าเจียงหู่จะเห็นเขา
แต่เพื่อนโง่ๆของเขาไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด
“พี่เฉา พี่ดูสิ พ่อบ้านตระกูลหลวงของพี่มา ทำไมเขาถึงเรียกคนสวยคนนั้นว่าคุณหนูล่ะ? หรือว่าตระกูลเจียงของพี่มีลูกหลานที่ไม่ได้บอกสาธารณชนหรอ?”
“ในเมื่อเป็นคุณหนูตระกูลเจียง ก็เท่ากับเป็นพี่สาวของพี่ คนกันเองนี่ ทำไมพี่ไม่เข้าไปทักทายล่ะ”
“พี่เฉา บอกกันหน่อยสิ ว่าพี่สาวของพี่ชื่ออะไร?”
“…….”
เพื่อนในแก๊งผลัดกันพูดคนละประโยคสองประโยค และดึงเจียงเฉาที่ถอยออกไปกลับมา เจียงเฉาแทบจะด่าแม่อยู่แล้ว
ส่วนเจียงหู่เห็นเจียงเฉาแล้วเหมือนกัน เขาเม้มริมฝีปากหนา “เจียงเฉา เห็นพี่สาวนายแล้วทำไมไม่ทักทาย?”
เจียงเฉาหน้าเขียว แต่เจียงหู่ถึงขั้นเอ่ยปากแล้ว เขาได้แต่บากหน้ามาอยู่ตรงหน้าเจียงไป๋เสว่ และเอ่ยทักทาย
“สะ….สวัสดีครับพี่”
เจียงไป๋เสว่มือกอดอก ยิ้มอย่างนึกขัน “เมื่อกี้ตอนเจอฉัน แกไม่ได้เรียกแบบนี้นะ”
คำพูดนี้แฝงแววถากถางไว้มาก จนเจียงเฉาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จริงอย่างที่ว่า เมื่อกี้ตอนเจอเจียงไป๋เสว่ เจียงเฉาไม่เชื่อที่เจียงไป๋เสว่พูดเลย แล้วยังพูดไม่ดีกับเธอด้วย
เจียงหู่เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าเขาอึมครึมลงไปในบัดดล ตวาดลั่น “บังอาจเสียมารยาทกับคุณหนู รนหาที่ตายชัดๆ!”
เจียงเฉากลัวจนหน้าถอดสี ขอร้องอ้อนวอน “ลุงหู่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้ว่าเธอคือพี่สาวของผม”
“ไม่รู้แล้วเสียมารยาทกับคุณเจียงได้หรอ?”
เจียงหู่หัวเราะเย็นๆ น้ำเสียงเย็นยะเยือก “ฉันกล้าบอกแกเลยนะ อย่าว่าแต่แกห้ามเสียมารยาทต่อคุณเจียงเลย ต่อให้ผู้นำมาเอง ก็ต้องนอบน้อมต่อคุณเจียง”
พอคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ยออกไป เจียงเฉาก็นึกถึงวิกฤติที่ตระกูลเจียงเผชิญอยู่ในตอนนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ทำการโต้เถียงอย่างที่ไม่น่าจะเป็น
ถังเฉาหรี่ตาเล็กน้อย มองบางอย่างออก
ตระกูลเจียง เหมือนจะติดขัดกับปัญหาบางอย่างที่ยากจะแก้ไข
ส่วนหลงหวูหุ่ยตาโตสุดๆ มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เรื่องราวจะพลิกกับเช่นนี้
ตระกูลเย่ ตระกูลฉิน ตระกูลเจียง สามตระกูลหลวงมาอยู่ที่นี่ สมควรที่ตระกูลหลงต้องเคารพนับถือให้เป็นแขกผู้มีเกียรติสำคัญ
แต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาทั้งหมดก้มหัวคำนับเขยแต่งเข้าที่ไร้เบื้องลึกเบื้องหลัง
นี่เป็นเรื่องที่หลงหวูหุ่ยไม่เคยได้ยิน และไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“หรือว่า ถังเฉาไม่ได้เป็นแค่เขยแต่งเข้า?”
หลงหวูหุ่ยพึมพำกับตัวเอง
“คุณถัง เชิญ”
เจียงหู่เอ่ยเชิญเป็นคนแรก ท่าทีที่มีต่อถังเฉานอบน้อมสุดๆ
คนที่เจียงไป๋เสว่ยังต้องปฏิบัติด้วยอย่างนอบน้อม เจียงหู่ยอมปฏิบัติด้วยดั่งเขาคือเทวดา
“ไปกันเถอะ”
เย่หรูอี้และฉินผู่หยางเดินตามหลังถังเฉาไป ตอนเดินตั้งใจทิ้งระยะห่างกับถังเฉาให้พอยืนอีกครึ่งคน
รายละเอียดเล็กๆแค่นี้ พออยู่ในสายตาของคนอื่นแล้วกลับเป็นที่ตะลึง
หรือว่าลูกหลานตระกูลหลวงเหล่านี้ มีฐานะต้อยต่ำกว่าถังเฉาหรือ?
