เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 702 แก้แค้นให้ลูกชาย
ขณะที่เขาส่งถ้วยชาในมือนั้น เขาไม่กล้าแม้แต่เงยหน้าไปมองไปที่ดวงตาของหลินชิงเสว่ด้วยซ้ำ
แม้แต่มือที่ถือถ้วยชาอยู่ก็ดูอ่อนแรง น้ำที่อยู่ในถ้วยชาเองก็ดูกระเพื่อมไปมา ทำให้คนนั้นต่างกังวลว่าจะทำหกลงมาหรือไม่
ทั้งสำนักงานขายเงียบลงในทันที บรรยากาศนั้นก็ดูเหมือนจะแข็งตัวไปหมด ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง พวกเขามองไปที่ถังเฉาและหลินชิงเสว่ด้วยท่าทางที่น่าเหลือเชื่อ
นี่ผู้จัดการหลี่เคารพหลินชิงเสว่ขนาดนี้เชียวเหรอ?
หลังจากผ่านไปนาน ทุกคนต่างก็มีปฏิกิริยาความตกตะลึงอยู่บนใบหน้า
จางขุยเองที่รู้สึกว่าหูของตนต้องมีปัญหาแน่ๆเลยรีบเดินเข้าไปถาม “ผู้จัดการหลี่ นี่นายกำลังทำอะไรอยู่?”
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการหลี่สะบัดมือของเขาออกและไม่พูดอะไรออกมา เขายังคงก้มหน้าลงและยื่นถ้วยชาให้กับหลินชิงเสว่
เมื่อหลินชิงเสว่นั้นไม่รับมา เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าหลินชิงเสว่จะเริ่มเอ่ยปากออกมาอย่างแผ่วเบา
“ฉันไม่ดื่มชา วางไว้เถอะ”
ผู้จัดการหลี่นั้นตัวสั่นไปหมด ในใจก็คาดเดา การที่หลินชิงเสว่พูดขนาดนี้นั่นคือเธอจะไม่ให้อภัยตนงั้นเหรอ?
แต่ด้วยไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำพูดของหลินชิงเสว่ จึงได้แต่วางแก้วชาลงอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าแม้แต่ถอนหายใจที่แรงออกมาจึงได้แต่ยืนอยู่ข้างๆเท่านั้น
จางขุยและสองสาวฝาแฝดเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อและถามว่า “ผู้จัดการหลี่ เมื่อกี้นายเรียกเธอว่าอะไรนะ?”
ผู้จัดการหลี่ทนแทบไม่ไหวอยากจะด่า อดไม่ได้ที่จะบ่นกับจางขุยว่า “น้องจาง นายไปแย่งกับใครไม่แย่ง ดันมาแย่งกับคุณหลินเนี่ยนะ?นี่นายรู้หรือเปล่าเธอเป็นใคร?”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ใจของจางขุยเองก็สั่นไปชั่วขณะ ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกโหวงๆ
แท้จริงแล้วตั้งแต่สมัยก่อนที่ยังเรียนอยู่ จางขุยเองก็พอที่จะรู้ภูมิหลังตระกูลของหลินชิงเสว่อยู่ แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเป็นพิเศษมากนัก
คิดแค่ว่าเป็นลูกสาวของตระกูลบริษัทที่ร่ำรวย ถึงได้มีนิสัยทำตัวเหนือใครแบบนี้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจางขุยนั้นจะมองหลินชิงเสว่ต่ำไป
เนื่องจากผู้จัดการหลี่เองก็พบเจ้าของธุรกิจต่างๆมาไม่น้อย มีบริษัทที่จดทะเบียนยักษ์ใหญ่รวมอยู่ในนี้ด้วย แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีความเคารพถึงเพียงนี้เลย
หลังจากนั้นชั่วครู่ ผู้จัดการหลี่หันไปมองที่จางขุยอีกครั้งพร้อมกับใช้น้ำเสียงต่ำพูดว่า “น้องชายจาง นายเองก็น่าจะรู้นะว่าสำนักงานขายของเรานั้นขึ้นตรงต่อที่ไหน?”
