เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 689 ท่านเจ้ามังกรมา
แขกเหรื่อในงานยังจำฉากนั้นได้ ตอนที่ถังเฉากำลังจะโดนหลงหวูหุ่ยไล่ออกไป ตระกูลหลวงอย่างตระกูลฉิน ตระกูลเย่ ตระกูลเจียงมากันหมด
ฉินผู่หย่าง เย่หรูอี้และบุคคลสำคัญในตระกูลหลวงคนอื่นๆแม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่คนตาดีดูออกหมดว่าพวกเขาถือถังเฉาเป็นจุดศูนย์กลาง
บวกกับภรรยาเขาคือหลินชิงเสว่ คนๆเดียวมีสี่ตระกูลหลวงเป็นพวกด้วย
คนแบบนี้ จะเป็นเขยแต่งเข้าธรรมดาจริงๆหรอ
ถอยสักหมื่นก้าวแล้วว่ากัน ตระกูลหลวงพวกนี้ทำไปเพราะเห็นแก่หลินชิงเสว่หรือ?
ไม่น่า
หลินชิงเสว่อาจจะสร้างผลกระทบได้มากพอก็จริง แต่เธออยู่แต่ข้างนอก อิทธิพลในเยี่ยนจิงไม่ได้มั่นคงเท่าไหร่
พูดอีกแบบคือ ที่คนอื่นยำเกรงหลินชิงเสว่ ไม่ใช่ว่ายำเกรงในตัวเธอ แต่ยำเกรงพ่อแม่ของหลินชิงเสว่
คนในที่นี้ไม่มีใครโง่ ย่อมตระหนักถึงขั้นนี้ได้
ทันใดนั้น สายตาที่พวกเขามองถังเฉาปลี่ยนไป ไม่เหลือความดูถูกเหมือนก่อน
ฉู่หยังเพิ่งมาทีหลัง ไม่รู้เรื่องที่เย่หรูอี้ ฉินผู่หยางทักทายถังเฉาว่า ‘คารวะคุณถัง’
“สำเหนียกหน่อย แล้วยกสิทธิ์การเต้นรำนี้ให้ฉันซะ มีเพียงฉันที่คู่ควรกับเจียเจีย”
ฉู่หยังมองถังเฉาด้วยความดูหมิ่น
พอเห็นสายตาถังเฉาเย็นลง ฉู่หยังยิ่งดูหมิ่นดูหมิ่นมากขึ้น ไม่กลัวเลยสักนิด “แกไม่ต้องเจ็บใจหรอก สิ่งเดียวที่แกสามารถอวดได้ก็คือแต่งงานกับหลินชิงเสว่ และแกไม่ต้องให้คุณหลินออกหน้าให้ ฉันไม่กลัวหรอกนะ”
หยุดไปแปปนึง ฉู่หยังกล่าวต่อ “การหมั้นของฉันและเจียเจีย ตระกูลหลงตระกูลฉู่
เป็นผู้กำหนดเองกับปาก ไม่อาจเปลี่ยนใจได้ ถ้าแกคิดจะแทรกแซงก็เท่ากับลากตระกูลหลินลงน้ำไปด้วย หลินรั่วหวีจะช่วยแกหรอ ฮ่า ๆ ๆ ๆ……”
พูดเสร็จ ฉู่หยังก็หัวเราะลั่น
ทว่า หลินชิงเสว่เพียงแค่มองอย่างเย็นชา
มันก็แค่ในสายตาของคนนอก ตอนนี้ หลินชิงเสว่รู้จักตัวตนของถังเฉาดี เขาเป็นสมาชิกกองทัพปราณมังกร ต่อให้เป็นทั้งตระกูลหลินก็ยังต้องพึ่งพาลมหายใจของถังเฉาเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป!
