เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 759 สมาคมการต่อสู้
ทั้งบ้านใหญ่ตระกูลเจียงเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้าทุ้มต่ำของถังเฉาคนเดียวเท่านั้น
เขาเดินก้าวยาว ๆ ไปทางเจียงหนานซานราวกับพญายมที่ต้องการชีวิตของเขา
เจียงหนานซานตกใจกลัวจนใบหน้าขาวซีด ร่างกายที่ชราไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
ดวงตานิ่งสงบที่เดิมดูเหมือนมองทะลุความเป็นความตาย ในตอนนี้ก็ถูกความตกใจและความหวาดกลัวเข้าครอบครอง
คนทั้งตระกูลเจียงเอ๋อในทันที นี่ยังเป็นอดีตผู้นำที่ไม่หวาดกลัวแม้เผชิญหน้ากับความตาย เป็นจอมวางแผนของพวกเขาอยู่หรือไม่?
ถังเฉามาอยู่ตรงหน้าของเจียงหนานซาน สายตาที่เย็นชามองกดเขาจากมุมบน รังสีสังหารในดวงตาราวกับจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ
ในดวงตาของเขามีความเยือกเย็น และมีความหยิ่งยโสและความเหยียดหยาม
สายตาประเภทนั้นจองหองยิ่งกว่าตอนที่มองเจียงเทียนโหย่วและเจียงหลงเจ๋อเสียอีก เทียบไม่ได้แม้แต่ขยะข้างถนน
เจียงหนานซานไม่กล้าประสานสายตากับดวงตาที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารนั่นของถังเฉา สายตาของเขาดุดันราวกับกระบี่แหลมคม พอสบตาแล้วก็จะทิ่มแทงลูกตาของเขาได้
“เงยหน้า! มองผม!”
ถังเฉาตวาดด้วยความเดือดดาล น้ำเสียงราวกับอสุนีบาต
อย่าว่าแต่เจียงหนานซานเลย แม้แต่ทุกคนในตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงที่อยู่รอบ ๆ ก็ล้วนแต่ใจเสาะขึ้นมา ทุกคนล้วนแต่ถูกถังเฉาทำให้ตกใจกลัว หัวใจดำดิ่งอย่างไม่มีขีดจำกัด!
เขาเป็นเหมือนเทพแห่งการสังหารองค์หนึ่ง เพียงคนเดียวก็ชี้ขาดทั้งตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวง
เจียงเค่อเอ๋อร์ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน หัวใจเต้นตึกตัก ในดวงตานอกจากความหวาดกลัวแล้วยังมีท่าทีที่ไม่ปกติที่ไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนปรากฏขึ้น
ก็คือจุดเริ่มต้นของความรัก เคยเจอคุณชายตระกูลหลวงปกติ การปรากฏตัวของถังเฉาก็เหมือนกับดาวหางดวงหนึ่งที่สร้างแรงกระเพื่อมในใจของเธออย่างรุนแรง
เจียงหนานซาน อดีตผู้นำของตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงสั่นสะท้านไปทั้งตัว เงยหน้าอย่างแข็งทื่อ มองดวงตาของถังเฉา
พริบตาที่เงยหน้านั้น ดวงตาของเขาก็ถูกสายตาที่คมปลาบทิ่มแทงจนเจ็บปวด ถึงขั้นที่มีเลือดสดสีแดงก่ำไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง!
“ไม่ใช่ว่าไม่กลัวตายไม่ใช่หรือ? หา? ไม่ใช่ว่าเป็นความเป็นความตายเป็นเรื่องไม่สำคัญหรือ? ตอนนี้ผมจะฆ่าคุณแล้ว ทำไมคุณถึงกลัวแล้วล่ะ?”
ถังเฉาตะคอกเสียงดังอย่างแฝงด้วยความโกรธ ยกเท้าขึ้นมาถีบลงไปอย่างโหดเหี้ยม
โครม!