“รู้สิ ที่อสังหาริมทรัพย์หงหย่วนไง สนับสนุนโดยตระกูลหลิน…หรือว่า?!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาของจางขุยก็หดลงเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “เธอเป็นคนของตระกูลหลินงั้นเหรอ?”
เหงื่อที่เย็นยะเยือกของผู้จัดการหลี่ไหลลงมา “ไม่ใช่แค่คนของตระกูลหลิน แต่เป็นถึงเจ้าหญิงคนโตของตระกูลอีกด้วย!”
บูม…
ทันทีที่เขาพูดออกมา หัวของจางขุยก็ว่างเปล่า การแสดงออกของเขานั้นเฉื่อยชา มองไปที่หลินชิงเสว่อย่างไม่น่าเชื่อ
เขารู้ว่าหลินชิงเสว่นั้นมีภูมิหลังที่ใหญ่โตแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ แถมยังเป็นเจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลินอีกต่างหาก
ใบหน้าของสองสาวฝาแฝดเองก็ดูงงงวย
ด้วยสถานะของพวกหล่อนจึงทำให้ไม่ได้สัมผัสหรือชิดเชื้อกับคนจากระดับตระกูลหลวงในเยี่ยนตู นั่นจึงทำให้ไม่รู้ถึงความน่ากลัวสยดสยองของตระกูลหลวงเยี่ยนตูแม้แต่น้อย
“เจ้าหญิงคนโตอะไร เธองั้นเหรอ?”
“คุณชายจางคะ นี่มันปีไหนแล้วยังมีคนเรียกว่า‘เจ้าหญิง’อีกเหรอ คุณว่ามันตลกไหมล่ะ?ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
สองสาวฝาแฝดต่างหัวเราะออกมา
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
อย่างไรก็ตาม เวลาต่อมาจางขุยก็ได้ตบเข้าไปที่หน้าของสองสาวฝาแฝดอย่างแรง ตะโกนด้วยสีหน้าที่มืดมน “หุบปากซะ!”
สองสาวฝาแฝดนั้นดูโง่ในทันที
เห็นเพียงจางขุยนั้นปาดเหงื่อที่เย็นยะเยือกของเขา จากนั้นเดินมาที่หน้าของหลินชิงเสว่ ฝืนยิ้มออกมาอย่างอึดอัดจากนั้นพูดว่า “ชิงเสว่ เรื่องนั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆ บ้านหลังนี้พวกเราไม่ต้องการแล้ว ยกให้เธอเอาไปเลย”
ขณะที่พูดอยู่นั้น จางขุยก็ได้ขอโทษหลินชิงเสว่
เมื่อคิดว่าตนนั้นกล้าที่จะไปแย่งบ้านของเจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลินและหาเหามาใส่หัว เขาก็สะดุ้งจากเหงื่อที่ไหลเย็นลงมา
หลินชิงเสว่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองไปที่เขาด้วยสายตาที่แผ่วลง
ถังเฉาเองก็เช่นกัน พวกเขานั้นคงจะยังไม่รู้เรื่องที่หลินชิงเสว่นั้นไม่ใช่เจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลินอีกต่อไปแล้ว
ผู้จัดการหลี่ยิ้มและพูดว่า “คุณหลินครับ คุณมาที่นี่เพื่อมาซื้อบ้านกับเรา เป็นเกียรติของเราจริงๆ ผมชื่อเสี่ยวหลี่ หากในอนาคตคุณต้องการซื้อบ้านล่ะก็ ขอเพียงแค่บอกผมมาแล้วผมจะให้ส่วนลดครึ่งหนึ่งแก่คุณเลยครับ!”
หลินชิงเสว่พูดอย่างเรียบเฉย “ไม่ต้องหรอก ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อบ้านของพวกคุณเสียหน่อย”
ผู้จัดการหลี่ตกใจและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ ใช่ คุณหลินพูดถูกต้องแล้วครับ!”