ถังเฉากวาดตามองเขาด้วยหน้าตาเฉยชา ไม่ได้พูดอะไร
เห็นท่าดังนั้น ฉู่หยังอดโมโหไม่ได้ “ไอ้หนุ่ม ฉันพูดกับแกอยู่นะ แกบังอาจไม่สนใจฉันรึ?”
“ฉู่หยัง นายพูดจบรึยัง!”
หลงเจียเจียสีหน้าเย็นเยียบ ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “วันนี้คือวันพิธีบรรลุนิติภาวะ ของฉัน ขืนนายยังกล้าสร้างปัญหาอีก เชื่อมั้ยว่าฉันจะเรียกคนมาไล่นายออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
ฉู่หยังสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงผ่อนลงมาก
“เจียเจีย เธออย่าโกรธสิ ฉันหวังดีกับเธอนะ อีกอย่าง ไอ้หนุ่มคนนี้เต้นรำเป็นหรอ เขาจะทำให้เธอต้องเสียหน้าเปล่าๆ!”
ฉู่หยังหาทางว่าถังเฉาได้อีก
ในสายตาเขา ถังเฉาเป็นเพียงเขยแต่งเข้าที่สถานะต่ำต้อย จะเคยเรียนการเต้นรำที่มีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่เต้นได้ยังไงกัน
หลงเจียเจียไปชวนคนที่เต้นไม่เป็นมาเต้นคู่กับเธอ รังแต่จะทำตัวเองขายหน้าเปล่าๆ
หน้าสวยๆของหลงเจียเจียเย็นเยียบ “เรื่องของฉัน นายไม่ต้องยุ่ง”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่จริงๆแล้วหลงเจียเจียก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เธออดถามถังเฉาเสียงแผ่วไม่ได้
“พี่ถัง พี่เต้นรำเป็นมั้ยคะ? ถ้าไม่เป็นไม่เป็นไร หนูสอนพี่เอง ถึงตอนนั้นพี่แค่ตามจังหวะเท้าหนูไปเรื่อยๆก็พอค่ะ…..”
ถังเฉายิ้มเล็กๆ และเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องห่วง เธอเต้นตามจังหวะของตัวเองได้เลย พี่ตามทัน”
“แกตามทันจริงหรอ?”
ได้ยินที่ถังเฉาพูดแล้ว ฉู่หยังอดล้อเลียนไม่ได้
เขารู้ว่าหากหลงเจียเจียจะเต้นรำกับถังเฉาให้ได้ เขาเองก็ห้ามไม่อยู่
ตอนนี้ เขาได้แต่รอดูถังเฉาอับอาย ที่ทำลายการเต้นรำบรรลุนิติภาวะของหลงเจียเจียพัง
“ฉันจะบอกแกให้นะ การเต้นรำบรรลุนิติภาวะนี้ยากมาก ตอนนั้นเจียเจียเองยังเรียนตั้งนานกว่าจะเต้นได้ แกเป็นแค่คนบ้านนอกที่ไม่เคยพบเจออะไรคิดว่าจะเต้นเป็นรึ? ไม่ใช่ว่าถึงตอนนั้นเต้นไปคนละทิศละทาง ทำเจียเจียขายหน้านะ!”