กำแพงด้านหลังของเจียงหนานซานถูกถีบจนแตกกระจายเป็นหลายส่วน
ฉากนี้สั่นสะเทือนทุกคนในตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงอย่างลึกซึ้ง
ฝ่าเท้าเดียวก็ถีบจนกำแพงที่แข็งแกร่งแหลกละเอียด นี่มันพลังเหนือมนุษย์ระดับไหน?
ผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลหลวงของพวกเขาใช้เงินมหาศาลเสาะหามาก็แค่นี้เองหรือ?
“เห็นได้ชัดว่ากลัวจนแทบตาย ยังกล้าใช้ชีวิตของตัวเองจบเรื่องทั้งหมดนี้ คุณมีความกล้านี้หรือ? คุณมีความจริงใจที่จะสารภาพผิดจริง ๆ ไหม?”
ถังเฉาตะคอกเสียงดัง สายตาคมปลาบ ลงมืออย่างโหดเหี้ยม คว้าลำคอของเขาตรง ๆ
ดังนั้นเจียงหนานซานที่ลงโลงไปจะครึ่งตัวก็ถูกถังเฉายกขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
ค่ำคืนที่วังเวง ในตอนนี้เมฆดำเข้าปกคลุม ดวงจันทร์ที่เงียบเหงาลอยขึ้น สาดแสงจันทร์ส่อง
“หยุดนะ!”
“แกกล้า!”
“ปล่อยผู้นำนะ!”
“…”
มองเห็นอดีตผู้นำของตัวเองถูกถังเฉายกขึ้นมาเหมือนสุนัขตัวหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง คนทั้งตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงก็แตกตื่น
แต่กลับไม่มีใครสักคนที่กล้าเดินหน้าขึ้นมาขัดขวาง
ถังเฉากล้าลงมือแม้กระทั่งคนแก่ที่อายุเกินครึ่งร้อย เป็นคนบ้าจริง ๆ!
เจียงไป๋เสว่เองก็มองถังเฉาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าถังเฉาจะโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ วิธีการป่าเถื่อนยิ่งกว่าเธอเสียอีก
เผชิญหน้ากับการตวาดด้วยความโกรธของคนมากมายขนาดนั้น ถังเฉายังคงมองเจียงหนานซานอย่างแน่วแน่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ผมต้องการให้คุณตอบด้วยตัวเอง คำถามที่ว่าตกลงกลัวความตายหรือไม่กันแน่?”
“อึก…”
ถูกถังเฉาบีบคออยู่ เจียงหนานซานหายใจอย่างยากลำบาก สายตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พูด!!!”
ฝ่ามือของถังเฉาออกแรงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ทั้งใบหน้าของเจียงหนานซานที่มีเลือดคั่งแดงเถือกก็สีคล้ำในทันที
ดวงตาของเจียงหนานซานก็ยิ่งหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
เขารู้ว่าถังเฉาไม่มีทางจิตใจดีมีเมตตาจัดการเรื่องราวอย่างละมุนละม่อมเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนแก่อย่างแน่นอน
ขอเพียงเป็นคนที่สมควรฆ่า ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เป็นคนแก่หรือจะเป็นเด็ก ถังเฉาฆ่าไม่เว้น
“กลัว… กลัวตาย…. ฉัน… กลัวตาย!”
ประโยคนี้หลุดออกมาจากลำคอของเขาอย่างยากลำบาก
ภายใต้การคุกคามเป็นตายของถังเฉา เจียงหนานซานรู้สึกหวาดกลัว พูดสถานการณ์จริงของตัวเองออกมา
และหลังจากที่เขาพูดจบ ตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงก็เงียบสงัด
ทุกคนล้วนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เช่นนั้น ก็เหมือนกับความเลื่อมใสศรัทธาได้พังทลายลง
ผู้นำตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงที่สง่าผ่าเผย แม้ว่าจะลงจากตำแหน่งแล้ว ก็ควรที่จะมีปัญญาสุดจะหยั่ง
แต่ท่าทางในตอนที่เพิ่งจะลงสนามก็มีท่าทางดั่งเซียนที่ไม่สนใจความเป็นความตาย ถอยเพื่อจะรุก จัดการเจียงไป๋เสว่จนสู้ไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าพริบตาเดียวก็จะถูกถังเฉาบีบบังคับจนเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นกฎที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของบนโลกนี้
ไม่ว่าคุณจะมีความสามารถเหนือกว่าแค่ไหน ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่มีใครที่ไม่หวาดกลัวความตายจริง ๆ… ถ้าหากสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ใครจะยินดีไปตาย?