“เรียกคนมาดูเรื่องการจัดซื้อบ้านให้กับคุณหลินหน่อยสิ!”
จากนั้นเขาก็เรียกพนักงานขายสองสามคนมาเพื่อเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น
ผู้จัดการหลี่ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของเขาออก แล้วมองไปที่จางขุย “น้องจาง เอายังไงดี นายจะยังซื้อบ้านอยู่ใช่ไหม ไปดูบ้านแบบอื่นกันไหมล่ะ?”
หลินชิงเสว่และจางขุย คนหนึ่งคือคนที่เขาไม่สามารถหาเรื่องได้ ส่วนอีกคนคือหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขา เขาเองก็ไม่สามารถละเลยใครได้เลย
จางขุยเลือกบ้านที่เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ดูเล็กกว่า “หลังนี้แล้วกัน”
เมื่อสองสาวฝาแฝดนั้นเห็นว่าบ้านหลังนี้นั้นต่างกับของหลินชิงเสว่เป็นอย่างมาก ใบหน้าของพวกหล่อนก็เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา
แต่จางขุยที่จ้องเขม็งมา ทำให้คอของพวกหล่อนนั้นหดลง ได้แต่ทำตัวว่านอนสอนง่ายเท่านั้น
กระบวนการในการซื้อบ้านนั้นค่อนข้างยุ่งยาก นั่นจึงทำให้ถังเฉาและหลินชิงเสว่นั้นได้แต่ยืนรออยู่ด้านข้าง
พนักงานขายนั้นแทบจะบริการพวกเขาราวกับเป็นเจ้าใหญ่นายโต แต่ท้ายที่สุดถังเฉานั้นก็รำคาญและส่งพวกเขาออกไป
ถังเฉายิ้ม “ดูเหมือนว่าฐานะของเจ้าหญิงคนโตจากตระกูลหลินนี่ก็จะใช้ได้ดีเหมือนกันนะ”
หลินชิงเสว่มองบน “ตอนนี้ไม่ใช่แล้วไง”
ผู้จัดการหลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
ในเวลานี้ หน้าจอขนาดใหญ่ของสำนักงานขายกำลังแสดงโฆษณาอสังหาริมทรัพย์อีกรายหนึ่งอยู่
เช่นเดิมว่าเป็นซอยตงเฉินของสมาคมการค้าเก้าราชา
เนื้อหานั้นเกี่ยวกับสมาคมการค้าเก้าราชาที่จะเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซอยตงเฉินคือเป้าหมายแรกของพวกเขา
การจับฉลากระยะแรกจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้เวลาเก้าโมงเช้า
ทุกคนในสำนักงานขายต่างถูกดึงดูดจากโฆษณานี้
จางขุยนั้นมองบทความพิเศษเกี่ยวกับทิวทัศน์ของสมาคมการค้าเก้าราชาอย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาของสองสาวฝาแฝดก็ดูสว่างไสว
ผู้จัดการหลี่ถอนหายใจออกมา “ชีวิตของคนเรานี้ หากได้เข้าไปอยู่ที่ซื่อเหอย่วนล่ะก็ คงไม่เสียใจอะไรอีกแล้วล่ะในชีวิตนี้”
“ใช่แต่น่าเสียดาย ซื่อเหอย่วนที่มีชื่อเสียงในเขตเยี่ยนจิงนั้นต่างถูกครอบครองโดยตระกูลหลวงในเยี่ยนตูไปหมดแล้ว ไม่งั้นก็เป็นพวกบุคคลสำคัญระดับสูง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็มีแต่ที่ซอยตงเฉินนี่แหละที่มีการจับฉลากในซื่อเหอย่วน”
จางขุยเองก็คล้อยตามคำพูดเหล่านี้ไปด้วย
การอาศัยอยู่ที่ซื่อเหอย่วนนั้นไม่ใช่ว่าที่นั่นมีสภาพแวดล้อมดี แต่การที่ได้อาศัยนั้นมันคือฐานะ มันคือตำแหน่ง
ซื่อเหอย่วนสมัยก่อนมีแค่พวกชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถอาศัยอยู่ได้
น่าเสียดาย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะสามารถอาศัยอยู่ได้ ราคาเพียงหนึ่งตารางเมตรก็เพียงพอที่จะทำให้เขาหวาดกลัวได้เลยทีเดียว
หลินชิงเสว่เองก็ดูโฆษณาของซอยตงเฉินอยู่ เมื่อเทียบกับความเร่งรีบและคึกคักของตัวเมืองแล้ว ซื่อเหอย่วนนั้นเงียบสงบกว่ามาก
“ชิงเสว่ ชอบไหม?”
