เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 754 ถือหางตระกูลหลวง
การกระทำสงครามทั้งหมดล้วนแต่เป็นภายหลังจากที่การเจรจาอย่างละมุนละม่อมล้มเหลว ดังนั้นจึงเลือกใช้วิธีการที่สองที่ดั้งเดิมยิ่งกว่า
เรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลเจียงวันนี้ก็เช่นกัน
ถ้าหากว่าเจียงเทียนโหย่วสามารถเชื่อฟังคำพูดของเจียงไป๋เสว่ ไปเซ่นไหว้มารดาของเธออย่างว่าง่ายละก็ ถังเฉากับเจียงไป๋เสว่ก็ไม่มีทางจะมาโจมตีตระกูลเจียง ถึงขั้นที่เอาทุกคนในตระกูลหลวงมาเป็นเชลยหรอก
ปัง!
ประตูใหญ่ของซื่อเหอย่วนของตระกูลเจียงปิดหนัก ๆ
แสงรัตติกาลย่างกรายมาถึง วันนี้เยี่ยนจิงมีเมฆดำหนาแน่น บรรยากาศชวนอึดอัด อย่าว่าแต่ดาวเลย แม้แต่จันทร์กระจ่างก็ยังไม่มี
“ถังเฉา และยังเธอ พวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา นึกไม่ถึงว่าจะกล้าจับพวกฉันเป็นตัวประกัน ไม่รู้จักเป็นตายจริง ๆ!”
เจียงเทียนโหย่วที่เดือดจัดมีสายตาเข้มงวด เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดครึ้ม
เพี๊ยะ!
ถังเฉาตบเข้าที่ใบหน้าของเขาหนัก ๆ หนึ่งที ใช้แรงไปเยอะ ทำให้ใบหน้าครึ่งซีกของเขาบวมเป่งขึ้นมานูน ๆ
“ตาข้างไหนของคุณเห็นว่าพวกเราจับพวกคุณเป็นตัวประกัน? พวกคุณมีตั้งหลายคน พวกเรามีแค่สองคน เล่าออกไปจะมีใครเชื่อไหมเนี่ย?”
ถังเฉาสายตาราบเรียบ มองเจียงเทียนโหย่วเหมือนมองคนบ้า
จากนั้นจึงเอ่ยแก้ไขว่า “นี่เรียกว่า ‘รอความช่วยเหลือ’ ผมไม่ได้ให้พวกคุณโทรศัพท์หาผู้ปกครองของตัวเองหรอกหรือ? ภายในช่วงเวลานี้ผมจะไม่ลงมือกับพวกคุณ แต่ถ้าหากพวกคุณรนหาที่ตายกันเองก็จะมาโทษผมไม่ได้แล้วนะ”
คำพูดนี้ถังเฉาพูดได้อย่างสงบนิ่ง แต่ใคร ๆ ก็ฟังความหมายแฝงของเขาออก… คนที่ทำตัวโดดเด่นจะตกเป็นเป้า ถ้าหากใครส่งเสียงด่าออกมาเหมือนกับเจียงเทียนโหย่วอีกละก็ นั่นก็เป็นภัยพิบัติของตัวเขาเองแล้ว
ฉับพลัน ทั้งตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงก็เงียบสงัด ทุกคนหลับตาแน่น ไม่กล้าจะหายใจแรง
เจียงไป๋เสว่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่เอนตัวพิงประตูไว้ สูบบุหรี่เข้าเต็มปอด
ควันสีขาวหมุนวนเป็นเกลียวลอยตัวขึ้นไป ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปข้าง ๆ เธอ ยิ่งรวมกับนิสัยเยือกเย็นของเธอ ทำให้เธอดูโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น
ผู้หญิงสูบบุหรี่เดิมก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่เดิมก็มีนิสัยเยือกเย็นเช่นนี้
เจียงเค่อเอ๋อร์เข้าใกล้เธออย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ ลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ปลุกความกล้าขึ้นมา เอ่ยว่า “พี่… พี่ไป๋เสว่คะ ฉันยินดีเป็นตัวแทนตระกูลเจียงมาขอโทษ ดังนั้น หยุดการกระทำเช่นนี้เถอะค่ะ”
พูดจบก็ค้อมกายให้กับเจียงไป๋เสว่ต่ำ ๆ
เจียงไป๋เสว่หยุดสูบบุหรี่ ชายตามองเจียงเค่อเอ๋อร์ครั้งหนึ่ง
เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ใจของเจียงเค่อเอ๋อร์ แต่ว่า ถ้าหากว่าความแค้นที่มีมาหลายปีถูกคนคนเดียวออกหน้าขอโทษก็สามารถแก้ไขได้ละก็ นั่นก็อาจจะน่าขันไปหน่อย
“ขอบใจนะ แต่ว่า ต้องทำให้เธอผิดหวังแล้ว”
เจียงไป๋เสว่แย้มยิ้ม กล่าวว่า “ทั้งตระกูลเจียง ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว”
เจียงเค่อเอ๋อร์พะงาบปาก ตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอสัมผัสได้ถึงความเศร้าของเจียงไป๋เสว่ และก็เข้าใจความตั้งใจของตระกูลเจียง
ถอนหายใจยาวในใจเฮือกหนึ่ง ดูเหมือนว่าทุกครอบครัว ทุกตระกูล ล้วนแต่มีช่วงที่มองพลาดไป
เจียงไป๋เสว่ที่โดนไล่ออกไปตั้งแต่ยังเด็ก เป็นเรื่องที่เล็กสุดขีดเรื่องหนึ่งในบรรดาตระกูลหลวงมากมาย
แม้ว่าตระกูลหลวงจะดี แต่ถ้าหากจะยืนอย่างมั่นคงกลับไม่ง่าย ทำผิดไปเรื่องหนึ่งก็จะถูกแบนตลอดไป ถึงขั้นไล่ออกจากตระกูลหลวง
ยี่สิบปีมานี้ มีคนมากมายแค่ไหนที่ถูกไล่ออกจากตระกูลในเก้าตระกูลใหญ่… ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็จะเป็นอย่างเย่หรูอี้กับเจียงไป๋เสว่
“คุณไม่เข้าใจความรู้สึกประเภทนั้น”
ถังเฉาเอ่ยปากพูด สายตาสงบนิ่ง แต่ว่าเจียงเค่อเอ๋อร์กลับมองความเยือกเย็นในดวงตาของเขาออก
เจียงเค่อเอ๋อร์ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่กลับเข้ามุมไปอย่างเงียบ ๆ รอการมาของเสาเอกตระกูลเจียง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ด้านนอกตระกูลเจียงก็มีเสียงรถยนต์ดังสนั่นหวั่นไหวส่งเข้ามา
จากนั้นก็คือเสียงฝีเท้ากระชั้นที่รวมตัวกัน
“มาแล้ว”
ร่างกายของถังเฉาที่เอนไปพิงบนกำแพงก็ค่อย ๆ ยืนตรง บนใบหน้ามีรอยยิ้มเย็นชา
เจียงไป๋เสว่ดับบุหรี่ ในสายตาที่ดุดันค่อย ๆ มีความเยือกเย็นปรากฏขึ้นมา
“ใครมันบังอาจกล้าลักพาตัวทายาทตระกูลเจียงของฉัน?”
ตวาดเสียงดังครั้งหนึ่ง ประตูใหญ่ของตระกูลเจียงก็ถูกถีบเปิดจากด้านนอก
ทันใดนั้น ประตูที่สูงหลายเมตรก็ถล่มลงมาดังสะเทือนเลื่อนลั่น ตบฝุ่นละอองที่อยู่บนพื้นนับไม่ถ้วนขึ้นมา
จากนั้นชายหญิงวัยกลางคนสิบกว่าคนที่บ้างสวมชุดสูทรองเท้าหนัง บ้างสวมชุดกระโปรงสุภาพที่กำลังเดือดดาลเดินเข้ามา
“พ่อ!”
“ป้า!”
“ลุงเขยใหญ่!”
“รีบมาช่วยพวกเราเร็ว!”
“…”
บรรดาผู้อ่อนอาวุโสของตระกูลเจียงมองเห็นคนมากมายขนาดนี้แล้วก็ราวกับมองเห็นผู้ช่วยชีวิต ร้องเรียกเสียงดัง วิ่งเข้าไปหาผู้ปกครองของตัวเอง
ถังเฉากับเจียงไป๋เสว่ไม่ได้ขัดขวาง ปล่อยให้พวกเขาไปรวมตัวกัน
เพียงแค่สูบบุหรี่ มองฉากนี้อย่างสงบ
บรรดาพ่อแม่เห็นลูกของตัวเองไม่เป็นอะไรก็ผ่อนลมหายใจออกมา
แต่ด้วยความรวดเร็ว ในดวงตาของทุกคนก็ปรากฏความเดือดดาลขึ้น
ตระกูลเจียงเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ในเยี่ยนจิงหลายปีแล้ว ไม่เคยพบเรื่องแบบนี้มาก่อน!
นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ามาลักพาตัวลูก ๆ ของพวกเขา ยกโทษให้ไม่ได้จริง ๆ!