ตั้งแต่มาถึง พวกเขาไม่มองหลงหวูหุ่ยเลยสักนิด ความรู้สึกนี้อย่างกับว่าจะมีหรือไม่มีเขาก็ได้
สีหน้าหลงหวูหุ่ยแดงจนเป็นสีเดียวกับตับหมู กัดฟันกรอด
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะเย้ยหยันถังเฉาอย่างไม่เกรงกลัว พริบตาเดียวสามตระกูลหลวงก็เคารพยำเกรงต่อเขาอย่างมาก นี่มันเหมือนตบหน้าเขาชัดๆ
ส่วนแขกเหรื่อรอบๆไม่มีใครกล้าดูหมิ่นถังเฉาอีก ตรงกันข้าม สายตาพวกเขาฉายแววเคารพยำเกรง
เป๊งเป๊ง!
ขณะนั้น เสียงระฆังดัง
แขกเหรื่อที่รวมตัวกันอยู่ที่ลานใหญ่ตระกูลหลงพากันเดินเข้าไปในบ้านใหญ่
งานวันเกิดและพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงแห่งตระกูลหลง หลงเจียเจีย เริ่มตอนเวลาเที่ยงตรง
ทุกครั้งที่ถึงเวลาเที่ยง ในลานใหญ่ตระกูลหลงจะมีเสียงระฆังดังเตือน
หลงหวูหุ่ยได้แต่สะกดอารมณ์ พาแขกเข้าไปที่หองานเลี้ยงในคฤหาสน์
คฤหาสน์มีขนาดใหญ่มาก อย่างกับโรงแรม บรรจุคนได้ถึงร้อยสองร้อยคน
ในนั้นทีมประกอบพิธีและวงดนตรีมืออาชีพ เสียงเปียโนบรรเลงดังอยู่ ก่อให้เกิดภาพองอาจของแวดวงไฮโซ
บัดนี้สมาชิกคนสำคัญของตระกูลหลงมากันครบแล้ว หลงเฟยหยู่และหลงเฟยกั๋วยืนอยู่ด้านข้าง พอเห็นถังเฉาจึงคิดจะเข้าไปทักทาย แต่พอเห็นเย่หรูอี้ ฉินผู่หยาง และเจียงหู่สามคนจึงต้องทนไว้ก่อน
หลงหวูหุ่ยเรียกให้ทุกคนเข้านั่งที่ ครึกครื้นสุดๆ
แต่พอมาถึงถังเฉา หลงหวูหุ่ยชะงักไป
ก่อนหน้านี้เขาพูดว่าห้ามถังเช่านั่ง ให้ถังเช่ายืน หรือไม่ก็นั่งพื้น
แต่ตอนนี้เย่หรูอี้ ฉินผู่หย่างและฉินหู่ให้ความเคารพถังเฉาขนาดนี้ ทำแบบนั้นไม่ได้แน่
หลงหวูหุ่ยจึงสั่งให้ลูกน้องยกเก้าอี้มาอีกตัว
แต่ถังเฉาไม่ยอมนั่ง เขาหัวเราะเบาๆพลางส่ายหัว “ยกเก้าอี้มาให้ฉันทำไม ฉันยืนกินก็ได้”
“……..”
พอเขาพูดแบบนี้ ทุกคนผงะกันหมด
หลินชิงเสว่และเจียงไป๋เสว่นั่งลงหมด มีเพียงถังเฉาที่ยืนอยู่คนเดียว ชั่วขณะนั้นดึงดูดความสนใจของทุกคนมาหมด
ถังเฉาไม่ใส่ใจ ยังคงมีรอยยิ้มจางๆประดับอยู่บนใบหน้า เขายืนพิงกำแพง
หลงหวูหุ่ยโกรธจนหน้าเขียว เอ่ยเสียงเย็น “งานวันเกิดของน้องสาวฉันกำลังจะเริ่มแล้ว นายยังไม่รีบนั่งลงอีก”
เขารู้อยู่แล้วว่าถังเฉาต้องหาเรื่อง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะสร้างประเด็นในนาทีนี้
ถังเฉามองเขาอย่างสงสัย “แปลกจริง นายเป็นคนบอกให้ฉันยืนไว้ไม่ใช่หรอ พอฉันยืนนายก็จะให้ฉันนั่ง จะเอายังไงกันแน่?”
ถังเฉาแกล้งพูดเสียงดัง ทุกคนมองหลงหวูหุ่ยอย่างประหลาดใจ
หลงหวูหุ่ยสีหน้าอึมครึมประหนึ่งฝนจะตก
เย่หรูอี้ ฉินผู่หยาง และเจียงหู่ที่อยู่ข้างๆสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
พวกเขาเดินมาอยู่ตรงหน้าหลงหวูหุ่ยชัดๆ คาดคั้นเสียงเย็น
“คุณชายหลง นี่มันเรื่องอะไรกัน? นายมีสิทธิ์อะไรไม่ให้ถังเฉานั่งที่?”
ฉินผู่หยางปริปากคนแรก เขากับหลงหวูหุ่ยเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันแล้ว ไม่ต้องคิดมากอะไรเวลาพูดจา
จากนั้นเป็นเย่หรูอี้
เธอผลักเก้าอี้เข้าไปและเอ่ยเรียบๆ “ในเมื่อถังเฉายืน งั้นฉันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องนั่ง ฉันก็ยืนด้วยแล้วกัน”