เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 742 บะหมี่ข้าวบาร์เลย์หนึ่งชาม
เว่ยหมิงจวินตัวสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้ เธอทำให้หลินรั่วหวีหมดความอดทนกับเธอไปแล้วหนึ่งครั้ง
สิ่งนั้นเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ถังเฉามาที่ตระกูลหลินเป็นครั้งแรก
เว่ยหมิงจวินทำหน้าเหมือนใจดี แต่ที่จริงแล้ว เธอต้องการทำให้ถังเฉาอับอาย
ผลสุดท้ายคือ ถูกถังเฉาเล่นงานจนต้องไปคุ้ยขยะเพื่อหายาแก้พิษ อับอายขายหน้าอย่างสิ้นเชิง
ในพจนานุกรมของหลินรั่วหวี ทุกเรื่องห้ามผิดครั้งที่สอง
ความผิดเดียวกัน ทำพลาดได้เพียงครั้งเดียว หากทำผิดอีกครั้ง ก็จะถูกโยนเข้าไปในตำหนักเย็น
ก่อนที่หลินรั่วหวีจะพบตัวเอง เธอต้องหาทางแก้ไขที่เหมาะสม
“ใจเย็นๆ ใจเย็นๆก่อน…”
เว่ยหมิงจวินหายใจเข้าลึกๆ และดื่มน้ำเย็นสามแก้วอย่างต่อเนื่อง จึงได้ระงับความกลัวในใจของเธอ
เธอเอาแต่ครุ่นคิด แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ก็ยังไม่มีทางออกที่ดี
“ถังเฉา ฉันจะไม่ปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน…”
ร่างกายของเว่ยหมิงจวินสั่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เธอตกอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ถังเฉาเป็นคนให้!
เธอสาบานว่า หากเธอรอดชีวิตโดยบังเอิญในครั้งนี้ เธอจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อขจัดถังเฉา
ยอมใช้นักฆ่า!
ตูม ตูม ตูม!
จู่ๆประตูห้องก็ถูกเคาะ
หัวใจของเว่ยหมิงจวินสั่นสะท้าน รีบจัดการอารมณ์ของเธอ ยิ้มและกล่าวว่า “เชิญเข้ามา”
เอี๊ยด
ประตูเปิดออกเบาๆ หลินรั่วหวีเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เรียบสงบ หาเก้าอี้และนั่งตรงข้ามกับเว่ยหมิงจวิน
“คุณทานอาหารเย็นแล้วหรือยัง?”
หลินรั่วหวีถามอย่างไม่เป็นทางการ
“ยัง ยังเลย…”
แค่คำถามที่ไม่ได้จริงจังอะไร ก็ทำให้เว่ยหมิงจวินรู้สึกขนลุกในใจ และเสริมอีกประโยคอย่างสั่นเทา
“รอกินกับคุณ”
คำตอบนี้ทำให้หลินรั่วหวียิ้ม “งั้นก็ไปทำอาหาร”
เว่ยหมิงจวินสูบลมหายใจเข้าแล้วลุกขึ้นไปทำอาหารให้หลินรั่วหวี
เว่ยหมิงจวินอาจไม่ใช่แม่ที่ดี แต่เธอเป็นภรรยาที่ดีอย่างแน่นอน
หนักเอาเบาสู้เพื่อผู้ชายคนหนึ่ง ทำอาหารให้ 20 กว่าปี เพียงพอที่จะสะท้อนทุกสิ่ง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยนอกใจและทำหน้าที่ของเธอในฐานะผู้หญิง
พูดตามความจริง นี่คือเหตุผลที่เว่ยหมิงจวินดื้อดึงต่อสองแม่ลูกลั่วเย่นหัวและหลินชิงเสว่
ฉันทำงานหนัก ทำอาหารให้คุณ 20 ปี และทำงานบ้านมา 20 ปี ความสำคัญก็ยังด้อยกว่าผู้หญิงที่ข่มเหงคุณทุกที่ ออกคำสั่งคุณ และไม่เคยทำตามคำสั่งสอนของผู้หญิงเลย!
ทำไม?
เพียงเพราะเธอเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิง?
แล้วฉันล่ะ เป็นอะไร?
เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการคลอดบุตรหรือ? หรือเขาแค่ต้องการผู้หญิงที่สามารถพาออกไปได้ในทุกโอกาส?
