เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 697 ถูกขับไล่
บึ้ม!
พอประโยคนี้ดังออกมา เป็นการโยนหินก้อนเดียวสร้างระลอกคลื่นมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งงานเลี้ยงเงียบสงัด
แขกทุกคนที่อยู่ในงานล้วนแต่มีสีหน้าทึ่มทื่อ มองหลินชิงเสว่กับเว่ยหมิงจวินที่อยู่บนเวทีอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ข่าวที่เปิดเผยออกมาจากคุณนายหลินสั่นสะเทือนเกินไป ไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้คนอื่นเปลี่ยนความคิดเลย
อย่าว่าแต่แขกเหล่านั้นเลย แม้แต่คนในตระกูลหลินเองก็มีสีหน้าราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
หลินชิงเสว่ก็นับว่าเป็นหลานสาวคนโตของพวกเขา เติบโตมาด้วยกันกับหลานสาวคนเล็ก ตอนนี้กลับมาบอกพวกเขาว่าที่จริงแล้วหลินชิงเสว่ไม่ใช่คนของตระกูลหลินอย่างกะทันหัน เรื่องนี้สะเทือนความเข้าใจของพวกเขาจนแหลกละเอียดอย่างไม่ต้องสงสัย
พอตั้งสติได้ ใบหน้าของเหล่าญาติรุ่นอาของตระกูลหลินก็ปรากฏความอึดอัด
“หมิงจวินเอ๋ย คำพูดนี้จะมาพูดส่งเดชไม่ได้นะ หลินชิงเสว่จะไม่ใช่คนของตระกูลหลินของพวกเราได้อย่างไรกัน?”
“ใช่ ต่อให้รั่วหวีออกไปแล้ว เธอก็ทำตามอำเภอใจไม่ได้นะ ถ้าหากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของรั่วหวีละก็ ไม่แน่อาจจะโมโหมากก็ได้?”
“พวกแขกยังอยู่ อย่าพูดคำพูดพวกนี้เลย”
“…”
พวกเขาพูดโน้มน้าว
เว่ยหมิงจวินกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง รอยยิ้มเยือกเย็นกลับชัดยิ่งขึ้น
“ฉันไม่ได้พูดผิด เธอไม่ใช่คนของตระกูลหลินของพวกเราจริง ๆ ถ้าหากใครไม่เชื่อ จะไปตรวจ DNA ก็ได้นะ!”
ตอนที่พูดคำพูดนี้ เว่ยหมิงจวินมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
เหล่าคนที่เกิดความสงสัยขึ้นในใจเหล่านั้นก็ตะลึงกันไปทุกคน ต่างมองหน้ากัน
เว่ยหมิงจวินไม่ใช่คนโง่ ตรงกันข้าม การที่เธอกลายเป็นภรรยาของหลินรั่วหวีได้นั้นก็พิสูจน์สติปัญญาและความสุขุมระวังทุกฝีก้าวของเธอมาตั้งนานแล้ว
จะมาประกาศเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไร?
หรือว่าหลินชิงเสว่จะไม่ใช่คนของตระกูลหลินจริง ๆ?
พอเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้น ทุกคนก็ล้วนแต่คิดว่าเหลวไหล
หลินจ้าวหยูนก็มองเว่ยหมิงจวินด้วยใบหน้าไม่อยากจะเชื่อราวกับถูกการโจมตีอย่างหนัก
“แม่คะ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะ? ต่อให้หนูกับพี่สาวของหนูจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ แต่เธอก็ยังเป็นสมาชิกของตระกูลหลินของเรานะคะ”
เว่ยหมิงจวินมีสีหน้าอ่อนโยนลงมาก “จ้าวหยูน แกจะไม่รู้เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในเมื่อแกเป็นคุณหนูคนเดียวของตระกูลหลินแล้ว แกก็มีคุณสมบัติที่จะได้รู้ความจริง”
เอ่ยมาถึงตรงนี้เว่ยหมิงจวินก็หันกลับมาอย่างกะทันหัน มองไปยังถังเฉาและหลินชิงเสว่ เอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “เรื่องที่ฉันพูดเหล่านี้พวกเธอน่าจะรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลับแสดงตัวว่าเป็นคนของตระกูลหลินอย่างไม่รู้จักละอาย หน้าไม่อายจริง ๆ”
“ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสพูดความจริงด้วยตัวเองกับเธอ คงไม่ทำให้ฉันกับเธอขายหน้ามากเกินไป”
ถังเฉาสังเกตได้ว่าคำพูดของเว่ยหมิงจวินนั้นเหมือนกับกุมจุดอ่อนของหลินชิงเสว่เอาไว้ เธอตกอยู่ในความเงียบอย่างหาได้ยาก กำปั้นก็กำเอาไว้แน่น
และในตอนนี้เอง ถังเฉาก็ได้รู้ว่าตระกูลหลินได้แตกหักกับหลินชิงเสว่อย่างถึงที่สุดแล้ว
ไม่เพียงแค่ครั้งเดียวที่หลินชิงเสว่คิดจะอยู่ร่วมกันกับตระกูลดี ๆ แต่เว่ยหมิงจวินขัดขวางอยู่ระหว่างนั้นมาโดยตลอด สุดท้ายก็ค่อย ๆ กลายเป็นการนาทีแห่งการแตกหักในวันนี้
เว่ยหมิงจวินพูดถูก หลินชิงเสว่ไม่ใช่คนของตระกูลหลินจริง ๆ
ลั่วเย่นหัวกับหลินรั่วหวีไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ เธอเป็นแค่ลูกที่เกิดจากของคนรับใช้สองคนของตระกูลหลิน เพื่อที่จะเป็นสิ่งที่ใช้ปิดบังเรื่องที่ลั่วเย่นหัวไม่มีความสามารถในการให้กำเนิดบุตร
ความลับนี้มีเพียงหลินรั่วหวี ลั่วเย่นหัว รวมถึงหลินเจิ้นสงเท่านั้นที่รู้
แต่ว่าปิดควันไฟไม่มิด สักวันความเป็นจริงก็ต้องปรากฏ
นักซุ่มยิงที่โจวเหม่ยหยูนวางแผนว่าจ้างมาลอบฆ่าหลินชิงเสว่ กลับถูกหลินเจิ้นสงขวางเอาไว้หนึ่งนัด
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่อันตรายถึงชีวิต กลับไม่มีกรุ๊ปเลือดที่เหมาะสมกัน มีเพียงกรุ๊ปเลือดของหลินชิงเสว่กับหลินเจิ้นสงเท่านั้นที่เหมือนกัน
และในนาทีนั้นเอง ก็ได้เปิดเผยความจริงที่สะท้านฟ้าในปีนั้น
หลังจากที่ได้รู้ความจริงแล้ว หลินชิงเสว่ก็พังทลายไปหลายครั้ง ยังดีที่อดทนเอาไว้ได้
ถึงแม้ว่าความลับจะถูกค้นพบ แต่ว่าท่าทีของหลินรั่วหวีก็ยังคงไม่อนุญาตให้มีคนล่วงรู้ความลับนี้มากไปกว่านั้น ดังนั้นหลินชิงเสว่จึงยังเป็นเจ้าหญิงองค์โตของตระกูลหลิน
เพียงแต่ว่าเว่ยหมิงจวินรู้ได้อย่างไร?
ถังเฉามองเว่ยหมิงจวินทีหนึ่งอย่างล้ำลึก รอเธอพูดต่อไป
“ไม่พูดใช่ไหม? หึ เธอนี่มันเลวจริง ๆ!”
รอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าของเว่ยหมิงจวินลึกล้ำขึ้น เอ่ยต่อไปว่า “ในเมื่อเธอไม่พูด ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยพูดให้เธอเอง!”
“รั่วหวีมอบอำนาจให้ฉันแล้ว ฉันกลายเป็นเจ้าแม่ที่ดูแลตระกูลหลินแล้ว และก็มีคุณสมบัติที่ควรจะได้รับรู้ความลับบางอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือชาติกำเนิดของเธอ!”
เว่ยหมิงจวินเอ่ยขึ้น “เธอไม่ได้กำเนิดในตระกูลหลินโดยสิ้นเชิง เธอเป็นแค่ลูกสาวของคนใช้กับหญิงรับใช้ เพียงแค่ถูกรั่วหวีเอามาเลี้ยงก็เท่านั้น”
บึ้ม…
เว่ยหมิงจวินพูดความลับนี้ออกมาด้วยตนเอง ทุกคนราวกับโดนโจมตีอย่างหนัก
ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็เงียบสงัด หลินจ้าวหยูนก็ล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง มองหลินชิงเสว่อย่างเหม่อลอย ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“ที่จริงแล้วเธอควรจะเป็นลูกของคนรับใช้กับหญิงรับใช้ ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ๆ กลับมารวมอยู่ในหมู่ของพวกเรา ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหลินอย่างคิดว่ามันควรจะเป็นมานานขนาดนี้ก็ควรจะพอใจแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ลูกสาวของฉันสิ ถึงจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลินที่ถูกต้อง เธอมันผู้หญิงต่ำช้า ยังคิดจะแย่งฐานะทางสังคมกับลูกสาวฉันอีก เธอคู่ควรหรือ?”
เว่ยหมิงจวินพูดจบ ทันใดนั้นก็ฟาดฝ่ามือเข้าไปที่ใบหน้าของหลินชิงเสว่ทีหนึ่ง
หลินชิงเสว่กุมใบหน้า อีกนิดหนึ่งก็จะล้มลงไปบนพื้นแล้ว
สีหน้าของถังเฉาหนาวยะเยือกในทันที กำลังจะลงมือ แต่หลินชิงเสว่กลับฉุดเขาเอาไว้
“ถังเฉา อย่า…”
สีหน้าของเธอขาวซีด ริมฝีปากม่วงคล้ำ ส่ายศีรษะให้กับถังเฉา
ถังเฉาสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ทำได้เพียงเก็บกดความเดือดดาลภายในใจเอาไว้อย่างแข็งขืน
สายตาของหลินจ้าวหยูนไร้ชีวิตชีวา ทันใดนั้นก็มาอยู่ข้างกายของเว่ยหมิงจวิน มือน้อย ๆ เย็นเยียบ
“แม่คะ ที่ท่านพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมดใช่ไหมคะ?”
“ฉันยังสามารถโกหกแกได้หรือไง?”
เว่ยหมิงจวินถามกลับหนึ่งประโยค “เธอไม่ใช่พี่สาวของแกโดยสิ้นเชิง เธอเป็นเพียงแค่ลูกสาวของคนรับใช้กับหญิงรับใช้ จะมามีฐานะสูงส่งคู่ควรกับการเป็นพี่น้องกับแกได้อย่างไร”
“ถ้าหากไม่ใช่ว่าฉันค้นพบความลับนี้เข้าพอดีละก็ เธอก็จะปลอมตัวไปทั้งชาติ!”
“ผู้หญิงที่มีความสามารถยอดเยี่ยมแห่งเยี่ยนจิง ฐานะสูงส่งอะไรกัน ล้วนแต่เป็นของปลอม! เธอก็เหมือนพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ ล้วนแต่เป็นคนชั้นล่าง! แต่งงานกับสวะคนหนึ่ง พอดิบพอดี!”
“…”
ทั่วทั้งงานเลี้ยงเกลื่อนกลาดไปด้วยคำพูดโจมตีร้ายกาจของเว่ยหมิงจวิน ในที่สุดบนใบหน้าขาวซีดของหลินชิงเสว่ก็มีความโกรธอย่างรุนแรงขึ้นมา
“คุณด่าฉันได้ แต่จะมาด่าพ่อแม่ของฉันไม่ได้!”
เธอมองเว่ยหมิงจวิน เอ่ยด้วยความเดือดดาล
หลังจากที่เธอได้ทราบความจริงแล้วก็ไม่ได้เคียดแค้นหลินเจิ้นสงกับมารดาที่เสียชีวิตไปแล้วของเธอเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาถูกบังคับอย่างไม่มีทางเลี่ยง พวกเขารักตนเองมาก ๆ
พวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกทำร้าย!
