เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 739 ร้านซานสุ่ย
“เอิ๊บ?”
เงาดำที่พุ่งเข้ามานั่นเป็นความเร็วที่เรียกว่าเร็วมาก ๆ แล้ว เปรียบได้เท่ากับแสงฟ้าแลบ แต่ในสายตาถังเฉา จัดว่ายังเรียกว่าช้าไป
เขาค่อย ๆ โบกมือ สบาย ๆ ตบไปที่ร่างสีดำนั่น
ปึง!
ฝ่ายหลังที่พูดถึงโดนเข้าไปไม้นี้ กระเด็นกลับออกไป กระแทกเข้าไปอย่างแรงกับกำแพง ชักกระตุกทั้งตัว
ถึงเวลานี้ ถังเฉามองเห็นหน้าตาชัดเจน สีหน้าตกตื่นขึ้นมาพลัน
นั่นกลับกลายว่าเป็นหลินโป๋หลาย
เพียงแต่ว่า หลินโป๋หลายตอนนี้ ถึงจะมีหน้าตาเหมือนเดิม แต่ลักษณะนิสัย กลับเปลี่ยนไปอย่างฟ้าเป็นดิน
สีหน้าโหดดุ แววตามาดร้าย แสยะปากเห็นเขี้ยว จ้องถังเฉาอย่างเอาเรื่อง
เปาะแปะ เปาะแปะ
ในขณะนั้น มีเสียงของเหลวหยดลงพื้นรอดออกมาจากกระท่อมไม้นั่น
ถังเฉาสังเกตเห็นว่าเป็นน้ำลาย ไหลนองที่พื้น
“ฮือ ๆ…….”
หลินโป๋หลายอยู่ในท่าคู้เข่า จ้องเขม็งเหมือนหมาป่ามองถังเฉา เสียงพูดใด ๆ หยุดสนิท
ช่างเหมือนหมาป่าที่โหดเหี้ยมอย่างมาก ๆ
“โฮก!”
เขาส่งเสียงคำรามทุ้ม ๆ แล้วทะยานพุ่งใส่ถังเฉาอีก อ้าปาก ทำท่าจะมุ่งกัดเข้ามา
ผาง!
แล้วก็ถูกถังเฉาเตะสวนกระเด็นออกไป
หลังจากที่เตะสวนออกไปแล้ว ถังเฉาก็ไม่ได้ตามจู่โจม แต่ยืนมองหลินโป๋หลายด้วยสายตาฉงน
คิดไม่ถึงได้เลยว่า ลูกคนมีเงินระดับเศรษฐี กลับเปลี่ยนสภาพเป็นสัตว์เดรัจฉานร่างมนุษย์แบบนี้
นี่เป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงมาก
ทันทีนี้ ถังเฉาก็นึกถึงที่ก่อนหน้านี้หลินอิ่นกับถงเจินได้เคยพูดถึงหลินโป๋หลายว่า
ความจำเสื่อม
แต่ดูสภาพที่เห็น มันหนักยิ่งกว่าความจำเสื่อมอีกเป็นไหนต่อไหน
การทำให้ตกถึงสภาพนี้ได้ ถังเฉาทายไว้เลยว่า หลุดไม่พ้นในการมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘หว่างเหลี่ยง’
ในเมื่อพวกหว่างเหลี่ยงสามารถวางแผ่นซิมกับระเบิดไว้ในหัวสมองของลูกน้องมือฆ่าได้ การที่จะกดขี่อย่างไร้มนุษยธรรม ฝึกให้คนเป็น ๆ หมดสิ้นซึ่งความเป็นมนุษย์ คงเหลือความเป็นเดรัจฉาน ย่อมเป็นเรื่องทำได้
ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้องทำ ถังเฉาคาดเดาว่า ต้องเกี่ยวกับหลินโป๋หลายไปรู้ความลับอะไรบางอย่างของ ‘หว่างเหลี่ยง’เข้า จึงได้เป็นเหตุให้ต้องทำหลินโป๋หลายกลายเป็น ‘มนุษย์ป่าเถื่อน’ ที่มีแต่ความเป็นสัตว์
แต่ทว่า ที่ถังเฉาคิดไม่ตกคือ ก็ในเมื่อหลินโป๋หลายไปรู้เอาความลับของ ‘หว่างเหลี่ยง’ ทำไมไม่ฆ่าทิ้งเสียหละ?กลับมาทำให้เป็นเรื่องมากขึ้น สร้างเป็นคนป่าเถื่อนที่ไม่มีเชาว์ปัญญา
ถังเฉาย่นคิ้วเครียด ความจริงคิดว่าจะมาตะล่อมรู้เรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับหว่างเหลี่ยงจากปากหลินโป๋หลาย คิดไม่ถึงว่าจะกลับเป็นอย่างนี้ไป
ตามสภาพของหลินโป๋หลายแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหว่างเหลี่ยง แค่จะให้พูด ก็ไม่แน่ใจว่าจะพูดได้!