ในใจเว่ยหมิงจวินรู้สึกน้อยใจมากและโกรธมาก
ถ้าเป็นไปได้ เธออยากจะระบายความคับข้องใจที่สะสมมาเป็นเวลายี่สิบปีในใจให้หลิน รั่วหวีอย่างบ้าคลั่ง
ในอดีต เธอยังเป็นแค่ผู้หญิงไร้เดียงสาที่โหยหาความรัก
หลินรั่วหวี เป็นผู้เปลี่ยนเธอให้เป็นแบบนี้!
เธอก็ยินดีที่จะให้หลินรั่วหวีเปลี่ยนเธอเป็นเช่นนี้
“เดี๋ยวก่อน”
เมื่อเว่ยหมิงจวินเปิดประตูและกำลังจะจากไป หลินรั่วหวีก็เรียกเธอทันที
เว่ยหมิงจวินหันศีรษะและมองเขาด้วยความประหลาดใจ
หลินรั่วหวีไม่ได้พูดถึงพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเธอ ยิ้มให้เธอและพูดอย่างใจเย็น”ให้ผมไปเถอะ”
ในใจเว่ยหมิงจวินแน่น รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ต้อง การทำอาหารให้คุณเป็นหน้าที่ของฉัน ไม่จำเป็นจริงๆ…”
หลินรั่วหวียังคงยิ้ม “คุณทำอาหารให้ผมมาเกือบครึ่งชีวิต ให้ผมได้ทำอาหารให้คุณสักมื้อเถอะ”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นและออกจากห้องไปภายใต้สายตาที่เหม่อลอยของเว่ยหมิงจวิน
ตุ้มๆตั้มๆ!
ในไม่ช้าก็มีเสียงที่ชำนาญของการหั่นผักในห้องครัวชั้นล่าง
ปะปนกับเสียงน้ำมันเทลงในหม้อด้วย
ไม่นานกลิ่นหอมก็เข้ามา และแม้แต่เว่ยหมิงจวินที่ชั้นสองก็ได้กลิ่น
ใบหน้าเธอประหลาดใจ และดวงตาของเธอก็ว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม
ในใจของเธอไม่สบายใจอย่างมาก!
ตั้งแต่เธอแต่งงานกับหลินรั่วหวี หลินรั่วหวีไม่เคยทำอาหารให้เธอเลย
เธอทำอาหารให้หลินรั่วหวีมาตลอด
พูดให้ถูกก็คือ ตอนที่พวกเขาเพิ่งแต่งงานกัน หลินรั่วหวีมักจะออกไปสังสรรค์และไม่ทานอาหารที่บ้าน
เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น เว่ยหมิงจวินจึงจะมีโอกาสทำอาหารให้หลินรั่วหวีกินที่บ้าน
ปรากฏการณ์นี้ สืบเนื่องกันมาเป็นเวลานานถึงสิบปี หลังจากที่หลินจ้าวหยูนโตขึ้น จึงค่อยๆดีขึ้น
แต่เว่ยหมิงจวินรู้ดี การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพื่อเธอ แต่เพื่อหลินจ้าวหยูน
เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวแท้ๆของเขา ไม่เคยสัมผัสความรักของพ่อตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ดูสิ ไม่ว่าผู้ชายแบบไหน ตอนแรกมักจะรักครอบครัวทั้งนั้น
สำหรับเว่ยหมิงจวิน?
เธอไม่มีความสำคัญในใจของหลินรั่วหวีแม้แต่น้อย อย่างน้อยเธอก็คิดอย่างนั้น
แม้ว่าหลินรั่วหวีจะให้ในสิ่งที่เธอควรจะมี และบางครั้งก็มีการเซอร์ไพรส์บ้าง ความอบอุ่นเล็กๆน้อยๆ เว่ยหมิงจวินรู้สึกเสมอว่า —- มันเป็นเพียงของเหลือของเขากับลั่วเย่นหัว
นี่คือสถานะที่แท้จริงของเจ้าแม่ตระกูลหลิน
ดูเหมือนอยู่สูง เป็นคุณนายที่ร่ำรวยตามมาตรฐาน แต่กลับเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารที่ไม่ได้การเอาใจใส่ของสามีแม้แต่น้อย
แต่ทำไม จู่ๆถึงทำอาหารให้ตัวเองกินล่ะ?
เว่ยหมิงจวินรู้สึกกังวลเล็กน้อย และยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก
“อาหารเสร็จแล้ว”
ประตูเปิดออกและหลินรั่วหวีเดินเข้ามาพร้อมกับชามบะหมี่
เมื่อเห็นอาหารที่หลินรั่วหวีทำ เว่ยหมิงจวินก็ตกตะลึง
“บะ… บะหมี่ข้าวบาร์เลย์?”
