เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 763 เห็นแก่หน้าฉัน
เจียงไป๋เสว่และถังเฉาส่งเสียงไล่ๆกัน เป็นผลให้พริบตาเดียวสายตาทุกคู่จ้องมองมาที่พวกเขา
ทุกคนมีสายตาเหลือเชื่อ
เทียบกับสิ่งที่เจียงไป๋เสว่พูด คำพูดของถังเฉาน่าตะลึงยิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
กู่จิงเป็นถึงหัวหน้าของสมาคมการต่อสู้แห่งเยี่ยนจิง พลังแกร่งกล้าจนไม่น่าเชื่อ หลายสิบปีมานี้ยังไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้
ถังเฉากลับเห็นเขาเป็นศิลาทดสอบทองคำเพื่อยกระดับความสามารถให้เจียงไป๋เสว่?
นี่มันต้องบ้าบอขนาดไหน?
ลูกน้องของกู่ชิงยังอึ้งไป หน้าตาตะลึงงัน
แต่เมื่อได้สติกลับมา ความโกรธเกรี้ยวเข้าปกคลุมใบหน้าในบัดดล
“ไอ้หนุ่ม! สามหาวนัก!”
“เห็นหัวหน้ากู่เป็นศิลาทดสอบทองคำ พวกแกมีความสามารถระดับนั้นหรอ?”
“อย่าคิดว่าหนีรอดจากการรุมโจมตีจากเราได้ ก็จะอยู่เหนือหัวหน้ากู่นะ”
คนจากสมาคมการต่อสู้ก่นด่ากันเซ็งแซ่ ด้านตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงก็มีสีหน้ายินดีกับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น
“บังอาจท้าทายหัวหน้าของสมาคมการต่อสู้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย”
“หัวหน้าสมาคม เก่งกาจสามารถจนน่ากลัว ต่อให้คนพวกนี้ร่วมมือกันก็ใช่ว่าจะเป็นคู่มือของหัวหน้าได้”
เจียงหนานซานสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นยะเยือก
ในสายตาเขา ถังเฉากระทำความผิดอย่างใหญ่หลวง
นั่นก็คือเลินเล่อต่อคู่ต่อสู้!
เจียงไป๋เสว่ล้มลูกน้องของกู่ชิงได้ด้วยตัวคนเดียวก็จริง และแข็งแกร่งมากด้วย แต่จะดวลกับกู่ชิง ออกจะไม่เพ้อเจ้อไปหน่อย
แต่ก็เข้าใจได้
ตรรกะคนทั่วไป มักจะคิดว่าคนมากก็มีกำลังมาก
สถานการณ์ปกติก็เป็นเช่นนั้น แต่ในบูโด แกร่งกว่าหนึ่งระดับเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว
กู่ชิงคนเดียวก็สามารถจัดการลูกน้องเขาได้อย่างง่ายดาย
มิฉะนั้น คนเหล่านี้จะยอมศิโรราบให้กับกู่ชิงได้ยังไง
กู่ชิงไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่แรก
เวลาแบบนี้ ยิ่งสงบ ยิ่งแปลว่าเขาโมโหขนาดไหน
หัวหน้าแห่งสมาคมการต่อสู้ ไปที่ไหนก็ได้รับการเคารพเยินยอทั้งนั้น
เคยถูกดูหมิ่นถึงเพียงนี้ซะที่ไหนกัน
จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่เต็มอกกู่ชิง และพุ่งกระฉูดออกจากตัวเขา อากาศในที่แห่งนี่นิ่งงัน ประหนึ่งถูกแช่แข็ง
“ไอ้หนุ่ม แกให้ฉันเป็นศิลาลับมีดให้ผู้หญิงคนนี้ ไม่กลัวว่ามีดอย่างเธอจะถูกลับจนหักรึ”
กู่ชิงจ้องถังเฉาและเอ่ยเสียงเย็น
จิตสังหารอันเดือดดาลก็แผ่ซ่านออกมา
จิตสังหารนี้ไม่ว่าจะที่มีต่อถังเฉาหรือเจียงไป๋เสว่ ก็ไม่แตกต่างกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะสองคนนี้ สมาคมการต่อสู้ของเขาก็คงไม่ต้องอัปยศถึงเพียงนี้
ที่ไหนได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของถังเฉากว้างยิ่งขึ้น
เขาส่ายหัว “ขอบคุณมากครับทีเป็นห่วง แต่ผมคิดว่าคุณดูแลตัวเองให้ดีจะดีกว่า”
“……”
ทันใดนั้น กู่ชิงนิ่งไป จิตสังหารฉายชัดยิ่งขึ้นในแววตา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะพูดอะไรได้อีก?