แต่ถังเฉาก็ไม่กลับจากไป คนมีฝีมือย่อมมีความกล้า ขยับตัวใกล้เข้าไปหาหลินโป๋หลาย ใช้แววตาที่เฉียบคมจ้องดูอย่างพิเคราะห์
“ฮือ ๆ……..”
คราวนี้ หลินโป๋หลายไม่ลงมือต่ออีก นั่งขดตัวส่งเสียงครางต่อเนื่อง
แม้ว่าเขาจะสูญเสียสันดานความเป็นมนุษย์แล้ว คงเหลืออยู่ของความเป็นเดรัจฉาน แต่เขาก็ย่อมรู้ดีว่า คนที่อยู่ข้างหน้านี่ ตัวเขาเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยได้
“แกกลายเป็นมนุษย์เดรัจฉานไปแล้วหรือ?”
ถังเฉาถามด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
ในตาของเขาสาดประกายเย็นหนาวที่มีน้ำหนัก หลินโป๋หลายยังคงไม่เอ่ยปากใด ๆ ยังคงเหมือนหมาป่าคำรามเสียงต่ำ ๆ ในลำคอ ทั้งกลัวทั้งสยบหงอ
รอไปอีกพัก ถังเฉาค่อยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใช้สายตาที่รู้สึกสับสนมองหลินโป๋หลาย หันหลังกลับเดินจากไป
ก่อนหน้านี้ เขาก็เป็นคนที่ถังเฉายอมรับเป็นคู่ต่อสู้คนหนึ่ง เคยไปจับมือร่วมกับเย่หรูอี้ เกือบต้อนเอาหลินชิงเสว่จนมุมจนบริษัทล่มสลาย
ตอนนี้กลับตกลงมาอยู่ในสภาพแบบนี้ เห็นแล้วพาให้รู้สึกสะท้อนใจ
“เป็นไงบ้าง?”
หลินชิงเสว่ที่รออยู่ข้างนอก ถามด้วยสีหน้าหวงใย
หล่อนไม่ถามถังเฉาว่ามาทำไม เพียงแต่จะถามให้รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญต่อถังเฉามาก ก็พอใจแล้ว
ระหว่างสามีภรรยา มีความลับเล็ก ๆในกันและกันจะดีกว่า
ถังเฉาส่ายหน้า “สายป่านขาดละ ต้องหาทางอื่นกันละ”
ในขณะนั้นเอง เงาร่างของผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้าหาถังเฉาอย่างไม่คิดชีวิต ดึงเสื้อเขาไว้แน่น เขย่ากระชากอย่างสุดแรง
“แกไอ้เดนตาย ทำอะไรกับลูกฉัน ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้?”
“หลายวันก่อนเขายังไม่เห็นเป็นแบบนี้ ทำไมตอนนี้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายไปได้?”
ผู้หญิงคนนี้ก็แน่นอนว่าคือถงเจินที่ฟื้นสติขึ้นมา ตาของหล่อนแดงก่ำ แค้นอยากจะได้มีดสักเล่ม สับถังเฉาให้ตายไปกับมือ
แววตาของถังเฉาเปลี่ยนไปพลัน ปัดมือของหล่อนออก จับไหล่ของหล่อนแน่น จี้ถามไปว่า
“เธอว่าไงนะ?หลายวันก่อนเขายังไม่เป็นแบบนี้หรือ?”
“ไร้สาระ!หลายวันก่อนเขายังปกติดี มีแต่อารมณ์หงุดหงิด ความจำเสื่อม จำพวกเราไม่ได้ ตอนนี้ทำไมกลายเป็นเหมือนสัตว์ร้ายไปได้?”