“บะหมี่ข้าวบาร์เลย์”
หลินรั่วหวีพยักหน้าและนำบะหมี่ข้าวบาร์เลย์ร้อนๆมาให้เว่ยหมิงจวิน”กินเถอะ”
“คุณไม่กินเหรอ?”
เว่ยหมิงจวินรู้สึกประหลาดใจ
“ผมไม่หิว”
หลินรั่วหวียิ้ม
“…”
ดังนั้น เว่ยหมิงจวินไม่พูดอะไรอีก บรรยากาศในห้องก็แข็งจนพูดไม่ออก
เว่ยหมิงจวินยกบะหมี่ข้าวบาร์เลย์และกินอย่างสง่า
หลังจากกัดเพียงคำเดียว เธอหยุดกิน เงยหน้าขึ้นมองหลินรั่วหวีแล้วถามว่า “ทำไมคุณถึงทำบะหมี่ข้าวบาร์เลย์? มีความหมายอะไรแฝงไหม?”
“ความหมายแฝง…”
หลินรั่วหวีผงะอยู่ครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอยู่นาน และรอยยิ้มแห่งความทรงจำที่หายไปนานก็ผุดขึ้นที่มุมปากของเขา
“ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ครอบครัวของผมยากจน สิ่งที่ผมกินบ่อยที่สุดคือบะหมี่ข้าวบาร์เลย์”
“ใช่เหรอ……”
เว่ยหมิงจวินหยุดพูดและกินต่อ
พูดตามตรง เธอไม่อยากกินบะหมี่ข้าวบาร์เลย์ นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้กินอาหารระดับล่างนี้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังบอกไม่ถูก
ในความทรงจำ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เธอได้พบกับหลินรั่วหวี เธอก็ได้ก้าวเข้าสู่ชนชั้นสูงในเมืองเยี่ยนจิง จึงรู้จักคิดและเดาความคิดการกระทำของผู้อื่น
เธอเชื่อเสมอว่าการทำบะหมี่ข้าวบาร์เลย์ของหลินรั่วหวีมีความหมายแฝงอยู่
เธอสับสน บะหมี่ข้าวบาร์เลย์ที่มีความยืดหยุ่นสูงก็ไร้รสชาติในปากของเธอ
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ขณะที่เธอกิน หลินรั่วหวีเฝ้าดูเธอกินด้วยรอยยิ้ม
ด้วยความรู้สึกนี้ เหมือนนักโทษ เว่ยหมิงจวินกินบะหมี่ข้าวบาร์เลย์ด้วยความตกใจ
“ดื่มน้ำซุปให้หมด”
หลินรั่วหวีพูดเบาๆ
เว่ยหมิงจวินไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง หยิบชามขึ้นมาแล้วดื่มซุป
หลังจากกินบะหมี่จนหมดชาม ท้องของเว่ยหมิงจวินก็โป่งขึ้น
นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้กินอิ่มขนาดนี้มาก่อน?
แม้แต่เว่ยหมิงจวินเองก็ไม่รู้
ตอนนี้ในความรู้ความเข้าใจของเธอ มีเพียงอาหารระดับล่างสุดเท่านั้นที่ทำให้อิ่ม
ในสังคมชนชั้นสูง ใครจะกินดื่มกินอย่างตะกละตะกลาม?
อาหารมีไว้สำหรับลิ้มรส
ท้องไม่อิ่มอย่างแน่นอน
ขณะนี้ บะหมี่ข้าวบาร์เลย์ชามหนึ่ง แต่ท้องของเธออิ่ม
หลังรับประทานอาหาร เว่ยหมิงจวินตัวสั่นโดยไม่มีเหตุผล ใบหน้าของเธอซีดไปทั้งหน้า
ความรู้สึกอิ่มนี้ ทำให้เธอคิดถึงสถานะของตน
เธอเป็นคนธรรมดา เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจากทางใต้ของแม่น้ำแยงซี
แค่โชคของเธอดีกว่าผู้หญิงที่มาจากพื้นเพธรรมดาอย่างเธอ
เธอมีหน้าตาที่ดี
เมื่อตอนที่เธอสวยที่สุด เธอได้พบกับหลินรั่วหวีผู้ซึ่งเรื่องรักมีปัญหา
ความโชคดีอันหลัง สำคัญกว่า
หลังจากกินบะหมี่ข้าวบาร์เลย์ ดูเหมือนว่าเธอจะนึกขึ้นได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรเมื่อมาที่เมืองเยี่ยนจิงในตอนนั้น เธอกลายเป็นสมาชิกของ ‘กลุ่มคนเร่ร่อนทางเหนือ’
ลําบากลําบน กินไม่อิ่ม ไม่มีใส่ผ้าใส่
ในเวลานั้น การทานอาหารให้อิ่มเป็นความหรูหรา
“อิ่มมั้ย?”
หลินรั่วหวีจุดบุหรี่ สูบอย่างเงียบๆ และถามด้วยรอยยิ้ม
“อิ่ม อิ่มแล้ว…”
สีหน้าของเว่ยหมิงจวินเปลี่ยนเป็นซีดและมือของเธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
แทร่ง เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอทำชามเซรามิกลงบนพื้น
ส่งผลให้ชามลายครามวิจิตรบรรจงแตกออกเป็นชิ้นๆ
หลินรั่วหวีก้มศีรษะลง มองไปที่ชามเซรามิกที่หักเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง และไม่พูดอะไร
ร่างกายของเว่ยหมิงจวินสั่นอย่างรุนแรง และเธอก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอโทษซ้ำๆ
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
ขณะพูดก็ก้มลงหยิบชามเซรามิกบนพื้น
หลินรั่วหวีส่ายหัว”ไม่ต้อง ปล่อยไว้แบบนี้เลย แก้วบาดมือ”
เว่ยหมิงจวินเงยหน้าขึ้น มองไปที่หลินรั่วหวีด้วยท่าทางที่เหลือเชื่อบนใบหน้าของเธอ
เธอนั่งลงตรงหน้าหลินรั่วหวีอีกครั้งอย่างเงียบๆ
หลินรั่วหวียิ้มและพูดคุยเรื่องทางบ้านกับเธอและถามว่า “ช่วงนี้จ้าวหยูนเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ก็ดี! ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทในสาขาแล้ว และสามารถรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปได้หลังจากที่เป็นพนักงานประจำ!”
เว่ยหมิงจวินกล่าวอย่างรวดเร็ว “และเธอยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับสาขาอื่น เช่น การบัญชี การเงิน และการประชาสัมพันธ์ ตลาดต่างประเทศก็เข้าใจเช่นกัน!”
เธอแทบรอไม่ไหวที่จะแสดงให้หลินรั่วหวีได้เห็นแง่มุมดีๆของหลินจ้าวหยูน สายตาที่โหยหา เพียงเพื่อรอการชื่นชมและการยอมรับจากหลินรั่วหวี
“ไม่เลว”
สิ่งที่ทำให้เว่ยหมิงจวินมีความสุข คือหลินรั่วหวีกลับพยักหน้า
เว่ยหมิงจวินรู้สึกมีความสุขมากในทันที แต่หลังจากเธอมีความสุขไปไม่กี่วินาที หลินรั่วหวีก็พูดอย่างใจเย็นว่า “เพราะเธอมีแม่ที่ฉลาดและทะเยอทะยาน”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ใบหน้าของเว่ยหมิงจวินก็ขาวซีด เล็บของเธอฝังเข้าไปในช่องว่างของฝ่ามือของเธอ มีเลือดออกก็ไม่รู้ตัว
เว่ยหมิงจวินยิ้มอย่างไม่เต็มใจและพูดว่า “คุณสอนได้ดี”
“ไม่”
หลินรั่วหวีส่ายหัวและพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “คุณทำในสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด แต่ความเร็วนั้นเร็วเกินไปเล็กน้อย”
“อะ อะไร คุณหมายความว่ายังไง?”
เสียงของเว่ยหมิงจวินสั่น
หลินรั่วหวีไม่ได้พูดอะไรอีก แต่มองไปที่เว่ยหมิงจวินแล้วยิ้ม “คนเรา ก็เช่นข้าวบาร์เลย์ เรียนรู้ที่จะพอใจและอิ่มท้องก็พอแล้ว”
“หมิงจวิน คุณไม่ได้กลับบ้านนานเท่าไหร่แล้ว? สิบปีหรือ 20 ปี?”
หลินรั่วหวีมองไปที่เว่ยหมิงจวินและกล่าว
บูม!
ร่างกายของเว่ยหมิงจวินสั่นอย่างรุนแรง และใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสิ้นหวัง
ตุ้ม!
เว่ยหมิงจวินตกใจจนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น น้ำตาไหลอาบหน้า
“รั่วหวี ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว อย่าขับไล่ฉันออกไปเลย อย่า…”
ในวินาทีนี้ ใจที่แน่นของเธอก็พังทลายลงเช่นกัน!