เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 764 ผมขาวโพลนในชั่วค่ำคืน
ทั้งลานบ้านตระกูลเจียงเงียบสงัด มีเพียงผู้บ้าการแพทย์เจียงสือเหนียนที่ส่งเสียงถอนหายใจเบาๆ
“เจียง…..เจียงสือเหนียน?!”
ทุกคนในตระกูลเจียงหน้าตาตะลึง คิดไม่ถึงว่าจู่ๆเจียงสือเหนียนจะมาปรากฏตัวที่นี่
อย่าว่าแต่พวกเจียงหลงเจ๋อ เจียงเทียนโหย่วเลย แม้แต่เจียงหนานซาน หลังจากตะลึงไปชั่วขณะแล้ว ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขานอกจากจะไม่มีวี่แววดีใจแล้ว กลับยิ่งอึมครึมลงไปอีก
คนจากสมาคมการต่อสู้จ้องมองเด็กหนุ่มผมขาวโพลน หากแต่มีราศีเหนือปุถุชนคนนี้ด้วยสายตาเหม่อๆ รู้สึกเหมือนเขามีรัศมีของคนฝึกบูโด แต่พอมองดูดีๆกลับพบว่าเขาไม่รู้เรื่องบูโดเลย
หน้าตาถังเฉายังฉายแววตะลึง แต่หลังจากนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขายิ้มบางๆและไม่ยื่นมือเข้าไปแทรก
ขณะเดียวกัน เขาส่งสายตาให้เจียงสือเหนียน ให้เขาอย่าเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งสองคน
“เฮอะ”
เจียงไป๋เสว่กลับแค่นเสียง ใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึกนั้นราวกับมีเกล็ดน้ำค้างปกคลุม ดูไม่สบอารมณ์หนักกว่าเดิมเสียอีก
ถึงแม้จะหยุดแล้ว แต่ก็ไม่ได้ปล่อยกู่ชิงไปตามที่เจียงสือเหนียนบอก
เธอยังคงมัดกู่ชิงไว้เหมือนพันมัมมี่
กู่ชิงเหลือเพียงหัวที่โผล่ออกมา จ้องเจียงไป๋เสว่เขม็ง สายตานั้นราวกับกำลังมองศัตรูที่เคืองแค้นกันมาแต่ปางก่อน
เขาเป็นถึงหัวหน้าสมาคมการต่อสู้ กลับโดนผู้หญิงคนหนึ่งมัดไว้
ผ้าขาวนี่แม้จะมีพลังทำลายล้างไม่สูง แต่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีได้สุดๆ
สายตาของเธอจ้องเจียงสือเหนียนอย่างเอาเป็นเอาตาย สีหน้าดุดัน
เจียงสือเหนียนก็สังเกตเห็นเจียงไป๋เสว่ เขาถอนหายใจพร้อมมีสายตาซับซ้อน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เดินไปหาเธอช้าๆ
เขายืนนิ่งและพูดกับเจียงไป๋เสว่ “ปล่อยเขาไปเถอะ”
“ไม่ปล่อย”
เจียงไป๋เสว่พูดอย่างดื้อรั้น
นอกจากเธอจะไม่ปล่อยแล้วยังออกแรงที่มือเพิ่มขึ้นด้วย ผ้าขาวรัดแน่นขึ้นทันควัน
เป็นเหตุให้กู่ชิงถูกพันจนแน่นยิ่งกว่าเดิม
“ปล่อยเถอะ”
“ไม่ปล่อย”
“เชื่อฟังกันหน่อยนะ”
“นายกำลังสั่งสอนฉันรึ?”
“……..”
ดวงตาคู่โตของเจียงไป๋เสว่มีไอเย็นปกคลุม สายตาที่มองเจียงสือเหนียนประหนึ่งกำลังมองศัตรูคู่แค้น
เจียงสือเหนียนอ่อนใจ “เธอยังโกรธฉันด้วยเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ? เธอดูสิ ฉันออกไปช่วยชีวิตผู้คนทั่วทุกทิศเพื่อไถ่บาปแล้วนะ”
เจียงไป๋เสว่ไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา
ขณะนั้น ถังเฉาเดินเข้าไป มองพวกเขาสองคนด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
ก่อนหน้านี้ที่เขาไปรับเจียงสือเหนียนที่สนามบิน เขาก็รู้จากท่าทีเย็นชาที่เจียงไป๋เสว่มีแต่เจียงสือเหนียนได้ว่าสองคนนี้ต้องมีปูมหลังต่อกันแน่นอน
ปฏิกิริยาในตอนนี้ยิ่งทำให้ถังเฉามั่นใจในความคิดนั้น
ส่วนสาเหตุจริงๆเป็นอะไรนั้น ถังเฉาไม่อาจรู้ได้
แต่เขาไม่ถือสากับการเป็นชาวเผือกสักหน
“คนขี้ขลาด!”