ถงเจินอารมณ์โกรธเต็มหน้าตะคอกใส่ถังเฉา
ถังเฉาไม่พูดอะไรต่ออีก สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ในเวลาเดียวกันนั้น ทั่วทั้งคฤหาสน์บ้านสวนตระกูลหลิน ทำให้เขามีความรู้สึกว่าเหมือนถูกคลุมครอบเต็มไปด้วยเมฆดำครึ้ม จิตใจให้รู้สึกไม่สบาย
จับความจากที่ถงเจินพูด ตั้งแต่ที่หลินโป๋หลายหายตัวไปแล้วกลับมา ไม่ได้อยู่ในสภาพเป็นสัตว์ร้ายแบบนี้ เป็นเพียงแค่ความจำเสื่อม
นิสัยไม่เข้าพวก ชอบที่จะอยู่คนเดียว กระท่อมหลังเล็ก ๆ นี่ ก็สร้างขึ้นมาเพื่อตัวเขาเอง ไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ กลับกลายไปเป็นเหมือนสัตว์ร้ายแบบนี้ไปได้
การเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยตัวเองของคนเรา ไม่ใช่จะเป็นไปได้อย่างมากมาย ส่วนที่เป็นมากได้ ก็จะต้องมีคนนอกทำให้เป็นไป
คิดมาถึงประเด็นนี้ ถังเฉาให้รู้สึกสั่นสะท้าน ความหนาวเหน็บที่เกิดขึ้นอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ครอบงำเข้ามาเต็มตัว
ใครเป็นคนทำกันแน่?
ถังเฉารีบหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายเข้าไปที่เลขหมายหนึ่ง
“ฮัลโหล หงโฝ หงโฝ มาที่เยี่ยนจิงทันทีหน่อย!”
เขาพูดเหมือนตะโกนใส่โทรศัพท์ ท่าทางร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้นหรือ เจ้านาย?”
ในโทรศัพท์ หงโฝก็สะดุ้ง น้ำเสียงส่อความตื่นตระหนก
หงโฝไม่ได้ตามถังเฉาไปเยี่ยนจิง ขณะนี้ที่เยี่ยนจิงจะมีแต่เถี่ยเมี่ยนเพียงคนเดียว
หงโฝก็จึงอยู่ที่หมิงจูคนเดียวสบายเฉิบ วัน ๆ ก็ได้แต่เลี้ยงเชื้อพิษ กินนมเปรี้ยว วัน ๆ เอกเขนกแสนสบายอย่าบอกใครเชียว
แต่วันเวลาดี ๆ ไม่ค่อยจะมีอยู่นานยาวต่อเนื่อง ที่สุดถังเฉาก็มาตามหล่อนเสียแล้ว
“ในท้องที่บ้านเดิมพวกเธอ เคยมีเป็นคดีไหมที่ว่าคนเป็น ๆ อยู่ ๆ กลายเป็นสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์?”
ถังเฉาถามด้วยเสียงอึมครึมอย่างสุด ๆ
“คนเป็น ๆ กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานในร่างมนุษย์?”
หงโฝก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ ตามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ที่เยี่ยนจิงเกิดมีคดีแบบนี้หรือ?”
“อือม์”
ถังเฉาเล่าเรื่องหลินโป๋หลายให้หงโฝฟังอย่างละเอียดทุกฉากตอน
ต่อให้ว่าเขาเป็นถึงเจ้ามังกรต้าเซี่ย ในกรณีสภาพอย่างหลินโป๋หลายนี้ ดูจะเกินขอบขีดความสามารถของเขาเสียแล้ว
คนที่อยู่ข้างตัวเขา จะมีก็หงโฝคนพิเศษเหนือคนคนนี้ ที่จะแก้ปัญหาให้เขาได้
หลังจากฟังเรื่องจนจบแล้ว หงโฝสูดหายใจเอาความหนาวเยือกเข้าเฮือกใหญ่
“หลายวันก่อนยังมีสภาวะความเป็นคนอยู่ วันนี้จู่ ๆ กลายเป็นสัตว์ร้ายในทันที?”