ฉู่หยังเยาะเย้ย
พอเขาพูดแบบนี้ ทุกคนในงานต่างมองถังเฉาด้วยสายตาสงสัย
หลินชิงเสว่ก็เป็นห่วงอยู่นิดหน่อย เธอไม่เคยได้ยินเลยว่าถังเฉาเต้นรำอะไรนั่นเป็น
ที่จริง ตอนงานเลี้ยงของซ่งเทียนซาน ถังเฉาเคยเต้นแล้วครั้งหนึ่ง
เพียงแต่ตอนนั้นหลินชิงเสว่ไม่ได้ไป ฟางหย่าเป็นคนทำหน้าที่แทน ดังนั้น การเต้นรำครั้งนั้นเขาได้เต้นกับฟางหย่า
ตอนนั้นพวกเขาสองคนเป็นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของงาน จนสุดท้าย คู่อื่นๆที่เต้นกันอยู่ต้องหยุดเพื่อดูพวกเขาเต้น
หลงหวูหุ่ยก็อยากเห็นถังเฉาขายหน้า จึงทำมืออย่างรวดเร็ว
ดนตรีในงานนุ่มนวลขึ้น แสงไฟหรี่ลง เหลือลำแสงเพียงลำเดียว สาดส่องไปที่หลงเจียเจียและถังเฉา
ตอนนี้พวกเขาคือจุดสนใจเพียงหนึ่งเดียว
หลงเจียเจียจับฝ่ามือถังเฉาไว้ กำลังจะปริปากบอกให้ถังเฉาโอบเอวเธอไว้ มือข้างหนึ่งกลับโอบรอบเอวเธออย่างชำนาญ
หลงเจียเจียตัวตึงไปชั่วขณะ ก่อนจะมีสีหน้าอึ้งๆ มองถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
พี่ถัง เหมือนจะเต้นเป็นนะ…..
ไม่นานนัก ดนตรีก็ดังขึ้น ถังเฉากลับเป็นคนที่เริ่มก้าวขาก่อน
ตามกฎการเต้นรำ ชายหญิงที่เป็นคู่เต้นกัน ใครก้าวขาก่อนอีกฝ่ายก็ต้องตามจังหวะของคนนั้น
ดูเหมือนถังเฉาจะมีลมคอยพัดพานำเท้าไป ทุกครั้งที่วางเท้า จะตามจังหวะของเพลงพอดี
แถมท่าเต้นอ่อนโยน ราวกับสายลมพัดแผ่วฝนตกปอยๆ หลงเจียเจียก็เต้นรำได้อย่างสบาย ไม่ได้มีเหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนอย่างก้าวพลาดเหยียบรองเท้าของฝ่ายหญิงหลุด
เงียบฉี่
ในงานเงียบประหนึ่งไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต
ทุกคนมองถังเฉาอย่างตาโตอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกสักคำ
หลงหวูหุ่ยและฉู่หยังได้เห็นก็อึ้งกันหมด เพราะถังเฉาเต้นรำได้เป๊ะยิ่งกว่าเป๊ะ
มีเพียงสมาชิกราชวงศ์ฝั่งตะวันตกเท่านั้นที่สามารถเต้นรำได้ดีขนาดนี้
เนื่องจากคนต้าเซี่ยยากจะมีเสน่ห์อ่อนโยนระดับชนชั้นสูงอย่างชาวตะวันตก การเต้นรำจึงไม่ได้มาตรฐาน
เหล่าคุณชายและคุณหนูตระกูลหลวงในเยี่ยนตูกลุ่มหนึ่งเรียนมาได้เพียงคร่าวๆ
น้อยมากที่เต้นได้ตามมาตรฐาน
แม้แต่หลินชิงเสว่ยังตกตะลึงตาโตอ้าปากค้าง การเต้นรำนี้เป๊ะยิ่งกว่าเธออีก
“นี่มัน….นี่มัน…..”
ฉู่หยังและหลงหวูหุ่ยตาแทบถลนออกมา
ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ!