ทุกคนที่อยู่ที่นี่มีเพียงถังเฉาที่มีคุณสมบัติจะมาพูดเรื่องความเป็นความตาย ไม่มีใครเคยเจอความเป็นความตายมาเยอะกว่าเขา
เขาเข้าใจจุดนี้ดีที่สุด
ถ้าหากเป็นคนอื่น อาจจะถูกเจียงหนานซานหลอกลวงไปมั่ว ๆ
แต่ต่อหน้าของถังเฉา คำพูดและการกระทำของเขาน่าขัน ตลกราวกับตัวตลกจริง ๆ
ในตอนนี้เจียงไป๋เสว่มองถังเฉาอย่างเลื่อนลอย ถูกฉากที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตะลึงงันไปแล้ว
ถ้าหากไม่ใช่ถังเฉา บางทีเจียงไป๋เสว่อาจจะแก้แค้นไปแล้ว
เพราะว่าเจียงหนานซานพูดได้อย่างมีเหตุผลจริง ๆ ต่อให้ฆ่าคนไป มารดาก็ไม่อาจฟื้นคืนมา
ในที่สุด ทำได้แค่ให้ภายในใจว่างโหวงขึ้น โดดเดี่ยวขึ้น… เธอเป็นคนที่หวาดกลัวความโดดเดี่ยวมาก ๆ คนหนึ่ง
สุดท้าย เขาก็ไม่ได้ไม่หวาดกลัวความตายโดยสิ้นเชิง แต่เป็นจงใจจะพูดเช่นนั้น
ลองถามดูสิว่าในโลกนี้มีใครไม่กลัวตายบ้าง?
มุมปากของถังเฉายิ้มเยือกเย็น โยนเจียงหนานซานไปอีกข้างดังตุ้บ
เจียงหนานซานที่รอดพ้นจากภัยพิบัติก็รีบร้อนลนลานอย่างไม่สนใจท่าทางจนตรอกของตัวเอง บนใบหน้าชราเต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง
“แก นึกไม่ถึงว่าแกจะกล้าทำเรื่องชั่วช้าตามอำเภอใจที่ตระกูลเจียง แกคิดว่าตระกูลเจียงของฉันเป็นที่ที่แกคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
เจียงหนานซานมองถังเฉาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มองออกได้ไม่ยากว่าการลงมือของถังเฉาเมื่อครู่เป็นภัยต่อชีวิตของเขา
นี่เป็นบ่อเกิดของความหายนะ เขาจำเป็นจะต้องจัดการ ไม่อย่างนั้นต่อไปเวลายืดยาวออกไปก็อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้!
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว บนใบหน้าของถังเฉาก็ปรากฏความหยอกเย้า กวาดตามองเจียงหนานซานอย่างเย็นชารอบหนึ่ง “ตาแก่ ผมเคยเจอฉินโช่ววงจากตระกูลฉิน แล้วก็เคยเจอถังเหนียนหู่จากตระกูลถังพวกเขาไม่ได้กล้ามากอย่างคุณเลย”
พูดมาถึงตรงนี้ถังเฉาก็มองเวลาแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “พวกคุณยังเหลือเวลาอีกสามชั่วโมงแล้ว ถ้าหากยังไม่รีบ พรุ่งนี้พอพระอาทิตย์ขึ้น ไม่แน่ว่าเก้าตระกูลใหญ่จะต้องหายไปตระกูลหนึ่งแล้ว”
“แก…”
พอคำนี้ลั่นออกมา คนทั้งหมดของตระกูลเจียงก็ทั้งตะลึงทั้งเดือดดาล
เขากล้ามากเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพูดคำพูดแบบนี้กับตระกูลเจียงที่โชติช่วงดุจดวงอาทิตย์ในยามกลางวัน
ใครกล้าลงมือกับตระกูลเจียง?