หล่อนร้องเสียงตื่น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ที่บ้านเดิมฉัน ก็มีคดีกรณีคนกลายเป็นสัตว์ร้ายจริงอยู่ แต่น้อยเอามาก ๆ ที่จะมีเกิดให้เจอ”
“การที่คนเราจะสิ้นสำนึกความเป็นมนุษย์ กลายเป็นสัตว์ป่าดุร้ายได้ มีอยู่สองประเด็น”
“ประเด็นหนึ่งคือเขาถูกพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เด็กเล็ก ถูกแม่หมาป่าในป่าเขาเอาไปเลี้ยง ตั้งแต่เล็กติดตามแม่หมาป่าอยู่กับป่าล่าสัตว์หากิน ปรับสภาพตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมของการอยู่ป่า นาน ๆ เข้าวิถีชีวิตก็กลายเป็นหมาป่าไป”
“ประเด็นนี้เป็นไปตามชีวิตจากธรรมชาติ ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่เกิดจากการก่อให้เกิดภายหลัง อันนี้เป็นเรื่องซับซ้อนหลากหลายมากมาย”
หงโฝอธิบายว่า “มีบางคนได้อาศัยเวลาคนนอนหลับ ใช้ยาหรือสารสกัดทางเทคโนโลยี ใส่ซึมเข้าไปในส่วนประสาท ทำการเปลี่ยนแปลงส่วนนึกคิดที่ว่า ‘เขาเป็นคน’ ใส่เอาความนึกคิดว่า ‘ฉันเป็นสัตว์เดรัจฉาน’ ด้วยคำสั่งอันใหม่นี้ พอเขาตื่นขึ้นมา จิตใต้สำนึกของเขาก็จะรู้สึกในตนเองว่าตัวเองเป็นหมาป่า!”
พอฟังจบ ถังเฉาก็ถึงกับใจสะท้าน
ความยากของปัญหา เกินไปกว่าที่เขาคิด
นิ่งงันไปพักหนึ่ง หงโฝพูดเนิบ ๆ ว่า “ยังมีอีกประเด็นที่สามที่อาจจะ…………”
“ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ล้วนแต่ตัวเขาแสแสร้งทำออกมาเอง”
“……”
ถังเฉานิ่งอึ้งอย่างจมลึก ไม่มีอะไรจะพูด ได้แต่บอกว่า “เธอรีบไปเยี่ยนจิงสักครั้ง เดี๋ยวนี้เลย”
“ได้ ฉันจะรีบจัดแจงข้าวของเดี๋ยวนี้เลย!”
ตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้ว ถังเฉาถอนหายใจยาวโล่ง
ตัวเขาเอง คิดไม่ถึงเลยว่า หลินโป๋หลายจะกลายเป็นสัตว์ดุร้ายไปได้
ตอนนี้ ก็ได้แต่รอหงโฝมา แล้วค่อยเดินหน้าต่อ
“ชิงเสว่ คุณไปรับเสี่ยวหลี่ที่โรงเรียนสอนพิเศษก่อน ผมยังมีธุระอีกหน่อย”
ถังเฉามองนาฬิกา แล้วพูดกับหลินชิงเสว่
หลินชิงเสว่ผงกหัว ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงบอกว่า “ระมัดระวังหน่อยนะ”
หล่อนรู้ดีว่าถังเฉาจะไปทำอะไรต่อ
เรื่องของหลินอิ่นคงไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้
ยังจะต้องมีมูลค่าที่เว่ยหมิงจวินต้องชดใช้ในงานนี้
ส่งหลินชิงเสว่ไปจนลับตาแล้ว ถังเฉาเดินกลับเข้าไปในตระกูลหลิน สุ่มจับตัวใครคนหนึ่งมา “เตรียมรถมาให้คันหนึ่ง แก พาฉันไปที่ร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย”
คน ๆ นั้นไหนเลยจะกล้าขัดขืน หายใจยังไม่กล้าใช้แรง ก็ได้พาถังเฉาไปยังร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย
ในขณะนั้นฟ้าเริ่มมืด รถค่อย ๆ มุ่งหน้าเข้าไปในทางป่า