ขึ้นธนูแล้ว ไม่ยิงไม่ได้
เขาชี้เจียงไป๋เสว่ และพูดกับถังเฉาด้วยสีหน้าอึมครึม “ผู้หญิงคนนี้จะตายอย่างอนาถ เพราะแก!”
ฐานะหัวหน้าสมาคมการต่อสู้ของเขาไม่อนุญาตให้เขาถอย!
ศักดิ์ศรีหัวหน้าสมาคมการต่อสู้ของเขาไม่อนุญาตให้เขาพ่ายแพ้!
เขากู่ชิงอยู่ในสายบูโดโดยไม่เคยแพ้ให้ใครมาก่อน เขาเชื่อว่า ครั้งนี้ก็เช่นกัน!
เขาทอดสายตาไปที่เจียงไป๋เสว่ ความดุดันที่ไม่อาจบรรยายได้—-ฉายอยู่ในแววตาของเขา ผู้หญิงที่ชื่อเจียงไป๋เสว่คนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกแกะที่รอเชือด
สีหน้าเจียงไป๋เสว่เคร่งเครียดขึ้นเช่นกัน เธอจ้องกู่ชิงเขม็ง
ในขณะที่ประจันหน้ากันอยู่ เธอเร่งสภาพความพร้อมของตัวเองถึงขีดสุด
ถังเฉาพูดถูก กู่ชิงคนนี้คือศิลาลับมีดที่ช่วยให้เธอแกร่งขึ้นอีกขั้นได้
เธอเป็นถึงครูผู้ฝึกแห่งกองทัพปราณมังกร ความสามารถของตัวเจียงไป๋เสว่เองไม่อ่อนแน่
การเป็นศิลาลับมีดของเธอ ต่อให้อ่อนแอขนาดไหนก็ต้องไม่ต่างจากเธอมาก
ระดับของเธออยู่ห่างจากถังเฉาและหลี่เห้าเพียงหนึ่งก้าว แต่เพียงแค่ก้าวเดียวนี้แหละ ความต่างระหว่างเธอกับถังเฉาเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว
เธอเป็นผู้หญิงที่พอใจง่าย
จุดสุดยอดของบูโด ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรไล่ตามในฐานะผู้หญิง
ความแข็งแกร่งระดับถังเฉา เธอคิดว่าต่อให้ไล่ตามไปทั้งชีวิตของเธอก็ไม่อาจเอื้อมถึง แต่ตอนนี้เธอมีโอกาสได้สัมผัสและแม้แต่ปีนขึ้นไป เธอจะยอมแพ้ได้อย่างไร?
สายตาของเจียงไป๋เสว่จริงจัง เตรียมรับมือด้วยความพร้อมร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์
ถังเฉายืนอยู่ข้างหลัง กำลังมองดูสถานการณ์ในสนามรบอย่างสนอกสนใจเช่นกัน
ในเวลานี้ ทั้งสองไม่มีใครลงมือเลย แต่ยืนอยู่ที่เดิม และเผชิญหน้ากัน
การดวลของยอดฝีมือ พลาดเพียงเล็กน้อย ให้ผลต่างกันพันลี้
ใครลงมือก่อน ใครลงมือทีหลัง แตกต่างกันอย่างมาก
ทั้งสองยังคงหยั่งเชิงกันและกันอยู่
สายลมพัดผ่าน ใบไม้สีเหลืองเหี่ยวแห้งร่วงโรยลงจากต้นไม้ และตกลงมาตรงกลางระหว่างทั้งสองโดยไม่เอนเอียง
ชั่วพริบตานั้น บรรยากาศนิ่งงันไปอย่างสมบูรณ์ จิตสังหารเย็นยะเยือกปกคลุม ถังเฉารู้สึกถึงความมุ่งมั่นในการรบรวมถึงจิตสังหารที่ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นจากทั้งสองฝ่าย
ตู้ม!