ตัวหลงเจียเจียเองก็พอกัน มึนไปหมด
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ถังเฉาจะเต้นรำได้ดีขนาดนี้
หลังจากเต้นจบไปหนึ่งบทเพลง ทั้งตัวหลงเจียเจียคล้องอยู่ตัวถังเฉา
หลินชิงเสว่ก็ไม่อยากจะเชื่อ มีเพียงเจียงไป๋เสว่ที่สีหน้าเป็นปกติ
เรื่องปกติสุดๆ
พอเห็นถังเฉาและหลงเจียเจียเดินลงมาแล้ว ฉู่หยังกัดฟันกรอดจนเสียงดังกรอบแกรบ หน้าดำทะมึนไปหมด
นอกจากถังเฉาจะไม่ได้ทำอะไรน่าอับอายแล้ว เขายังได้หน้าความเท่ไปเต็มๆ
ตอนนี้หลงเจียเจียชอบถังเฉายิ่งกว่าเดิมอีก
“แกนี่มัน……”
ฉู่หยังที่บันดาลโทสะหน้าตากราดเกรี้ยว ไม่สนแล้วว่าที่นี่คือพิธีบรรลุนิติภาวะของหลงเจียเจีย เขาคิดจะต่อยถังเฉาสักหมัด
ถังเฉานัยน์ตาเย็นเยียบ ถ้าหมัดนี้ฉู่หยังกล้าต่อยมาจริงๆ เขาไม่รับประกันนะว่าฉู่หยังจะได้มีชีวิตต่อไปมั้ย
ฟู่วฟู่วฟู่ว……
ลมหมัดสะพัด เห็นได้ชัดว่าฉู่หยังเคยฝึกมา
คุณชายจากตระกูลหลวงในเยี่ยนตูต้องไปฝึกฝีมือการต่อสู้ป้องกันตัวซะส่วนใหญ่ ฉู่หยังก็เช่นกัน อายุไม่ถึงสามสิบ ก็ได้เทควันโดสายดำแล้ว
“ฉู่หยัง หยุดนะ!W
ทว่า เสียงอุทานอย่างตกใจเสียงหนึ่งดังมาด้านหลัง
เจียงเฉากอดฉู่หยังไว้ ไม่ให้เขาลงมือกับถังเฉา
ฉู่หยังด่าทอด้วยหน้าตาเกรี้ยวกราด “ไสหัวไปไกลๆซะ ฉันจะต่อยนายด้วยเชื่อมั้ย”
เจียงเฉาพูดเสียงดัง “คุณชายฉู่ครับ ใจเย็นก่อน ที่นี่คือพิธีบรรลุนิติภาวะของเจียเจีย อย่าลงมือกันนะครับ”
“ลงมือแล้ว ต้องโดนโยนออกไปข้างนอกเพราะสร้างปัญหานะครับ!”
ราวกับต้องการพิสูจน์คำพูดนี้ จู่ๆนอกลานใหญ่ตระกูลหลงก็มีบอดี้การ์ดถือกระสุนจริงพุ่งเข้ามากันมากมาย จ้องเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
ฉู่หยังถึงได้สติกลับมา และนึกขวัญเสีย โชคดีที่เจียงเฉาห้ามเขาไว้
ไม่อย่างนั้นเขาได้โดนโยนออกไปข้างนอกแน่
แต่เขาไม่รู้หรอกว่า ที่เจียงเฉาห้ามเขาก็เพื่อตัวเจียงเฉาเอง
เขาคือคนที่ยุยงให้แตกกัน ส่งเสริมให้ฉู่หยังลงมือกับถังเฉา
หากเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา เขาต้องถูกเปิดโปงแน่ แผนทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปโดยไม่ถูกเปิดโปง
ถังเฉามองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา เจียงเฉาช่วยชีวิตฉู่หยังไว้
หลงเจียเจียเองก็มีสีหน้าโมโห “ฉู่หยัง นายอย่าลงมือที่นี่จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันไม่ถือสาที่จะลอกหนังนายออกมาหรอกนะ”
นัยน์ตาคู่สวยของหลงเจียเจียมีเปลวไฟคุกรุ่นอยู่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กผู้ชายแล้ว แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นนักเรียนที่ถังเฉาสอนมา อารมณ์ร้อนมาก ไม่ยอมเสียเปรียบเลยสักนิด
“ผู้นำเก่าจะออกมาแล้ว!”
ทันใดนั้น เสียงร้องด้วยความตื่นเต้นเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในงาน
หลังจากนั้น ใบหน้าของทุกคนในงานตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด
แถมสายตาบางคนยังเร่าร้อนมากอีกด้วย!