“ในแต่ละปีตระกูลหลวงในเยี่ยนตูมักจะกว้านซื้อที่ดินว่างเปล่า เพื่อขยายอาณาจักรของตน ที่ดินผืนนี้ ก็เป็นทีดินในกรรมสิท์ของตระกูลหลิน”
คนที่พามานั้นพูดตะกุกตะกักว่า “ร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ยสร้างอยู่ข้างในระหว่างภูเขากับแนวธารน้ำนั้นครับ”
ถังเฉาไม่พูดอะไร เพียงมองทิวทัศน์ลิบ ๆ นั้นอย่างเงียบ ๆ
บริเวณนี้ดูจะเปลี่ยว แต่วิวบรรยากาศสวยมาก
เกี่ยวกับความรักระหว่างหลินรั่วหวีกับเว่ยหมิงจวิน ถังเฉาก็เคยได้ยินเรื่องเล่ามาบ้าง
อาจจะว่า หลินรั่วหวีในช่วงหนึ่งตอนนั้น คงจะต้องรักเว่ยหมิงจวิน ไม่อย่างนั้น ขนาดได้แต่งงานกับสาวงามอันดับหนึ่งในยุคนั้นแล้ว เขาไม่น่าจะยังมาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้อีก
และในช่วงเวลานั้น เว่ยหมิงจวินก็ได้มาอยู่กินกับหลินรั่วหวีอย่างรวดเร็ว จนตั้งท้องหลินจ้าวหยูน
ร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย ก็คือห้องหอของพวกเขา
แต่หลินรั่วหวีในเวลาปกติน้อยครั้งมากที่จะมาที่นี่ จะมีก็ทุกสิบปีของวันแต่งงานอันถือว่าเป็นวันสำคัญ จึงได้มาค้างกันที่นี่คืนหนึ่ง
ก็เหมือนเป็นการรื้อฟื้นอารมณ์เก่าที่ถดถอยไป
วันนี้เป็นกรณีพิเศษ
หลินรั่วหวีออกเดินทางไปไกล กิจการตระกูลหลินมอบให้เว่ยหมิงจวินดูแล
วันนี้เป็นวันที่หลินรั่วหวีกลับมา อย่างโบราณว่า จากห่างกันบ้างเหมือนเพิ่งแต่งงานใหม่ ด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวยในอารมณ์ของเว่ยหมิงจวิน จึงตั้งใจมาฉลองหาความชื่นมื่นกันที่นี่
เพียงแต่ว่า แผนสวยใสของเว่ยหมิงจวิน วันนี้ถูกชี้กำหนดว่าต้องล้มเหลว
ณ.บริเวณเชิงเขา ถังเฉายืนมองขึ้นไปก็เห็นตรงช่วงกลางเขา มีบ้านพักสไตล์จีนขนาดเล็ก ๆ ข้างบนมีป้ายเป็นลายมือวิจิตรแบบหงส์ร่อนมังกรทะยานสะบัดเขียนไว้ว่า “ร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย”
“แกกลับไปได้ละ”
ถังเฉาไล่คนที่ถูกจับมาเป็น “โชเฟอร์” กลับไป แล้วเดินก้าวขึ้นไปตามทางเขา
ภายในร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย หญิงสวยหุ่นอวบอั๋นยืนอยู่ตรงระเบียง ทอดสายตามองวิวไกล ๆ
ลมอ่อน ๆ โชยพลิ้วเส้นผมที่ปรกหน้าผาก เผยเห็นใบหน้าสวยงามที่กาลเวลายังยอมหยุดรอ
วันนี้เว่ยหมิงจวินอยู่ในชุดที่ตั้งใจแต่ง ชุดกระโปรงยาวเปิดไหล่สีแดง รองเท้าส้นสูงสีไวน์แดง แต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีแดงสด เสน่ห์ดูไม่ด้อยกว่าก่อนหน้านี้
ผู้หญิงที่ทำให้หลินรั่วหวีหลงใหลตัดสินใจแต่งงานด้วยได้ ความสวยในปีนั้นคงจะไม่ต่างกัน
ตึง ตึง ตึง
ขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“รั่วหวี คุณกลับมาแล้ว………….”
เว่ยหมิงจวินเปิดประตูออกด้วยความดีใจเต็มเปี่ยม แต่กลับเห็นเป็นสายตาที่เย็นเยือกอย่างอาฆาตคู่หนึ่ง!