นาทีต่อมา กู่ชิงลงมืออย่างห้าวหาญ ร่างของเขาหายไปจากที่เดิมในทันที
ในชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือหัวของเจียงไป๋เสว่ กระโจนสูงขึ้นไปในอากาศ และเตะอย่างรุนแรง
ฟู่วฟู่วฟู่ว!
อากาศแหลกลาญ ประหนึ่งดาวตกที่พุ่งชนดวงจันทร์ อ้าออกและหุบอย่างหนักหน่วง
นี่คือวิธีการต่อสู้ของกู่ชิง เอาชนะด้วยความรุนแรง!
“หัวหน้ากู่ลงมือแล้ว! ผู้หญิงคนนั้นต้องตายแน่ๆ!”
สมาชิกทุกคนในตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวง และลูกน้องของกู่ชิงต่างพากันยินดี และมีสายตาคาดหวัง
ราวกับได้เห็นภาพร่างกายบอบบางของเจียงไป๋เสว่ถูกกู่ชิงเตะออกไปหลายสิบลี้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกน้องของกู่ชิงรู้ดีว่ากู่ชิงในตอนนี้ยังไม่ได้ออกแรงเต็มที่เลย
เขายังกั๊กพลังงานอยู่ก็มีพลังทำลายล้างขนาดนี้แล้ว ถ้าออกแรงเต็มที่จะสยองขนาดไหน?
ในทางกลับกัน เจียงไป๋เสว่อย่างกับตกใจจนเอ๋อไป เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง
ตัวกู่ชิงเองก็หัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความโหดเหี้ยม
“จบแล้ว! อ่อนแอเกินไป”
การเตะรุนแรงฟาดฟันลงมาประหนึ่งขวานสงคราม ทว่านาทีต่อมา กู่ชิงกลับโซเซ และตัวดิ่งลงด้วยแรงกดมหาศาล
เขาก้มมองลงไป เจียงไป๋เสว่ที่ตอนแรกอยู่ใต้ร่างเขาไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
การเตะของเขากระแทกลงพื้น ทันใดนั้น พื้นหินเขียวเกิดเป็นรอยร้าวแยกออกไป แม้กระทั่งฐานรากทั้งหมดยังจมลงไปหลายมิลลิเมตร
“แย่แล้ว!”
การโจมตีพลาดไปหนึ่งครั้งทำให้กู่ชิงตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล นัยน์ตาของเขาหรี่ลงทันใด เกร็งไปทั้งร่าง เขยิบไปด้านหลังด้วยสัญชาตญาณ
เจียงไป๋เสว่กระโจนขึ้นไปนานแล้ว แถมยังถอยกรูดออกไป ห่างจากเขาอย่างน้อยสิบเมตร
กู่ชิงสบตาเข้ากับสายตาเย็นเยียบของเธอ พลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
เขานึกถึงผ้าขาวพิศวงในแขนของเจียงไป๋เสว่ขึ้นมาได้
ตู้ม!
แต่ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมา ก็มีผ้าขาวมากมายปรากฏสู่สายตากู่ชิง ถาโถมมาหาเขาด้วยความเร็วเกินพิกัดประหนึ่งงูหลามล่าเหยื่อ
กู่ชิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหลบตามสัญชาตญาณ
ผ้าขาวเฉี่ยวผ่านจากด้านข้างตัวเขา แม้จะไม่โดน แต่แรงอันหนักหน่วงนั้นก็ทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย
ภาพที่พสุธาสะเทือนภูเขาสั่นไหวนั้นเขายังจำได้ดี จะยอมโดนโจมตีได้ยังไง?
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันได้โล่งอก ภาพอันน่าตกใจจนลูกตาถลนปรากฏ—-
ผ้าขาวที่เฉี่ยวผ่านกู่ชิงราวกับมีตาเป็นของตัวเอง มันเลี้ยวกลับและจู่โจมไปหากู่ชิงอีกครั้ง
“อะไรกันเนี่ย?!”