“เจียงไป๋เสว่ เธอกล้ามากนะ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพาคนนอกมาข่มขู่คนในครอบครัวของตัวเอง พวกเขาเป็นพี่น้องของเธอนะ!”
ชายวัยกลางคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคน ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยม มองเจียงไป๋เสว่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดครึ้ม เอ่ยขึ้น
“พ่อครับ วันนี้อย่าปล่อยผู้หญิงชั่วที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาคนนี้ไปนะครับ!”
เจียงเทียนโหย่วยืนพูดเสียงต่ำอยู่ข้าง ๆ ชายวัยกลางคนคนนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
พวกเขาสองคนรูปร่างหน้าตาคล้ายกันอยู่บ้าง ดูออกได้ไม่ยากว่าเป็นพ่อลูกกัน
เจียงไป๋เสว่เอ่ยด้วยใบหน้าเยือกเย็นว่า “ฉันเพียงแค่ต้องการให้พวกคุณทุกคนไปสารภาพผิดต่อหน้าสุสานแม่ของฉันก็เท่านั้น แต่ลูกชายคุณน่ะสิ ต่อหน้าก็รับปาก ลับหลังก็สั่งให้คนไปรื้อภูเขาเป่า ตกลงมีเจตนาอย่างไรกันแน่?”
ฟังคำพูดของเจียงไป๋เสว่แล้ว สีหน้าของเจียงหลงเจ๋อพ่อของเจียงเทียนโหย่วก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หันกลับไปจ้องเขาอย่างโหดเหี้ยมทีหนึ่ง
ถ้าหากว่าสิ่งที่เจียงไป๋เสว่พูดมาเป็นเรื่องจริงละก็ อย่างนั้นสิ่งที่เจียงเทียนโหย่วทำก็ไม่ใช่คนแล้ว!
แม้แต่เขาที่เป็นพ่อก็ยังรู้สึกว่าเจียงเทียนโหย่วทำเกินไปแล้ว
แต่ว่าลูกชายของตัวเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถให้คนนอกมาสั่งสอนได้ไม่ใช่หรือ?
ต่อให้ลูกชายของตนทำเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้ ตอนนี้ก็ยังต้องเข้าข้าง
เขามองไปยังเจียงไป๋เสว่ เอ่ยเสียงเรียบว่า “เรื่องนี้ลูกของฉันทำผิด แต่ว่า เธอให้คนนอกมาลักพาตัวทุกคนในตระกูลเจียงของฉัน หมายความว่าอย่างไร?”
“ล่อให้พวกคุณมา”
เจียงไป๋เสว่เอ่ยเสียงเรียบ “ฉันบอกแล้วว่าวันนี้คนในตระกูลเจียงทุกคนจะต้องไปเซ่นไหว้ต่อหน้าแม่ของฉัน แน่นอนว่าต้องการให้พวกคุณไปที่นั่นด้วย”
“อะไรนะ?”
“เป็นผู้หญิงที่กำเริบเสิบสานมาก!”
“พวกเรามีฐานะอะไร นึกไม่ถึงว่าจะกล้าให้พวกเราไปเซ่นไหว้คนตายคนหนึ่ง?”
“…”
พอคำนี้ลั่นออกมา คนวัยกลางคนทุกคนของตระกูลเจียงก็โกรธขึ้นมา
ความน่าสะพรึงกลัวในดวงตาของเจียงไป๋เสว่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ รังสีสังหารบนร่างก็หนักมากขึ้นเรื่อย ๆ
รุ่นที่สามจะไม่รู้เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ช่างเถอะ แต่ยี่สิบปีก็พอ ๆ กับอายุของเธอ… ถึงขั้นที่ยังน้อยกว่าอายุของเธอนิดหน่อยด้วยซ้ำ คนวัยกลางคนเหล่านี้จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้อย่างไร?
แต่พวกเขากลับไม่มีความละอายใจเลยสักนิด
น่าผิดหวัง!
ก้นบึ้งในหัวใจของเธอรู้สึกด้อยค่าแทนมารดาอย่างล้ำลึก!
ในขณะเดียวกันนั้นเองก็ปลุกเร้าความโกรธอย่างรุนแรงไม่มีที่สิ้นสุดของเธอขึ้นมา
“พูดกันพอหรือยัง? พูดจบแล้วก็เรียกคนมาให้ฉันต่อ เรียกคนที่แก่กว่ารุ่นหนึ่งมา คนที่ขับไล่เธอ บังคับให้เธอไปตายในตอนนั้นก็คือพวกเขา!”