เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 703 อาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคนอื่น
อารมณ์ทางความคิดของถังเฉานั้นย้อนกลับไปสมัยบ้านของตระกูลซ่ง
หลินโป๋หลายนั้นเข้าร่วมเข้ากับตระกูลเหยียน ซ่งหรูอี้เองก็ได้กระจายวางกับดักล้อมศัตรูเอาไว้และปล่อยให้บริษัทชิงเฉินล้มละลาย แต่ในสถานการณ์ของหลินชิงเสว่นั้น กลับพยายามวางแผนเพื่อให้เธอกลับไปที่เยี่ยนจิงแทน
ท้ายที่สุดถึงแม้จะล้มเหลว ถังเฉาที่โกรธนั้นก็ไม่ได้คิดที่จะไว้ชีวิตพยานปากที่รอดชีวิตแต่อย่างใด จึงสั่งให้เฟิ่งหวงฆ่าเขาเสีย
แต่ในขณะที่พยายามหาทุกวิถีทางอยู่นั้น ค้างคาวก็ปรากฏตัวขึ้นมาและนำหลินโป๋หลายไป ถือเป็นโชคดีที่ได้ช่วยหนึ่งชีวิตให้กลับมา
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน หลินโป๋หลายก็ไม่มาปรากฏตัวอีกเลย แต่สิ่งที่ถังเฉานั้นมั่นใจเลยก็คือช่วงเวลานั้นหลินโป๋หลายจะต้องอยู่กับค้างคาวอย่างแน่นอนและไม่มากก็น้อยจะต้องเจอกับเรื่องอะไรบางอย่างเป็นแน่
การประชุมแดนเหนือของเมืองเจียงเฉิง หลินโป๋หลายจะต้องอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอนแต่กลับไม่พบอะไรเลย
ถังเฉาเข้าใจองค์กรหว่างเหลี่ยง ไม่ว่าจะเข้าร่วมด้วยตนเองหรือไม่ ขอเพียงแค่เข้ามาก็ไม่สามารถที่จะทรยศหักหลังได้ การที่หลินโป๋หลายนั้นความจำเสื่อมไม่อาจจะสลัดค้างคาวออกจากการเกี่ยวข้องนี้ได้
“ดูเหมือนว่าเขาน่าจะไปได้ยินความลับสำคัญอะไรบางอย่างมาแต่ทำไมถึงไม่ฆ่าเขาไปเลยล่ะ?”
ดวงตาของถังเฉาหรี่ลงอย่างดูอันตราย แววตาฉายความแหลมคม
หลินโป๋หลายกลับมาที่ตระกูลหลินอีกครั้ง เหตุการณ์นี้ก็ค่อนข้างแปลกเช่นกัน
หรือจะกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าหลินโป๋หลายนั้นความจำเสื่อมไปแล้วจริงๆงั้นเหรอ?
ถังเฉาไม่เชื่อคำบอกเล่าทั้งหมด เขาเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น
แต่ในตอนนี้เรื่องที่สำคัญมากที่สุดก็คือจะต้องจัดการพ่อแม่ของหลินโป๋หลายให้ได้ก่อน
“หากพวกคุณจะมาหาชิงเสว่เพื่อแก้แค้นล่ะก็ คุณมาหาผิดคนแล้วล่ะ”
ถังเฉาสวดเท้าขึ้นมา เดินไปที่ด้านหน้าของหลินอิ่นและถงเจินด้วยท่าทางที่สงบ “หลินโป๋หลายนั้นถูกคนลึกลับพาตัวไป แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชิงเสว่ด้วย?”
“อีกอย่าง หลินโป๋หลายยังไปเข้าร่วมกับเย่หรูอี้จากตระกูลเย่และมาทำลายบริษัทของชิงเสว่อีก ชิงเสว่ก็ยังไม่ทำอะไรเขาเลย เพียงแต่แค่อยากกลับที่บริษัทของตัวเองก็เท่านั้น มันจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับเธอกันล่ะครับ?”
“อีกอย่าง พวกคุณเองก็ไม่กล้าที่จะไปแก้แค้นหาฆาตกรตัวจริง แถมยังใช้โอกาสนี้มาซ้ำเติมอีกงั้นเหรอ?”
การซักถามหลายครั้งนั้นทำให้หลินอิ่นและถงเจินนั้นพูดไม่ออก ใบหน้าฉายแววความประหลาดใจ
โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงตอนท้าย น้ำเสียงของถังเฉาก็ลดต่ำลง ดวงตาฉายแววความมืดมน
หลินชิงเสว่มองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
ในเวลานี้ ดวงตาของเธอเย็นชาเป็นอย่างมาก การที่มีญาติเช่นนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกใจห่อเหี่ยวซะเหลือเกิน
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแวบเข้ามาในดวงตาของพวกเขา หลินอิ่นและถงเจินตอบสนองอย่างรวดเร็ว เปล่งเสียงเหอะออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ว่ายังไง ก่อนที่จะพบฆาตกรตัวจริงที่นำตัวหลินโป๋หลายไป เธอหลินชิงเสว่ เธอคือฆาตกร พวกเราไม่ปล่อยเธอไปแน่!”
“การที่ตระกูลหลินขับไล่เธอออกไปนั้นถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้องเสียจริง การมีคนอย่างเธอที่ทำตัวเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเองล่ะก็ถือเป็นหายนะที่แท้จริงเลยล่ะ!”
ท่าทีของหลินอิ่นนั้นเฉยเมย แต่จิตใจอารมณ์ของเขานั้นกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก เขาจะโกนใส่หลินชิงเสว่อย่างบ้าคลั่ง แทบจะอยากจับหน้าของเธอเสียจริง
ทันทีที่พูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าผู้จัดการหลี่ จางขุยหรือแม้แต่สองสาวฝาแฝดนั้นต่างเปลี่ยนไป
พวกเขาได้รับข่าวที่สำคัญมาใหม่แล้ว
หลินชิงเสว่นั้นถูกตระกูลหลินขับไล่ออกมา!
“เถ้าแก่เนี้ย นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“คุณหลินไม่ได้เป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหลินหรอกเหรอครับ?ทำไมถึงโดนขับไล่ออกมา?”
ผู้จัดการหลี่ที่ตกตะลึงนั้นรีบเดินเข้าไปหาหลินอิ่นและถงเจินเพื่อถาม
ถงเจินยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกับมองหลินชิงเสว่ด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “เธอเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหลินอะไรกันล่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอหลอกพวกเรา ที่แท้ก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นแหละ!”
“อะไรนะ?!”
ทันทีที่คำพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการหลี่ จางขุยหรือแม้แต่สองสาวฝาแฝดนั้นต่างรู้สึกเขย่าขวัญ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
โดยเฉพาะจางขุยที่สมองของเขานั้นว่างเปล่ามากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ผู้จัดการหลี่นั้นบอกว่าหลินชิงเสว่นั้นเป็นองค์หญิงคนโตของตระกูลหลิน แต่ทำไมตระกูลหลินที่แท้จริงนั้นมากลับบอกว่าไม่ใช่ล่ะ?
หรือว่าหลินชิงเสว่นั้นจะใช้นามของตระกูลหลินเพื่อหลอกลวง?
“เอาล่ะ ไม่ต้องถามอะไรมากแล้ว แค่จำเอาไว้ว่าเธอคนนี้มันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าหญิงของตระกูลหลิน!”
“ใช่ เจ้าหญิงคนเดียวในตระกูลหลินก็คือหลินจ้าวหยูน!ที่เหลือมันก็คือของปลอม”
หลินอิ่นและถงเจินกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา นี่เป็นความลับของตระกูลหลิน แค่พูดออกมาคร่าวๆไม่ได้ระบุอะไรชัดเจน
แต่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนนั้นตกตะลึงกันแล้ว
จางขุยและผู้จัดการหลี่เองก็โง่ไปชั่วขณะหนึ่ง
สติของสองสาวฝาแฝดนั้นกลับมา ทำเสียงหัวเราะเยาะเย้ยพร้อมกับเดินไปที่ด้านหน้าของหลินชิงเสว่ พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “ถ้าให้ฉันพูดนะ หน้าของเธอน่ะมันหนาพอแล้วล่ะ เห็นกันชัดๆว่าไม่ได้เป็นเจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลิน ยังจะมาใช้นามของตระกูลหลินมาหลอกลวงอีก!”
“ใช่ แล้วจะยังมาแย่งบ้านกับพวกเราอีก!รู้ใช้ไหมล่ะว่าถ้าไม่ได้ใช้นามเจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลินแล้วล่ะก็ จะไม่มีปัญญาแย่งพวกเราได้?”
สองสาวฝาแฝดมองไปที่หลินชิงเสว่อย่างถากถาง
ในเวลานี้ พวกหล่อนนั้นหายโกรธและรู้สึกเชิดหน้าชูตา
ใบหน้าของเธอนั้นสงบไม่ได้พูดอะไรออกมา ถังเฉาที่มองดูก็รู้สึกสงสารเล็กน้อย
อย่ามองแค่ท่าทางที่ดูไม่สนใจอะไรของหลินชิงเสว่ การที่เธอโดนไล่ออกมาจากตระกูลหลินมา ในใจของเธอนั้นมันแคร์มันเป็นอย่างมากเลยล่ะ
เพราะนั่นเป็นบ้านเกิดของเธอ ที่เธออาศัยอยู่มานานกว่าสิบปี
“คุณเห็นหลินชิงเสว่ใช้นามของตระกูลหลินไปหลอกลวงเมื่อไหร่กัน?”
ถังเฉาก้าวขึ้นมา สายตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่สองสาวฝาแฝดและถามกลับไป “เราแค่ต้องการเข้ามาซื้อบ้าน ได้พูดอะไรเกี่ยวกับ‘ตระกูลหลิน’หรือไง?”
สองสาวฝาแฝดสำลัก
จริงๆแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ หลินชิงเสว่ยังไม่ได้เอ่ยถึงตระกูลหลินออกมาเลย
เป็นผู้จัดการหลี่ต่างหาก เมื่อเขาเห็นเธอ เขาก็พูดถึงตัวตนของเธอในตระกูลหลิน ทุกคนถึงได้รู้สึกว่าฐานะของเธอนั้นอยู่สูงกว่า
“ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่ใช่หญิงสาวที่ร่ำรวยของตระกูลหลิน นั่นแปลว่าเธอไม่มีคุณสมบัติอะไรมาแย่งของของเรา!บ้านหลังนี้คือของเรา!”
ภายใต้ความกระวนกระวาย สองสาวฝาแฝดพูดอย่างตรงไปตรงมา
ในที่สุด ความโกรธก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหลินชิงเสว่ เธอไม่ได้พูดอะไรพร้อมกับมองไปที่ผู้จัดการหลี่ “ฉันหวังว่าคุณจะยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพของคุณ เราเป็นคนแรกที่เห็นบ้านหลังนี้!”
“เอ้ เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่หลอกลวงคนอื่นเขา ยังจะมีหน้ามาซื้อบ้านอีกเหรอ?”
“บ้านหลังนี้ต้องขายให้กับพวกเราเท่านั้น!”
สองสาวฝาแฝดไม่มีความสุขอีกต่อไป
ใบหน้าของผู้จัดการหลี่นั้นไม่น่าดู อย่างไรเสียเขาก็ไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้อยู่ดี
ในที่สุด เขาก็มองไปที่หลินอิ่นและถงเจิน “เถ้าแก่ เถ้าแก่เนี้ย ให้พวกท่านเป็นคนตัดสินเถอะครับ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หลินชิงเสว่ก็กัดฟันของเธออย่างแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
สองสาวฝาแฝดนั้นยิ้มอย่างมีชัยออกมา
หลินอิ่นและถงเจินนั้นไม่มีทางให้หลินชิงเสว่ได้ดี ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เธอยุ่งยากและลำบากเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้!
แน่นอนว่าถงเจินนั้นเหล่ตามองหลินชิงเสว่ ใบหน้าแสดงการเยาะเย้ยออกมา “ทำไม พวกเรามาแล้ว นี่เธอยังจะอยากซื้อบ้านอีกเหรอ?จะบอกให้ว่าเป็นไปไม่ได้หรอก!”
“ใช่ จะขายแก่ใครก็ได้แต่ไม่ใช่เธอ”
ท่าทางของหลินอิ่นและถงเจินนั้นชัดเจนว่าจะไม่ขายให้กับหลินชิงเสว่เป็นแน่
ท้ายสุดถงเจินก็ได้หันไปมองที่ผู้จัดการหลี่ “ผู้จัดการหลี่ เมื่อกี้นายพูดว่าจะขายบ้านให้กับเธอใช่ไหม?รีบไปยกเลิกทันที!ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาเป็นผู้จัดการแล้ว!”
บูม!
ทันทีที่พูดเช่นนี้ สีหน้าของผู้จัดการหลี่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เหงื่อที่เย็นยะเยือกก็ตกลงมาบนหน้าผากของเขา
เขาเหลือบมองไปที่หลินชิงเสว่อย่างลำบากใจ จากนั้นพูดว่า “คุณหลินครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ บ้านหลังนี้ไม่สามารถขายให้กับคุณได้ครับ”