นัยน์ตาของกู่ชิงหรี่ลง คราวนี้แม้แต่ขอบตายังกระตุกอย่างรุนแรง
นี่มันกระบวนท่าอะไรกัน?
ผ้าขาวนี่เลี้ยวตัวเป็นด้วยหรอ?
แต่ในไม่ช้า เขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่ใช่ว่าผ้าขาวเลี้ยวได้เอง แต่คนที่ควบคุมมันสั่งให้มันเลี้ยว!
เขามองเจียงไป๋เสว่อย่างไม่น่าเชื่อ
สรรพสิ่งล้วนใช้ประโยชน์จากแรงได้ ตราบเท่าที่มีพลังภายใน แม้ผ้าขาวนุ่มยังสามารถแข็งเป็นเหล็กผา
และผู้หญิงคนนี้ ช่ำชองเรื่องนี้จนถึงขั้นเลิศล้ำ
ต่อให้เป็นในสมาคมการต่อสู้ ความแข็งแกร่งนี้ก็อยู่ระดับต้นๆ
จนถึงบัดนี้ กู่ชิงถึงตระหนักได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา และเลิกดูถูกเธอ ตั้งรับด้วยความจริงจังเคร่งเครียด
ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้กับตัวเอง!
แคร่ก!
กู่ชิงหยุดฝีเท้า ตาเป็นประกายวูบวาบ และมองเจียงไป๋เสว่ด้วยสายตาเย็นเยียบ
ผ้าขาวถาโถมเข้ามา เลื้อยขึ้นข้อมือของกู่ชิง ดูราวกับพันผ้าพันแผลชั้นหนาไว้
“เข้ามา!”
เจียงไป๋เสว่ตวาดอย่างกราดเกรี้ยว เธอสะบัดข้อมือ แรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงส่งผ่านผ้าขาวและถาโถมเข้ามาดั่งคลื่น
แท้จริงแล้วผ้าขาวเปรียบเสมือนแส้ หลังจากรัดอีกฝ่ายไว้แล้วก็จะดึงอีกฝ่ายเข้ามา
ทว่า เจียงไป๋เสว่ออกแรงดึงแล้วกลับค้นพบอย่างประหลาดใจว่าเธอดึงกู่ชิงมาไม่ได้
ร่างกายของกู่ชิงเปรียบดั่งหินยักษ์ก้อนหนึ่ง ไม่เขยื้อนเลยสักนิด
หากเทียบกันเรื่องกำลัง ผู้หญิงมีข้อเสียเปรียบโดยธรรมชาติ
พริบตาเดียวเจียงไป๋เสว่ก็ตกอยู่ในที่นั่งฝ่ายตั้งรับ เธอกัดฟันและออกแรงอย่างต่อเนื่อง ยังคงไม่ยอมแพ้
กู่ชิงหัวเราะเสียงเย็น เขาคว้าผ้าขาวและคิดจะดึงเจียงไป๋เสว่มาหาเขาแทน
รองเท้าของเจียงไป๋เสว่จิกพื้นแน่น ตั้งใจจะหยุดตัวเองไม่ให้ถูกดึงไป
แต่กู่ชิงมีกำลังวังชามากมายไร้ขีดจำกัด มีรอยลึกสองรอยที่พื้น—–รอยเท้าของเจียงไป๋เสว่นั่นเอง
“กระบวนท่าของแกพิลึก ร่ายรำตัวเบาหวิวแล้วยังไง ก็แค่ดูดีแต่หาได้มีประโยชน์ไม่”
กู่ชิงหัวเราะเย็นๆ
“เอาล่ะ แกไปตายได้แล้ว”
ขณะที่กู่ชิงตั้งใจจะดึงเจียงไป๋เสว่มาด้วยอึดใจเดียวแล้วปลิดชีพเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อไปอีกครั้ง
เจียงไป๋เสว่สะบัดข้อมือ แขนกว้างร่ายรำ
ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ!
ภายในแขนกว้าง มีผ้าขาวสามผืนที่เหมือนกันเปี๊ยบพุ่งออกมา ถาโถมไปหามือซ้าย ขาซ้าย และขาขวาของกู่ชิง
ตู้ม!