กลายเป็นผู้ที่ทำร้ายก็ทำร้ายคนอื่นอย่างได้ใจ ส่วนผู้ถูกทำร้ายถูกโจมตีด้วยถ้อยคำหยาบคายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เว่ยหมิงจวินหัวเราะอย่างเยือกเย็นอย่างต่อเนื่อง “ทำไมเหรอ? ฉันพูดผิดหรือไง? คนรับใช้ก็เป็นได้แค่คนรับใช้ไปทั้งชาติ ลูกสาวของคนรับใช้ก็ไม่มีทางพลิกตัวมาเป็นผู้นำได้ตลอดกาล ให้เธอย้อมแมวขายอยู่ในตระกูลหลินมาหลายปีดีดัก ถือว่าเมตตาต่อเธอมากแล้ว!”
แบกรับคำพูดเหล่านี้ เบ้าตาของหลินชิงเสว่ก็แดงก่ำ “ต่อให้เป็นอย่างนี้ ฉันก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะแย่งฐานะของจ้าวหยูน”
“แล้วตอนนี้เธอจะกลับมาทำไม? หรือเพราะการที่ฉันแต่งตั้งจ้าวหยูนเป็นเจ้าหญิงเพียงองค์เดียวของตระกูลหลินสะเทือนใจของเธอหรือ?”
เว่ยหมิงจวินเอ่ยอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าเธอสิถึงจะเป็นเจ้าหญิงองค์เดียวของตระกูลหลิน เธอคิดแบบนี้ใช่ไหม?”
“พี่…”
ในตอนนี้ หลินจ้าวหยูนมาถึงตัวหลินชิงเสว่ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา กุมมือของเธอแน่น “พี่คะ พี่บอกฉันมาสิว่าที่แม่พูดมาไม่ใช่เรื่องจริง…”
มองดูหลินจ้าวหยูนที่ถูกการโจมตีครั้งใหญ่ หัวใจของหลินชิงเสว่ก็ราวกับโดนมีดกรีด อดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “แม่ของเธอพูดถูก ฉันไม่ใช่คนของตระกูลหลินจริง ๆ แต่ว่าฉันเห็นเธอเป็นน้องสาวแท้ ๆ มาโดยตลอด เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง…”
“หุบปาก!”
เว่ยหมิงจวินโกรธจัด ตวาดเสียงดัง “ที่เธอดีกับจ้าวหยูนไม่ใช่เพราะอยากจะควบคุมความคิดของเธอหรอกหรือ? เอาเธอเป็นหุ่นเชิด!”
สีหน้าของหลินชิงเสว่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก กล่าวปฏิเสธทันที “ฉันเปล่านะ!”
“ยังจะบอกว่าเปล่าอีก!”
เว่ยหมิงจวินเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็นว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันถามหน่อย ทำไมเธอต้องให้จ้าวหยูนอยู่ไกลจากฉัน ฉันถึงจะเป็นแม่ของหล่อน หล่อนกลับสนิทสนมกับเธอมากกว่าฉัน จ้าวหยูนยังเด็ก ขอเพียงทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกพึ่งพาเธอได้ หล่อนก็จะยอมเชื่อฟังทุกอย่าง”
พอคำพูดนี้ลั่นออกมา ร่างกายของหลินจ้าวหยูนก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หลินชิงเสว่เห็นสถานการณ์แบบนี้ก็หวาดผวาขึ้นมา กุมมือของหลินจ้าวหยูนแล้วเอ่ยว่า “จ้าวหยูน เธอเชื่อพี่นะ พี่เห็นเธอเป็นน้องสาวจริง ๆ แม่ของเธอใส่ร้ายพี่ พี่ไม่ได้ควบคุมเธอ…”
ทว่าเพิ่งจะแตะมือของหลินจ้าวหยูนก็ถูกหลินจ้าวหยูนผลักออกไป