“จับตัวพวกมันสองคนเอาไว้!”
เจียงหลงเจ๋อมองรังสีสังหารที่อยู่ในดวงตาของอดีตผู้นำออก จึงตะโกนเสียงดังด้วยความเดือดดาลออกมา
ยอดฝีมือของตระกูลเจียงที่เหลือก็ล้วนแต่เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าวอย่างพร้อมเพรียงกัน ล้อมถังเฉาเอาไว้
แต่กลับไม่กล้าลงมือ
ภาพช่วงเวลากระบวนท่าเดียวก็สังหารอีกฝ่ายได้ในชั่ววินาทีเมื่อกี้ของถังเฉายังทาบอยู่ในสมองของพวกเขาอย่างชัดเจน จะให้ไปหาเรื่องตายอย่างไม่เสียดายชีวิตอย่างนั้นได้อย่างไร?
แต่ว่าคำสั่งของเจ้านายของเขา พวกเขาก็ต้องดึงดันบุกเข้าไป
“ช้าก่อน!”
ที่โชคดีก็คือ ในตอนที่พวกเขาตัดสินใจจะพุ่งเข้าไปนั่นเอง เจียงหนานซานกลับตะคอกเสียงดัง ร้องห้ามพวกเขาเอาไว้
ผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลเจียงฝึกมาทั้งหมดล้วนหันกลับมามองอดีตผู้นำของพวกเขา
แม้แต่เจียงหลงเจ๋อกับเจียงเทียนโหย่วก็ล้วนแต่มีสายตาประหลาดใจ
หัวใจของเจียงเค่อเอ๋อร์สั่นระรัว ในใจตึงเครียดจนถึงที่สุด
เจียงหนานซานนำพาตระกูลเจียงพัฒนามาถึงตอนนี้ จะมีไพ่ที่ยังไม่ได้เปิดแค่บรรดาผู้แข็งแกร่งที่แอบฝึกไว้แค่นี้ได้อย่างไร?
จะต้องมีไพ่ลับที่ใหญ่กว่านี้แน่
ถังเฉามองฉากนี้อย่างสนใจ ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พวกคุณมาต่อสิ ถึงอย่างไรผมก็ยังมีเวลา”
ยังเหลือเวลาอีกสามชั่วโมงกว่าจะเที่ยงคืน ยังมีเวลาอีกเยอะ
เห็นถังเฉายังมีกะจิตกะใจจะมาพูดล้อเล่น ใบหน้าชราของเจียงหนานซานก็ยิ่งมืดครึ้มยิ่งขึ้น สายตาก็ยิ่งเข้มจนน่ากลัว
“ถังเฉา ฉันรู้ว่าแกแข็งแกร่งมาก แต่ต่อให้แกแข็งแกร่งกว่านี้ ก็มีเพียงแค่คนเดียว! อย่าลืมสิ ที่นี่คือเยี่ยนจิง ไม่ใช่ที่ที่แกสามารถจะมาบังอาจได้!”
นาทีนี้ ในที่สุดเจียงหนานซานก็เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา ท่าทีอ่อนโยนบนใบหน้าไม่มีอยู่แล้ว สิ่งที่มาแทนที่ก็คือความมืดครึ้มอย่างลึกล้ำ ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวลึกลงไปในกระดูกดำ
ถังเฉายังคงไม่มีความหวาดกลัว ยืนตัวตรง “อ๋อ? อย่างนั้นหรือ? เยี่ยนจิงที่กว้างใหญ่ มีที่ไหนบ้างที่ไปไม่ได้?”
น้ำเสียงของถังเฉากังวานทรงพลังทำให้ทุกคนต้องรับฟังอย่างนอบน้อม ทุกคนเหมือนวิญญาณหลุดกันในทันที กล้ามาหาเรื่องตระกูลหลวง ยี่สิบปีมานี้นอกจากหลินรั่วหวีแล้ว ถังเฉาก็เป็นคนที่สองที่ทำอย่างนี้!”