ขณะนั้นเอง เสียงของถังเฉาก็ดังขึ้นมาในหู
หลินชิงเสว่พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่หลังจากตอบสนองไป เธอก็กลับมาส่ายหัว
เธอชอบ แต่พวกเธอซื้อไม่ไหว
ถังเฉายิ้มและจดจำเรื่องนี้ไว้อย่างเงียบๆ
ตึง!ตึง!ตึง!
ขณะนั้นเอง ด้านนอกของสำนักงานก็มีเสียงเดินของรองเท้าหนังที่กระทบกับพื้นเข้ามา
เห็นเพียงสามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งที่สวมสูทและรองเท้าหนังเดินเข้ามา
เมื่อเห็นถังเฉาและหลินชิงเสว่ที่อยู่ด้านใน พวกเขาก็ตะลึงจากนั้นก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“นี่พวกเธอยังอยู่ที่นี่กันจริงๆเหรอเนี่ย?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ การแสดงออกของถังเฉาและหลินชิงเสว่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งสองลุกขึ้นยืน
“พวกคุณคือ..พ่อแม่ของหลินโป๋หลายใช่ไหมครับ?”
ท่าทางของถังเฉาดูน่าเกรงขามและกล่าว
คู่สามีภรรยาวัยกลางคนนี้เป็นพ่อแม่ของหลินโป๋หลาย หลินอิ่นและถงเจิน
ถงเจินยังเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่ในเยี่ยนจิงอีกด้วย แม้จะไม่สามารถเทียบได้กับราชวงศ์หลวงในเยี่ยนตู แต่ก็พอมีอิทธิพลอยู่
“คุณลุง คุณป้า”
หลินชิงเสว่กล่าวทักทายด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
หลินชิงเสว่นั้นไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อตระกูลของหลินโป๋หลายเลยสักนิด
“เหอะ นี่ยังมีหน้ามาเรียกพวกเราว่าคุณลุงคุณป้าอีกงั้นเหรอ?”
หลินอิ่นและถงเจินทำเสียงเหอะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับมองไปที่หลินชิงเสว่ด้วยท่าทางที่บูดบึ้ง
การแสดงออกของผู้จัดการหลี่เองก็เปลี่ยนไป จากนั้นเขารีบเดินเร็วเข้ามาที่ด้านหน้าของหลินอิ่นและถงเจิน“เถ้าแก่ เถ้าแก่เนี้ย ท่านมาได้อย่างไรกันครับ?”
“เถ้าแก่ เถ้าแก่เนี้ย?”
จางขุยที่อยู่ด้านข้างนั้นตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ชั่วขณะหนึ่ง
ส่วนสองสาวฝาแฝดเองแม้แต่คำพูดก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา ดูจากหลินอิ่นและถงเจินแล้วก็พอรู้ว่าพวกเขาน่าจะมาจากตระกูลที่ใหญ่โต
ถังเฉาแสดงสีหน้าประหลาดใจ เขาลดเสียงต่ำลงถามหลินชิงเสว่ว่า “ทำไมพวกเขาถึงได้มาเป็นเถ้าแก่ของสำนักงานขายนี้ล่ะ?”
หลินชิงเสว่นั้นไม่แปลกใจ พร้อมกับพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสำนักงานนี้มีป้าคนโตเป็นเถ้าแก่ กิจการหลักของตระกูลพวกเขาก็คืออสังหาริมทรัพย์ หลังจากรวมเข้ากับตระกูลหลิน ตระกูลหลินจึงเข้ามาแทรกแซงเล็กน้อยไงล่ะ”
ถังเฉาเข้าใจขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน หลังจากนั้นสายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
พวกเขามาหาหลินชิงเสว่
“ทำไม โดนขับไล่ออกจากตระกูลหลินแล้ว พอไม่มีที่ให้อยู่ก็เลยเริ่มหาบ้านดูแล้วเหรอ?”
ถงเจินมองไปที่หลินชิงเสว่ด้วยสายตาที่ถากถางและพูดออกมา
ใบหน้าของหลินชิงเสว่นั้นมืดมน แต่ท่าทางของเธอยังถือว่าดีอยู่ “ก็คงอยู่โรงแรมไปตลอดไม่ได้หรอกค่ะ”
หลินอิ่นเองก็ยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ไม่เจอพวกเรายังพอได้ แต่นี่ดันมาถูกพวกเราพบเข้า การซื้อบ้านครั้งนี้คงไม่สำเร็จหรอกนะ”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา การแสดงออกของหลินชิงเสว่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วขึ้นมา “คุณลุง ลุงคิดจะทำอะไรกันคะ?”
แม้แต่ผู้จัดการหลี่ จางขุย หรือแม้สองสาวฝาแฝดเองก็ตกตะลึง สถานการณ์มันดูไม่ค่อยจะถูกต้องสักเท่าไหร่เลยนะ!
“ฉันอยากทำให้เธอไร้บ้าน เร่ร่อนไปทั่วน่ะสิ!”
การแสดงออกของหลินอิ่นนั้นรุนแรงและน่ากลัว จ้องมองไปที่ถังเฉาและหลินชิงเสว่อย่างหนักแน่น “ลูกชายของฉันหายไปก็เพราะพวกเธอ กลับมาอย่างยากลำบากแถมยังความจำเสื่อมอีก ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พวกเธอทำร้ายลูกฉัน!”
“อะไรนะ?หลินโป๋หลายความจำเสื่อมเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สีหน้าของหลินชิงเสว่ที่เปลี่ยนไปอย่างมาก แม้แต่ดวงตาของถังเฉาเองก็กระชับยิ่งขึ้น
เมื่อครั้งที่เขามาตระกูลหลินในตอนแรก เหตุผลที่เว่ยหมิงจวินนั้นจัดงานเลี้ยงขึ้นมาก็เพราะการกลับมาของหลินโป๋หลาย
แต่ที่งานเลี้ยงนั่นกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินโป๋หลายเลยแม้แต่น้อย ที่แท้ก็ความจำเสื่อมนี่เอง
ถังเฉานั้นคบค้าสมาคมกับค้างคาว แถมยังเคยสั่งสอนไปครั้งหนึ่ง เลยพอจะรู้มาว่าค้างคาวกับหลินโป๋หลายนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่
การที่หลินโป๋หลายนั้นความจำเสื่อมก็เป็นไปได้ว่าอย่างมากเลยว่าจะเกี่ยวกับค้างคาว
“น่าสงสารลูกชายของฉันจริงๆ แม้แต่พ่อกับแม่ก็ยังจำไม่ได้ แต่ก่อนเธอคือเจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลิน พวกเราเลยไม่สามารถจัดการอะไรเธอได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ฉันจะฆ่าพวกแกเพื่อเป็นการล้างแค้น!”
ดวงตาของหลินอิ่นนั้นส่องประกายความบ้าคลั่งออกมา ดวงตาจ้องเขม็งมาที่หลินชิงเสว่ด้วยความเกลียดชัง ส่งเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง
บรรยากาศในอสังหาริมทรัพย์เริ่มจริงจังขึ้นในทันที ดวงตาของถังเฉานั้นหรี่ลงอย่างอันตราย เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าของหลินชิงเสว่เพื่อสกัดไว้