เวลานี้หลงเจียเจียก็หายโกรธแล้ว เธอดึงถังเฉากลับไปนั่งที่
“พี่ถัง พี่ไป๋เสว่ คุณปู่ของหนูกำลังจะมาแล้วค่ะ!”
ใบหน้าของหลงเจียเจียเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ถังเฉาและเจียงไป๋เสว่สบตากัน ไม่ได้พูดอะไร แต่มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ใบหน้า
ผู้นำเก่าของตระกูลหลง ก็คือท่านเจ้ามังกรที่พวกเขาต้องการจะพบนั่นแหละ
หลินชิงเสว่เองก็มีสีหน้าเคารพนับถือขึ้นมาในนาทีนี้
ชายชราที่กำลังจะเดินออกมา คือคนที่ทั้งต้าเซี่ยต้องให้ความเคารพนับถือ!
“เฮอะ ถือว่าแกโชคดี ท่านเจ้ามังกรจะออกมาฉลองวันเกิดให้เจียเจียแล้ว แกรอดไปได้นะ”
ฉู่หยังหัวเราะเย็นๆ เดินไปนั่งลงที่โต๊ะเจียงเฉา
หลงหวูหุ่ย หลงเฟยกั๋ว หลงเฟยหยู่ก็เช่นกัน ทุกคนในงานต่างนั่งที่ตำแหน่งตัวเอง
ต่อให้ท่านเจ้ามังกรเกษียณแล้ว แต่ก็ยังมีชื่อเสียงโด่งดังมาก
นี่คือภูเขาลูกใหญ่ที่แบกทั้งตระกูลหลงไว้!
และแบกทั้งต้าเซี่ยไว้ด้วย!
เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเจ้ามังกร ถังเฉาก็ต้องทำตัวดีๆ
ภายใต้การจ้องมองจากสายตานับหมื่น ประตูไม้ของสวนหลังบ้านคฤหาสน์เปิดออกช้าๆ ชายชราผมขาวสูงกว่าสองเมตรคนหนึ่งเดินค้ำไม้เท้าเข้ามาช้าๆ
ไม่มีริ้วรอยบนใบหน้าของเขามากนัก ตรงกันข้าม คิ้วตาเขาคมกริบดั่งกระบี่กล้า ไม่ต้องโมโหก็น่าเกรงขาม
มุมตาซ้ายของเขามีแผลเป็นจากมีดที่กระจายอยู่ทั่วทั้งตา
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาดูอัปลักษณ์ ตรงกันข้าม เขาดูมีบารมีมากขึ้น
ที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงมากกว่านั้นคือ ขาซ้ายของชายชราว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย
มือของเขาค้ำไม้แท่งหนา เวลาเดิน หัวไม้กระทบพื้นส่งเสียงปังปังปังทุ้มต่ำ ประหนึ่งเสียงกลองรบที่ดังรัว กึกก้องอยู่ในหัวใจของทุกคน
ทุกคนตะลึงกันหมด นี่หรือท่านเจ้ามังกรที่มีชื่อเสียงก้องโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน ที่บุกไปฝ่าฟันข้างนอกจนสิบแปดประเทศข้างนอกนั่นอกสั่นขวัญผวาด้วยตัวเพียงคนเดียวน่ะหรอ?
ผู้ที่คำพูดเดียวกำหนดทิศทางประเทศ กำราบศัตรูรอบทิศได้!
ครั้งสุดท้ายที่ท่านเจ้ามังกรปรากฏตัวในที่สาธารณชน คือตอนประกาศลงจากตำแหน่งเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เขามอบตำแหน่ง ‘เจ้ามังกร’ ให้ผู้สืบทอดคนใหม่
หรือก็คือ เจ้ามังกรคนใหม่ที่ผู้คนกล่าวขานถึง