ตกลงแล้วเป็นเพราะถังเฉาแข็งแกร่งเกินไป หรือว่าเป็นเพราะเขามองว่าตระกูลหลวงอ่อนแอเกินไปกันแน่?
เจียงหนานซานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “ดี ในเมื่อแกไม่รู้จักดีชั่วขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
ปึง ๆ!
พูดจบ ไม้เท้าหัวมังกรในมือของเขาก็กระแทกดัง ๆ หนึ่งครั้ง
กระทบลงบนพื้น ส่งเป็นเสียงโทนต่ำดังกังวานราวกับระฆังยักษ์
“สหายจากสมาคมการต่อสู้ พวกนายจะเอาแต่มองไปจนถึงเมื่อไหร่!”
เสียงแก่ ๆ ของเจียงหนานซานสะท้อนอยู่ทั้งในบ้านใหญ่ตระกูล นำพารังสีสังหารไปด้วย ไม่หายไปอยู่เป็นนาน
บึ้ม!
บึ้ม!
บึ้ม!
และหลังจากสิ้นสุดประโยคนี้ ตามมาด้วยบรรยากาศของทั้งซื่อเหอย่วนของตระกูลเจียงที่เปลี่ยนไปในชั่วพริบตาราวกับถูกลมพายุหอบเข้าใส่
อากาศที่ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ดูเหมือนจะถูกแช่แข็ง ทำให้ลมหายใจของผู้คนชะงัก
พลังที่แข็งแกร่งแต่ละลำ พลังปราณที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่มีรากฐาน
หัวใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง หายใจอย่างยากลำบากราวกับถูกบีบคอเอาไว้
พวกเขาพบว่าลานหน้าบ้านที่เดิมไร้ผู้คนปรากฏเงาร่างที่แข็งแกร่งสิบกว่าเงาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาทั้งคู่ราวกับคบเพลิง กล้ามเนื้อบนร่างกายดุดันราวกับมังกรรุกล้ำ
คนหัวโล้นที่ยืนอยู่ตรงกลางสุดยิ่งน่าสะพรึงกลัว ลำพังแค่สายตาก็เพียงพอจะข่มขู่บรรดาผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลเจียงแอบฝึกเอาไว้เหล่านั้นตกใจกลัวจนสั่นสะท้าน
“คะ… คนจากสมาคมการต่อสู้!”
เจียงหลงเจ๋อส่งเสียงร้องด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ในใจหวาดผวาอย่างถึงที่สุด
เหล่าบรรดาผู้อ่อนอาวุโสพวกเจียงเค่อเอ๋อร์กับเจียงเทียนโหย่วก็ยิ่งตกใจจนสีหน้าขาวซีด ภายใต้กลุ่มพลังปราณที่แข็งแกร่งนั้น พวกเขามึนหัวตาลาย ยืนอย่างไม่มั่นคง
และมีคนที่ยิ่งไปกว่านั้นที่จมูกและปากมีเลือดไหลออกมา เลือดลมไม่เสถียร
ดวงตาของถังเฉาหรี่ลงเล็กน้อย พิจารณาบรรดาผู้แข็งแกร่งจากสมาคมการต่อสู้ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเหล่านี้
ในต้าเซี่ย ไม่ว่าจะเป็นเมืองไหน มีอำนาจอยู่สองกลุ่มที่ไม่สามารถจะไปยุแหย่ได้อย่างเด็ดขาด
พวกเขาสังกัดอยู่ภายใต้สองสำนักชีชือแห่งต้าเซี่ย ทำลายตระกูลทรงอิทธิพลตระกูลหนึ่งในตระกูลหลวงง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
หนึ่งคือสมาคมการค้าใหญ่แปดแห่งภายใต้ชื่อของบ้าการค้า นำโดยสมาคมการค้าเก้าราชาแห่งเยี่ยนตู ถ้าหากใครคิดจะหาเรื่องสมาคมการค้าใหญ่แปดแห่ง แค่โทรศัพท์ไปก็สามารถทำให้ห่วงโซ่เงินทุนของตระกูลนั้นขาดไป ล้มละลายทันทีในยี่สิบสี่ชั่วโมง!