เธอใช้สายตาไม่อยากจะเชื่อมองหลินชิงเสว่ สายตาเต็มไปด้วยความแปลกหน้า เดินถอยหลังไปไม่หยุด ถอยจนไปอยู่ด้านหลังของเว่ยหมิงจวิน
“จ้าวหยูน…”
หลินชิงเสว่เบิกตากว้าง หัวใจเหมือนกับโดนอะไรบางอย่างแทงเข้ามาจนเจ็บปวด
ถังเฉาดึงหลินชิงเสว่มาอยู่ด้านหลัง มองเว่ยหมิงจวิน สายตาเยียบเย็นถึงขีดสุด
“ใช้ประโยชน์จากลูกสาวแบบนี้คุณไม่มีความสำนึกผิดบ้างหรือครับ? ใครที่ดีต่อจ้าวหยูนอย่างจริงใจ ใครที่ใช้ประโยชน์จากเธอ ในใจคุณรู้ดี”
คำพูดที่ดังกังวานและเต็มไปด้วยพลังเหมือนโลหะตกกระทบพื้นของถังเฉาทำให้สีหน้าของเว่ยหมิงจวินเปลี่ยนไปเล็กน้อยในทันที
แต่ด้วยความรวดเร็ว เธอก็มองไปที่ถังเฉาด้วยความโหดเหี้ยม “แล้วก็นาย ไอ้สวะ ที่จริงก็อยากจะอาศัยความสัมพันธ์ของหลินชิงเสว่กับตระกูลหลินของฉัน สุดท้ายเมียของแกก็ไม่ใช่คนของตระกูลหลิน ตอนนี้คนที่เจ็บใจที่สุดก็น่าจะเป็นนายสินะ?”
นิ่งไปพักหนึ่ง เว่ยหมิงจวินก็มองไปยังทุก ๆ คน “บนเงื่อนไขของก่อนหน้านี้ ฉันขอเพิ่มคำสั่งเพิ่มอีกหนึ่งข้อ นั่นก็คือขับไล่หลินชิงเสว่ออกจากตระกูลหลิน! ด้วยการยกมือโหวตจากภายในตระกูลหลิน!”
พรึบ ๆ ๆ!
ทันใดนั้น หลังจากที่ทุกคนในตระกูลหลินเรียกสติขึ้นมาได้ก็ล้วนแต่ยกมือขึ้นอย่างไม่มีความลังเล
ฉากนี้ก็ยิ่งทิ่มแทงเข้าไปในใจของหลินชิงเสว่อย่างล้ำลึก
“คุณลุง พวกคุณ…”
“อย่ามาเรียกฉันว่าลุง!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งมองหลินชิงเสว่ด้วยใบหน้ารังเกียจ เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเธอจะไม่ใช่คนของตระกูลหลิน ทั้งยังหลอกกินหลอกดื่มในตระกูลของพวกเรามานานขนาดนี้ เธอกับผัวของเธอเป็นบุพเพสันนิวาสกันจริง ๆ!”
“ใช่ ไม่มีรั่วหวี เธอก็นับเป็นอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!”
“รีบไสหัวออกไปจากตระกูลหลินซะ! ต่อไปก็ห้ามประกาศต่อสาธารณะว่าเธอเป็นคนของตระกูลหลินอีก!”
……
ญาติ ๆ ทั้งหมดด่ากราดเธอสาดเสียเทเสีย ดำเนินการขับไล่
หลินชิงเสว่เบิกตากว้างมองทั้งหมดนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลหลินจะไล่เธอออกไป!
ถังเฉายืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
เขาไม่ได้ขัดขวาง เพียงแค่อยากจะดูว่าเว่ยหมิงจวินคนนี้กุมอำนาจแล้วจะเป็นอย่างไร!
เว่ยหมิงจวินแย้มยิ้ม จากนั้นก็หันกลับไปมองไปยังหลินจ้าวหยูน
“จ้าวหยูนเอ๋ย ตอนนี้เธอเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทตระกูลหลินแล้ว ก็ควรจะทำอะไรเพื่อฝึกฝนคนสักหน่อยแล้ว คำสั่งที่จะไล่พวกเขาออกไปก็ให้เธอเป็นคนสั่งแล้ว!”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา ร่างกายของหลินจ้าวหยูนที่ยังช็อกอยู่ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงทันที