เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 731 ฉันไม่ได้ป่วยจริง ๆ
“ถังเฉาทำไมไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นได้”
“พวกเขาเป็นศัตรูกันไม่ใช่หรือ?”
“……”
ภายในรถมาเซราติ เย่หรูอี้สีหน้าบึ้งตึง หน้าตาบูดเบี้ยวเย็นชา
ถึงแม้หล่อนรู้ว่า คงอาจจะมีอะไรเข้าใจผิด แต่พอคิดถึงถังเฉาขึ้นรถของเย่เซ่าเตี๋ย ในใจก็คอยจะหงุดหงิด
เหมือนมีก้อนหินก้อนโตกดทับในอก ทำเอาหายใจไม่ออก
“พี่สาว เป็นอะไรไปอ่ะ ?”
เสียงถามอย่างงง ๆ ของผู้ชายจากที่นั่งหลังรถ
แขนข้างขวาของผู้ชายคนนั้นพอกปูนปลาสเตอร์ ดูว่าจะแขนหัก
เย่เทียนหลงนั่นเอง
มองผ่านกระจกมองหลัง เย่เทียนหลงเห็นชัดว่า แววตาเย่หรูอี้เต็มไปด้วยความโกรธ
“ไม่มีอะไร”
น้ำเสียงเย่หรูอี้เปลี่ยนราบเรียบอย่างรวดเร็ว ความโกรธเมื่อสักครู่หายเกลี้ยง
เป็นถึงบุตรีตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง การปรับเปลี่ยนอารมณ์บนใบหน้า เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องพร้อม
ทว่า มุมที่เย่เทียนหลงมองไม่เห็นนั้น คือมือที่จับพวงมาลัยรถของเย่หรูอี้ ออกอาการสั่น เส้นเอ็นปูดโปน
เย่เทียนหลงก็ไม่ได้สังเกต พูดเสียงหัวเราะว่า “พี่สาว ที่จริงพี่ไม่เห็นจำเป็นต้องเหนื่อย ผมไม่กลับตระกูลหลวงตระกูลเย่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”
กลับหรือไม่กลับตระกูลหลวงตระกูลเย่ สำหรับเย่เทียนหลงแล้ว ไม่ใช่สาระอะไรเลย
เพียงแต่ให้ตัวเขาอยู่ในเยี่ยนจิง สามารถพบพี่สาวได้ทุกเวลาก็พอแล้ว
เขาก็รู้ดีว่า การที่พี่สาวได้ก้าวเข้ามาสู่ตระกูลหลวงตระกูลเย่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าจะให้หล่อนกลับออกไป ก็คงเป็นการผลักให้หล่อนเหมือนต้องไปอยู่ที่สถานที่ที่อันตรายที่สุดแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเย่เซ่าเตี๋ยแล้ว ยังมีเย่จงซือ
สามคนนี้ คือหนึ่งมังกรสองหงส์แห่งตระกูลเย่
แต่เย่จงซือยังยิ่งน่ากลัวกว่าเยเซ่าเตี๋ย และเจ้าเล่ห์ร้ายยิ่งกว่าอีก
พี่สาวก็พลาดท่าเสียทีไปไม่น้อยในเที่ยวที่แล้ว
การจับฉลากของซอยตงเฉินที่สมาคมการค้าราชเก้าจัดขึ้น ความจริงเย่หรูอี้ได้รับเป็นตัวแทนของตระกูลเย่
เย่จงซือเข้ามาขัดคอ โดยมีเย่เซ่าเตี๋ยหนุนอยูข้าง ๆ เย่หรูอี้ถูกโดดเดี่ยว โอกาสก็เลยเป็นของเย่เซ่าเตี๋ยกับเย่จงซือไป
ขณะเดียวกัน อำนาจที่มีในมือของเย่หรูอี้ ก็ถูกตัดทอนลงเนื่องจากการกลับมาของเย่จงซือ
“ไม่มีปัญหา”
เย่หรูอี้ส่ายหน้า พูดเบา ๆ ว่า “ตัวแกเองก็เป็นคนในตระกูลหลวงตระกูลเย่อยู่แล้ว พวกเราใช่ทั้งนั้น ใครก็จะมาขวางอะไรพวกเราไม่ได้ทั้งนั้น”
“ลงรถเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดวางงานให้”
เย่หรูอี้หยุดชะงักนิดหนึ่ง แล้วพูดว่า “ในเมื่อมาถึงเยี่ยนจิงแล้ว ก็ต้องละนิสัยมั่วซั่วทิ้งไปนะ”
เย่หรูอี้แนะกำชับอย่างจริงจัง เย่เทียนหลงก็ยินยอมในการรับฟังเย่หรูอี้
“ไอ้เรื่องพรรณนั้นผมไม่เข้าไปแตะตั้งนานแล้ว แต่เรื่องงานบู๊นี่คงไม่ละวาง ในตระกูลเย่ ถ้ามีใครมารังแกพี่สาว ผมคงไม่สนในการที่จะให้พวกมันแขนขาดขาด้วนนะ”
เย่เทียนหลงแค่นหัวเราะเสียงเหี้ยม
เย่หรูอี้ชะงักนิดหนึ่ง ตามด้วยหัวเราะ “ไปกันเถอะ”
……
ในขณะเดียวกันนั้น บนทางยกระดับ
หลู่เหมิงเหยียบคันเร่งอย่างบ้าระห่ำ ความเร็วรถทะยานขึ้นไปถึงร้อยไมล์ มุ่งเข้าไปกลางเมืองอย่างเร่งรีบ
หล่อนร้อนใจเหมือนมดในกระทะบนเตาไฟ บ่นก่นด่าอยู่พึมพำ
“ให้ตายสิ เช้าไม่มาเย็นไม่มาดันผ่าจะมาเอาตอนนี้”
“เมี่อวานก็ยื่นใบลาแล้วนี่นา หรือยัยนั่นยังไม่ได้อนุมัติ”
เพื่อวันนี้ หลู่เหมิงได้ขอลาพักงานล่วงหน้าไปแล้ววันหนึ่ง ก็คิดว่าเย่เซ่าเตี๋ยรับรู้เรื่องแล้ว ไม่คิดว่าหล่อนจะไม่รู้เรื่อง
คงมีเหตุผลเดียว คือทางฝ่ายการเงินไม่ได้ส่งหนังสือถึงมือเย่เซ่าเตี๋ย
ที่ยิ่งทำให้หลู่เหมิงแทบคลั่ง ก็คือเย่เซ่าเตี๋ยว่าจะมาเยี่ยมตัวเอง?!
ตัวเราเองหรือก็เพียงแค่พนักงานระดับกลางล่าง จะไปมีคุณสมบัติอะไรขนาดนั้น!
ทันใดนั้น หลู่เหมิงสะดุดกึกขึ้นมา สมองโผล่ลอยให้เห็นอะไรบางอย่างที่เป็นได้
เป็นไปได้หรือเปล่าว่าประธานเย่จะรู้เรื่องที่เราไปทำเรื่องเลวร้ายโดยอ้างชื่อบริษัท จะมาจับหาหลักฐาน
พอความคิดนี้แวบขึ้นมา ตัวหลู่เหมิงถึงสะดุ้ง รู้สึกหนาวไปทั้งตัว
แต่หลังจากนั้น หล่อนก็ส่ายหัว มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
เรื่องการเป็นนายหน้า ทุกครั้งหล่อนก็ทำลายหลักฐานหมดเกลี้ยง
อีกทั้งงานหากินแบบนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยนัก พื้นฐานทั่วไปก็สามเดือนถึงครึ่งปีจะมีสักครั้ง แต่ละครั้งก็พอได้แค่เต็มกระเป๋า
และก็ไม่ได้ไปดึงทุนออกจากเงินของบริษัท อาศัยฝีมือหากินล้วน ๆ
เย่เซ่าเตี๋ยไม่มีทางได้รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
คิดมาถึงข้อนี้ หลู่เหมิงค่อยยังโล่งใจขึ้นมาได้ คิดว่าใจมันหลอนใส่ตัวไปงั้นเอง
กริ๊ง……!
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
หลู่เหมิงคว้าขึ้นมาดู ยิ่งตกใจจนขวัญกระเจิง
กลับเป็นหลินอิ่นโทรมา
หล่อนรีบรับโทรศัพท์ด้วยอาการสั่นเงอะงะ “สวัสดีคะ เถ้าแก่หลิน”
ขณะกำลังรีบเร่งกลับ หล่อนก็นึกอยู่มาตลอดว่าจะอธิบายกับหลินอิ่นยังไง ไม่คิดว่าจะโทรมาหาเร็วขนาดนี้
“คนหละ ? พวกของข้ารออยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงา!”
ในโทรศัพท์ เสียงของหลินอิ่นดังมาด้วยความโกรธ
หลู่เหมิงหัวปั่นขึ้นมาทันที ตอบไปอย่างระวังเต็มที่ “คุณหลิน…เถ้าแก่หลิน พอดีดิฉันมีเรื่องนิดหนึ่ง ต้องกลับเข้าบ้านหน่อย คนนี่จะขอส่งมาให้มืดหน่อยได้ไหมคะ ?”
หล่อนต้องรีบกลับไปให้ถึงบ้านเพื่อรับหน้าและผลักดันให้เย่เซ่าเตี๋ยกลับไป จึงจะนำหลินชิงเสว่ไปส่งให้ได้
“อะไรนะ?!จะกลับเข้าบ้าน?”
หลินอิ่นได้ยินดังนั้น กลับเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที “กลับไปบ้านทำบ้าอะไร เอาคนมาส่งให้ข้าก่อน!”
“ไม่ได้จริง ๆ คะ ที่บ้านมีเรื่องเดือดร้อนมากจริง ๆ!”
หลู่เหมิงเสียงเหมือนจะร้องไห้ ขอร้องไปว่า “เถ้าแก่หลิน ท่านผ่อนผันให้หน่อยเถอะ หรือไม่ก็อีกชั่วโมงนึงท่านไปรับคนที่บ้านดิฉันก็ได้คะ”
อาจจะได้ยินจากน้ำสียงเชื่อว่าคงมีเรื่องจำเป็นมาก และก็เห็นว่าหลินชิงเสว่อยู่ในมือหล่อน ฮึออกจมูกไปว่า “ก็ได้ ข้าจะรอแกอีกชั่วโมงนึง อีกหนึ่งชั่วโมงถ้ายังไม่มา ข้าก็จะมาที่บ้านแก แต่เงินจะต้องหักไปครึ่งหนึ่ง!”
หลู่เหมิงกัดฟัน ลดไปครึ่งก็ลดไปครึ่งวะ
จึงตอบไปทันที “ตกลงคะ”
วางสายโทรศัพท์ หล่อนก็ได้รู้สึกโล่งใจไปอีกหน่อย
หันหลังกลับไปมองหลินชิงเสว่ที่หลับอยู่ หลู่เหมิงกัดฟันนึก “ซวยหมาจริง ๆ ดันจังหวะประธานเย่จะมาหา”
แล้วไอ้เราเองก็ปากเสีย ตายดีไม่ตายดี ดันเสือกไปบอกว่าป่วยทำไมก็ไม่รู้
หลู่เหมิงเหยียบคันเร่งจมมิด ในครึ่งชั่วโมง มาถึงที่พักที่ตัวเองพักอยู่
หล่อนรีบจัดการประคองหลินชิงเสว่ อ้อมหลบกล้องวงจรปิด กลับไปถึงบ้านตัวเอง จัดการเอาหลินชิงเสว่ซ่อนเข้าไปในตู้เสื้อผ้า
พรึบพรับ พรึบพรับ!
แล้วจัดการทำให้ในบ้านดูรกรุงรัง ให้ดูสภาพเหมือนสาวติดบ้าน
ต่อจากนั้น หลู่เหมิงเอาปรอทวัดอุณหภูมิ แช่ลงไปในน้ำเดือดครู่หนึ่ง จุดแดงชี้ระดับอุณหภูมิพุ่งปรู๊ด จนทะลุเกิน 39 องศา
ผงกหัวอย่างพอใจ หลู่เหมิงจึงได้ซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม รอการมาของเย่เซ่าเตี๋ย
ในขณะนั้นเอง เย่เซ่าเตี๋ยกับถังเฉาได้มาถึง
ขณะขึ้นบันได ถังเฉาปิดปากด้วยหน้ากากอนามัยและถุงมือที่หมอใช้
ทั้งสองได้ตกลงกันมาระหว่างทางแล้ว เป็นว่าเย่เซ่าเตี๋ยจะมาเยี่ยมหลู่เหมิง ส่วนถังเฉาเป็นหมอที่เย่เซ่าเตี๋ยแวะรับมาเพื่อช่วยดูอาการให้หลวี่เมิ่ง
ติ๊งต่อง…
เย่เซ่าเตี๋ยกดสัญญาณกระดิ่ง
หลู่เหมิงมองในรูตาแมว แล้วเปิดประตู
หล่อนอยู่ท่าทีอ่อนแรง “ประธานเย่ ท่านอุตส่ากรุณามาเองเลยหรือ ?”
พลางเชิญเย่เซ่าเตี๋ยเข้ามาข้างในพลางพูดด้วยความเกรงใจ “แหม ท่านประธานเย่ช่างเมตตากับผู้ใต้บังคับจริง ๆ ดิฉันไม่เป็นอะไรมาก ก็เพียงเป็นหวัดมีไข้เล็กน้อย นอนพักผ่อนหน่อยก็คงจะหาย…….”
“เอ๋ ? ท่านผู้นี้เป็นใครคะ ?”
หลู่เหมิงสังเกตไปที่ถังเฉาที่อยู่ข้างหลังเย่เซ่าเตี๋ย นึกสดุ้งใจนิด
เย่เซ่าเตี๋ยยิ้ม ๆ “ก็ไม่ใช่เพราะนึกห่วงในอาการเธอนี่หรือ เธอเป็นเรี่ยวแรงคนสำคัญของฉันเลยนะ จะล้มป่วยไม่ได้นะ นี่เป็นหมอส่วนตัวที่ฉันไปรับมาเพื่อเธอ คุณหมอถัง”
“สวัสดีครับ”
ถังเฉาสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองดูส่วนประกอบทั่วไปภายในห้อง
ในทันทีนั้นเขาก็สังเกตุเห็นแล้วว่ามีคนซุกอยู่ในตู้
มองถังเฉาด้วยสายตาฉงน หลู่เหมิงจึงได้เข้าใจ “อ๋อ คุณหมอ สวัสดีคะ สวัสดีคะ!”
และแล้วก็เชิญทั้งสองเข้าไปข้างใน หลู่เหมิงก็จะไปชงน้ำชาให้เย่เซ่าเตี๋ยกับถังเฉา เย่เซ่าเตี๋ยโบกมือ “ไม่ต้องวุ่นวาย เธอเป็นคนป่วย ขึ้นไปอยู่บนเตียงเถอะ”
เย่เซ่าเตี๋ยไม่พูดพล่ามอะไรมาก จัดการส่งให้หลู่เหมิงขึ้นไปบนเตียง
“ขอบคุณ ขอบพระคุณท่านประธานเย่คะ…….”
หลู่เหมิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก ให้รู้สึกแปลก ๆ ในใจ
ตามปกติกับขนาดผู้บริหารระดับสูง ประธานเย่ยังไม่เคยใส่ใจใยดีด้วยเลย แล้วจะมาใส่ใจห่วงอะไรกับพนักงานระดับกลางที่ไม่ได้อยู่ในส่วนสำคัญอะไรมาก
“อ้าว เธอวัดไข้แล้วเหรอ โอ้โห ตั้ง สามสิบเก้าจุดแปด องศาเลยหรือนี่ ?”
ทันทีนั้น เย่เซ่าเตี๋ยมองเห็นที่วัดไข้ที่วางบนหัวเตียง ร้องออกมาอย่างตกใจ
หลู่เหมิงรีบตีสีหน้าทำท่าอ่อนระโหย ทำฝืนยิ้มพูดว่า “คงเป็นเพราะโดนอากาศเย็น ท่านประธานคะ ต้องขออภัยจริง ๆ ดิฉันไม่มีแรงจะลุกขึ้นดูแลต้อนรับได้เต็มที่ ให้ดีไว้ให้ดิฉันหายดีแล้วท่านค่อยมาใหม่……”
หลู่เหมิงออกปากเป็นนัยไล่แขก ใจลุ้นเต็มที่ให้ทั้งสองรีบไป
แต่เย่เซ่าเตี๋ยทำไม่รู้ไม่ชี้ ท่าทีแบบ ‘ฉันไม่มีเรื่องอะไรรีบร้อน’ พูดยิ้ม ๆ ว่า “ดูทีฉันได้หาหมอมาถูกคนเสียแล้ว หัวหน้าหลวี่ เธอสบายใจได้ คุณหมอถังนี่เป็นหมอเฉพาะทางเลย”
“อา..?”
หลู่เหมิงเซ่อไปเลยทีนี้ ทำไมไม่เป็นไปอย่างที่คิดนะ ?
ทำไมไม่ยอมรีบกลับไปนะ ? ทำไมยังจะมาตรวจรักษาให้อีก
“ไม่คะ ไม่ต้องคะ ประธานเย่ท่านให้เกียรติดิฉันมากเกินไปนะคะ ดิฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ……”
หลู่เหมิงทำแข็งใจหัวเราะ
แต่ถังเฉากลับเอาที่วัดไข้นั้นขึ้นมาดู พูดเรียบ ๆ ว่า “อาการคุณหนักมากนะ ต้องรีบทำการตรวจรักษา”
“……”
หลู่เหมิงหน้าเหยเก แต่ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ยื่นแขนออกไป
นึกอยู่ในใจ ให้หมอรู้ว่าตัวเขาแท้จริงแล้วไม่ได้ป่วย ก็คงกลับกันมั้ง ?
ถังเฉาทำเป็นหลับตา มือทาบจับชีพจร สักพักทำหน้าเครียด พูดน้ำเสียงทุ้มหนัก
“แย่มากเลย คุณติดหวัดที่เป็นไวรัสสายพันธุ์รุนแรง เชื้อไวรัสนี้ซึมเข้าไปถึงอวัยวะสำคัญภายในทั้งหมดแล้ว จำเป็นต้องรีบทำการบำบัดรักษา”
“อะไรนะ ? รุนแรงขนาดนั้นเชียว ?”
เย่เซ่าเตี๋ยได้ยินดังนั้น รีบถอยออกห่างตัวหลู่เหมิง กลัวจะติดเชื้อ
“……”
หลู่เหมิงกระพริบตาถี่ สีหน้าแสดงออกถึงความโกรธ ตะคอกด่าออกไป “แกใช่หมอจริงหรือ ฉันไม่ได้ป่วย แกนะซิที่ป่วย!”
ถังเฉาส่ายหน้า “นี่เป็นเหตุการณ์ปกติ คนป่วยมักคิดว่าตัวเองไม่ได้ป่วย”
“……”
“และอีกอย่างที่ต้องเข้าใจ ขณะเริ่มต้น มักไม่มีใครคิดว่าป่วยหนัก แต่ส่วนมากโรคร้ายต่าง ๆ ล้วนมาจากที่คิดว่าเป็นไข้ เป็นหวัด ปวดหัวข้างเดียว ก็เพราะไม่ตระหนักในความสำคัญ จึงนำไปสู่อาการค่อย ๆ หนักขึ้น สุดท้ายซึมลึกทั่วร่าง”
“……”
“คุณวางตัวสบาย ๆ นะ ผมจะช่วยฉีดยาให้คุณก่อน”
ถังเฉาพูดพลาง หยิบเอากล่องเข็มเงินออกมา แล้วก็เอาเข็มออกมาวางเรียงทั้งหมด
“ว้าย!!”
พอเห็นเข็มพวกนี้เข้า หลู่เหมิงผวาร้องเสียงหลง ดึงผ้าห่มกอดไว้แน่น พูดเสียงตะกุกตะกัก
“คุณ…..คุณจะทำอะไรนั่น ? ฉันไม่ได้ป่วยนะ ฉันไม่ได้ป่วยจริง ๆ!”
ถังเฉาได้แต่หยิบเลือกเอาเข็มเงินออกมา แต่ละเล่มเป็นเบอร์พิเศษ อีกล้วนเล่มใหญ่เป็นพิเศษ
ภายใต้แสงอาทิตย์ส่อง สาดประกายหนาวเย็นยะเยือก