ที่สองก็คือสมาคมการต่อสู้!
ที่ที่อู่ตงหยางคนบ้าบู๊เคยมีประสบการณ์มีสมาคมการต่อสู้ทั้งหมด!
ลูกศิษย์ของคนบ้าบู๊มีอยู่ทั่วโลก ได้ชื่อว่า ‘สายเลือดนักรบเทพ’!
สมาคมการต่อสู้ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดจากทุกเมืองทุกมณฑลอยู่ที่เยี่ยนจริง
ประธานของสมาคมการต่อสู้ที่เมืองอื่น ๆ มาถึงสมาคมที่เยี่ยนจิง นับเป็นผู้นำคนหนึ่งยังไม่ได้เลย!
และดูจากพลังของคนเหล่านี้แล้ว หัวหน้าสมาคมที่เยี่ยนจิงสิบกว่าคนมาในทีเดียว!
สิบกว่าคนนี้ยืนอยู่ด้วยกัน อย่าว่าแต่ลงมือเลย ลำพังเพียงแค่ยืนอยู่ด้วยกันก็เทียบได้กับสายฟ้าที่ทำลายโลก ราวกับยักษ์โบราณสิบกว่าตน ยืนตระหง่านอยู่ที่ตระกูลเจียง
“ตระกูลเจียงนี่ไม่ไหวขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ แค่คนรุ่นหลังสองคนจิ๊บจ๊อยก็ยังสามารถรังแกตระกูลเจียงได้อย่างไม่สะทกสะท้าน!”
ผู้แข็งแกร่งของสมาคมจองหองมาก ไม่ไว้หน้าเจียงหนานซานเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของเจียงหนานซานไม่น่ามอง ร้องเฮอะเสียงเย็น “ทางที่ดีพวกนายตั้งใจหน่อยเถอะ อย่าประมาทสะดุดเท้าตัวเองล้มก็แล้วกัน!”
สามารถมองออกได้ว่าเจียงหนานซานรู้จักกับพวกเขามาก่อน!
ชายหัวล้านร่างยักษ์ที่เป็นหัวหน้ามีสีหน้าเย็นชา กวาดตามองถังเฉากับเจียงไป๋เสว่ทีหนึ่งอย่างราบเรียบ ดูเหมือนไม่มีแม้แต่ความปรารถนาที่อยากจะลงมือ เพียงแค่เอ่ยว่า “พวกเราช่วยคุณฆ่าสองคนนี้ คุณติดน้ำใจใหญ่กับพวกเราไว้ครั้งหนึ่ง! เป็นอย่างไร?”
ลังเลอยู่ครั้งหนึ่ง สุดท้ายเจียงหนานซานก็ยังตอบรับออกมาหนึ่งคำ “ได้!”
ตอนนี้ชายร่างยักษ์หัวล้านถึงจะพยักหน้า โบกมือ บอกใบ้ให้ลูกน้องลงมือได้
ทว่าคนที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้นล้วนแต่ไม่มีความตั้งใจที่จะลงมือ ล้วนแต่ผลักกันไปผลักกันมา
ในสายตาของพวกเขา ถังเฉากับเจียงไป๋เสว่ไม่คู่ควรให้พวกเขาลงมือเลยแม้แต่น้อย!
สุดท้ายก็ให้ผู้แข็งแกร่งที่อ่อนแอที่สุดออกหน้า
พูดว่าอ่อนแอที่สุด แต่ศักยภาพก็ยังเหนือกว่ายอดฝีมือที่ตระกูลเจียงฝึกเอาไว้มาก
เขามาถึงด้านหน้าของถังเฉา ยิ้มอย่างเย็นชา “บอกสมญานามมา ฉันไม่ฆ่าคนที่ไร้นาม!”
ถังเฉาหัวเราะเบา ๆ “สมญานามเจ้ามังกร”