เจียงไป๋เสว่ด่า กระตุกข้อมือ ผ้าขาวหดกลับมาทันที
กู่ชิงร่วงลงมาจากกลางอากาศทันที และกระแทกกับพื้นอย่างแรง
“หัวหน้ากู่!”
คนจากสมาคมการต่อสู้รีบกรูกันเข้ามา
กู่ชิงกลับคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “ห้ามใครเข้ามา”
เขาลุกขึ้นเอง และจ้องเจียงไป๋เสว่อย่างเอาเป็นเอาตาย รวมถึงถังเฉาที่อยู่ถัดออกไป สายตาเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ
ในเมืองโบราณเยี่ยนจิงแห่งนี้ เขาแทบจะทแยงเดินได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เป็นที่เคารพนับถือ
ทว่ากลับโดนผู้หญิงคนหนึ่งสั่งสอนอย่างหนัก แม้จะเป็นการสู้กันครั้งแรก กู่ชิงไม่คุ้นชินกับความสามารถและวิธีการต่อสู้ของอีกฝ่าย และอีกฝ่ายเอาความนุ่มนวลเข้าสู้กับความแข็งกร้าว ความแข็งกร้าวเป็นฝ่ายถูกข่มจนดิ้นไม่หลุด
แต่พ่ายแพ้ก็คือพ่ายแพ้ จะอ้างด้วยเหตุผลนี้ไม่ได้หรอก
เจียงไป๋เสว่เพียงคนเดียวก็อัดเขาซะไม่อาจตอบโต้ได้ แล้วยังเห็นเขาเป็นศิลาลับมีดอีก
แล้วถังเฉาที่ไม่เคยลงมือล่ะ?
พลังของเขาจะน่ากลัวถึงระดับไหนกัน?
กู่ชิงไม่กล้าคิด และคิดไม่ถึงด้วย
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
“คุณชื่อถังเฉาใช่มั้ย?”
กู่ชิงมองถังเฉาด้วยสายตาคมกริบ ถามขึ้น
ถังเฉาพยักหน้า “ใช่แล้ว”
“ดี ฉันจะจำไว้ วันหน้าจะไปหาถึงที่”
กู่ชิงประสานมือใส่ถังเฉา ไม่มีจิตสังหารและความดูแคลนในสายตาเหมือนทีแรก
เขาฆ่าถังเฉาไม่ได้ และยิ่งดูหมิ่นถังเฉาไม่ได้ไปใหญ่ ไม่อย่างนั้นได้เจอดีแน่ๆ
ถังเฉายิ้มบางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เป็นที่ชัดเจนว่ายอมรับ
“เราไปกันเถอะ!”
หลังจากได้รับการยอมรับแล้ว กู่ชิงโบกมือ พาเหล่าผู้คนจากสมาคมการต่อสู้ออกไป
พอเห็นพวกกู่ชิงจะไป เจียงหนานซานตื่นตระหนกขึ้นมา และหยุดพวกเขาไว้
“หัวหน้ากู่ คุณยังไม่ได้จัดการพวกเขาสองคนเลย จะไปได้ยังไงกันครับ?”
“พวกเขาแค่ใช้กระบวนท่าแปลกประหลาด หากหัวหน้ากู่ทุ่มสุดกำลัง พวกเขาสองคนมีหรือจะต่อกรด้วยได้?”