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างตะลึง หน้าตาไม่อยากจะเชื่อ
นี่มันอย่างกับเล่นมายากล!
ตอนแรกคิดว่ามีผ้าขาวหนึ่งผืนพุ่งออกจากแขนเสื้อนั้นน่าตะลึงพอแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งออกมาได้อีกสามผืน
“เสื้อของเธอคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงมีผ้าขาวจำนวนมากขนาดนั้น?”
มีบางคนทำหน้าสงสัย อึ้งไปหมด
ไม่รู้ว่าชุดขาวของเจียงไป๋เสว่นั้นถูกออกแบบมายังไง ผ้าขาวที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อถึงราวกับมีได้ไม่มีที่สิ้นสุด ใช้ยังไงก็ไม่หมด
กู่ชิงตากระตุก มองผ้าสามผืนที่พุ่งมาหาเขา
ผ้าขาวผืนเดียว เขารับมือได้เหลือๆ คิดซะว่าเล่นกับลิง
แต่ผ้าขาวสี่ผืน ชีวิตเขาได้หาไม่แน่ เขารับมือไม่ไหวจริงๆ
เขาตัดสินใจทันทีว่าจะฉีกให้ผ้าขาวขาดเพื่อทำการหลบหลีก แต่เจียงไป๋เสว่จะยอมให้เขาสมหวังได้ยังไง
แม้กำลังวังชาของเธอจะสู้กู่ชิงไม่ได้ แต่เธอมีเทคนิค
ผ้าขาวสามผืนนั้นประหนึ่งปีศาจงูคล่องแคล่ว รัดทั้งสองมือและสองขาของกู่ชิงไว้ ตรึงเขาไว้กับที่ประหนึ่งหุ่นเชิด
สมัยก่อนมีการแยกร่างด้วยห้าอาชา บัดนี้มีการสะบั้นตัวด้วยสี่อาภรณ์
เจียงไป๋เสว่สายตาเย็นเยียบ สองมือเร่งกำลังภายใน
บูมบูมบูมบูม…..
ราวกับเกิดบางอย่างขึ้นกับผ้าขาว เสียงระเบิดต่ำๆดังออกมา
กู่ชิงก็ชักกระตุกไปทั้งตัวประหนึ่งโดนไฟช็อต
ฟึ่บฟึ่บ!
ขณะเดียวกัน ผ้าขาวยื่นหดและถาโถม ทั่วร่างของกู่ชิงถูกพันเหมือนมัมมี่ เหลือเพียงหัวที่ยังโผล่อยู่
ในตอนที่เจียงไป๋เสว่กำลังจะลงมือ มีเสียงถอนหายใจเบาๆดังมาจากหน้าประตูตระกูลเจียง
“ไป๋เสว่ ไว้ชีวิตด้วย”
เสียงนั้นไม่ดัง แต่ได้ยินกันทุกคน
ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลเจียงตาโตอ้าปากค้างกันหมด เจียงไป๋เสว่เองก็ขมวดคิ้วเข้ม ไม่ได้ลงมือ
เธอหันกลับไปมอง ก็เห็นผู้เฒ่าผมขาวสวมเสื้อผ้าหยาบๆยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ตระกูลเจียง—–พูดกันตามจริงแล้วเขาไม่แก่หรอก ท่าทางแค่สามสิบกว่าเท่านั้น
ที่ทำให้ผู้อื่นคิดว่าเขาแก่ ก็เพราะผมสีขาวเจิดจ้าบนหัวเขา
“ผู้บ้าการแพทย์? เจียงสือเหนียน?!”
มีคนในตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงอุทานอย่างตกใจ
เจียงสือเหนียนถอนหายใจ และเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ไป๋เสว่ เห็นแก่หน้าฉัน อย่าลงมือสังหารใครได้มั้ย”
“ตระกูลเจียง เห็นแก่หน้าผม อย่าเอาผิดไป๋เสว่ ไปคุกเข่าสำนึกผิดและกราบไหว้หน้าหลุมศพแม่ของไป๋เสว่เถอะ”
“ยี่สิบปีก่อน พวกเราเป็นฝ่ายผิดจริงๆ!”