เจียงหนานซานหยุดกู่ชิงไว้ และพูดด้วยความร้อนใจ
เจียงหนานซานไม่รู้เรื่องบูโด แต่จากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกได้ว่ากระบวนท่าของเจียงไป๋เสว่ประหลาด ไม่ได้ลงมือแบบปกติ
กู่ชิงไม่คุ้นเคย จึงถูกเจียงไป๋เสว่กำราบเอาได้
หากสู้กันนานกว่านี้ เจียงไป๋เสว่สู้กู่ชิงไม่ได้แน่
หารู้ไม่ พอเขาพูดแบบนี้ออกไป สีหน้าของกู่ชิงก็อึมครึมลง หน้าเขียวปี๋
“ท่านผู้นำเจียง ขออภัยที่คงไม่อาจทำตามที่คุณต้องการได้ คำขอร้องของคุณ เราช่วยอะไรไม่ได้”
กู่ชิงสีหน้าอึมครึม ก้าวยาวๆออกจากซื่อเหอย่วนตระกูลเจียง
“หัวหน้ากู่—-”
เจียงหนานซานตะโกนเรียก
กู่ชิงพาเหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งสมาคมการต่อสู้หายไปกับความมืดตอนกลางคืน
เมื่อเป็นเช่นนั้น ฝ่ายตระกูลเจียงจึงมีท่าทีอ่อนลง
พวกเจียงเทียนโหย่วและเจียงหลงเจ๋อต่างมองเจียงไป๋เสว่ด้วยความหวาดผวา
เธอกำราบได้แม้กระทั่งกู่ชิงผู้เป็นหัวหน้าของสมาคม จะลงมือกับตระกูลเจียงก็คงง่ายแค่มือหยิบสินะ
จนถึงบัดนี้ พวกเขาถึงเข้าใจว่าทำไมเจียงไป๋เสว่และถังเฉาถึงกล้ามาที่ตระกูลเจียงกันแค่สองคน
นอกจากนี้ ยังมีเจียงสือเหนียนที่ไม่ว่าอยู่ฝ่ายไหนด้วย ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง
“เจียงสือเหนียน แกกลับมาครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไร?”
แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีความมั่นใจ เจียงหนานซานก็ไม่ยอมเสียเกียรติแห่งตระกูลหลวง เขาพยุงไม้ค้ำ ยืนเอามือไพล่หลัง และมองเจียงสือเหนียนพลางถาม
เมื่อได้ยิน เจียงสือเหนียนไม่ได้ตอบอะไร กลับเป็นถังเฉาที่มองมาด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
เจียงสือเหนียนก็แซ่เจียงเหมือนกัน เป็นคนของตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวง แต่ทำไมท่าทีของเจียง หนานซานถึงเย็นชาขนาดนี้กันนะ?
“เขาเป็นพี่ชายของฉัน”
เจียงไป๋เสว่พูดขึ้นอย่างฉับพลัน ด้วยน้ำเสียงสุดเย็นชา
เมื่อได้ฟัง ถังเฉาสูดหายใจเข้าลึก หน้าตาไม่อยากเชื่อ
“เขาเป็นพี่ชายของเธอหรอ?”
ถังเฉาโพล่งออกมา ก่อนจะหันไปมองเจียงสือเหนียน
คนที่ถูกกล่าวถึงยิ้มเฝื่อนๆ “เธอเป็นน้องสาวของผมจริงๆ”
“หลังจากที่แม่ของเราผูกคอตาย เธอก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลวง ส่วนผมถูกเก็บไว้เพราะมีประโยชน์สำหรับตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวง เธอจึงเคืองแค้นผมด้วยเหตุนี้”
เจียงสือเหนียนเอ่ยขึ้นช้าๆ “เธอรู้สึกว่าครอบครัวควรจะร่วมทุกข์ร่วมสุข เธอต้องการที่จะแก้แค้นให้แม่ ผมก็ควรจะเป็นเหมือนเธอ ออกจากตระกูลเจียงด้วยกัน แต่ผมกลับอยู่ต่อและเข้าพวกกับศัตรู แถมยังไม่สะทกสะท้านกับการตายของแม่”
“ไป๋เสว่ไม่พูดอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่สนใจ ทุกอย่างที่เธอให้ความสำคัญจะถูกซ่อนอยู่ในหัวใจ ยี่สิบปีผ่านไปความสัมพันธ์ของเราถึงเริ่มดีขึ้นบ้าง แต่ก็แค่ไม่เคืองแค้นผมอีก เราสองคนยังคงเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน”
ถังเฉาถึงบางอ้อ และถามอีกครั้ง “แล้วทำไมคุณถึงออกจากตระกูลเจียง ออกรักษาคนไปทั่วสารทิศล่ะ”
เจียงสือเหนียนเงยหน้าช้าๆ มองพระจันทร์สว่างจ้าบนฟ้า อุทานออกมาจากสุดขั้วหัวใจ
“คงเพราะรู้สึกผิดล่ะมั้ง ผมไม่อาจรักษาแม่ได้——จึงผมขาวโพลนในชั่วข้ามคืน”
เจียงสือเหนียนลูบผมสีขาวเงินของตัวเอง และกล่าวเศร้าๆ