เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 786 แพะรับบาป
“คุณหนูของตระกูลเย่ คุณเย่หรูอี้ นายเป็นคนทำให้เธอด่างพร้อยใช่มั้ย?
คำพูดที่เย็นชาของหวางเจี๋ย ดังสะท้อนอยู่ในรถตำรวจที่แคบๆ
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดประโยคนี้แฝงไว้ด้วยความหมายที่รุนแรง หรือเพราะว่าพลังเสียงหวางเจี๋ยที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ทำให้มือของคนขับสั่นไปหนึ่งที มือที่จับพวงมาลัยรถเสียสมดุลไป
รถขยับซ้ายขาวไปมาสองสามครั้ง จากนั้นถึงกลับสู่ปกติ
ไฟถนนที่สลัวทั้งสองข้างทางส่องเข้ามาทางช่องของรถตำรวจ เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างอยู่ใบหน้าของถังเฉาอย่างไม่แน่นอน
เขาเข้าสู่ในความเงียบ
และดวงตาทั้งสองข้างของหวางเจี๋ย ก็เหมือนกับไฟสปอร์ตไลท์ ที่พยายามจะส่องหาอะไรบางอย่างจากการแสดงออกของถังเฉา
แต่น่าเสียดาย เขากลับมองไม่เห็นเบาะแสอะไรเลย
ถังเฉาเงยหน้าขึ้น มองเขาด้วยสายตาที่สงบ “หัวหน้าหวาง คุณคิดว่าผมเป็นคนทำจริงเหรอ?”
ฉึก!
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หวางเจี๋ยโกรธมาก
“ไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใคร? ทั้งหมดมันก็มีหลักฐานแล้ว!”
หลังจากที่นิ่งไปครู่หนึ่ง หวางเจี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขยับเข้าไปใกล้ถังเฉาเล็กน้อย กล่าวด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น “ไอ้หนุ่ม ฉันขอเตือนให้นายยอมรับผิดแต่โดยเร็ว ความผิดที่นายทำมันไม่ใช่คดีทั่วไปและมันก็รุนแรงมาก มันเกี่ยวข้องกับตระกูลหลวงทั้งสองตระกูล และมีผลกระทบต่อความสงบสุขของเยี่ยนจิง เบื้องบนให้ความสำคัญมาก ได้เริ่มสืบเรื่องนี้แล้ว”
ขณะที่พูดคำเหล่านี้ น้ำเสียงของหวางเจี๋ยยังแฝงไว้ด้วยความสั่น
ถ้าหากเป็นคดีขืนใจธรรมดา ก็คงไม่ทำให้คนแตกตื่นขนาดนี้ แม้กระทั่งตัวเขาเองก็คงไม่ต้องเสียสละเวลาเลิกงาน มาทำคดี
ปัญหาคือ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เธอคือเย่หรูอี้ของตระกูลเย่นะ!
ฐานะของผู้หญิงนี้คนนี้ไม่ธรรมดา พูดได้ว่าจะส่งผลโดยตรงต่อความสัมพันธ์ที่สมานฉันท์กลมเกลียวระหว่างตระกูลถังและตระกูลเย่
เมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลหลวงแย่ลง จนถึงขั้นเปิดศึกสู้รบกัน เมืองทั้งเยี่ยนจิง ก็จะพังทลายลง
เพราะว่าเก้าตระกูลใหญ่ในเยี่ยนตู ปัจจุบันนี้อยู่ในสถานะที่สันติกันอย่างมาก ขอเพียงมีสองตระกูลหลวงเปิดศึก ที่เหลืออีกเจ็ดตระกูลเป็นไม่ได้ที่จะไม่เข้ามายุ่ง เพราะมันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มากมาย
ตระกูลหลวงทั้งสอง ก็ต้องมองหาพันธมิตร ไปขอความช่วยเหลือกตระกูลหลวงอื่นๆ ทีมสู้รบทีมใหม่ และการล้างไพ่รอบใหม่ก็จะเริ่มขึ้น
เรื่องนี้สำหรับเยี่ยนจิงแล้ว มันเป็นหายนะชัดๆ!
“ดังนั้นล่ะ?”
ทว่า ถังเฉากลับไม่ตกใจเลย
เป็นการเงยหน้าขึ้นที่สบายๆ ถามกลับไปหนึ่งคำ
“……”
ทันใดนั้น หวางเจี๋ยถูกถามจนอึ้งไปแล้ว อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
เขายังไม่เข้าใจถึงความรุนแรงของปัญหาเหรอ?
หวางเจี๋ยระงับความโกรธที่อยู่ในใจของเขาแล้วพูดกับถังเฉา “ทางที่ดีที่สุดตอนนี้นายควรยอมรับผิด การสอบสวนจะได้ง่ายขึ้น มิเช่นนั้น มันก็จะไม่ง่ายแบบนี้แล้ว”
ฟังคำพูดประโยคนี้แล้ว ถังเฉาก็ฉีกยิ้มขึ้นมา
“แต่ว่าผมไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับเย่หรูอี้ ผมนั้นถูกใส่ความ”
หวางเจี๋ยหัวเราะอย่างโกรธเคือง “หลักฐานแน่นหนา นายคิดว่าฉันจะเชื่อนายเหรอ?”
ถังเฉายังอยากจะพูดอะไรอีก หวางเจี๋ยกลับตัดบทเขาโดยตรง
“เอาล่ะ มีอะไร รอให้ไปถึงโรงพักแล้วค่อยพูด”
เขาจุดบุหรี่หนึ่งมวน มองไปท้องฟ้าที่มืดมิด
คืนนี้ ก็เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับแล้ว………
ถังเฉาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมจะโทรหาหลินชิงเสว่
ตำรวจทั้งหมดที่นั่งอยู่โดยรอบรถมองเขาอย่างกับศัตรู ถึงขนาดยกปืนพกขึ้น และชี้ไปที่หัวของถังเฉา
“นายคิดจะทำอะไร?”
หวางเจี๋ยสูบบุหรี่ไปหนึ่งคำ กล่าวอย่างเย็นชา
ถังเฉาพูดอย่างทำอะไรไม่ได้ “ฉันจะโทรบอกภรรยาว่าคืนนี้จะกลับบ้านดึกหน่อย”
หวางเจี๋ยเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ ชื่อผู้ติดต่อที่โชว์อยู่ก็คือคำว่าชิงเสว่ ทำให้เขาคิดถึงหลินชิงเสว่องค์หญิงใหญ่ตระกูลหลิน
ทันใดนั้นมุมปากก็กระตุกไปหนึ่งที เขาก็ว่าแล้ว ตอนที่เขาได้รับคำสั่งจับกุมนั้น เขาก็รู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้มาก เหมือนว่าเคยได้ยินมาจากไหน
ที่แท้ก็เป็นสามีของหลินชิงเสว่นี่เอง……..
หวางเจี๋ยจึงได้โบกมือห้าม ให้เพื่อนร่วมงานวางปืนลง
หลังจากดูดบุหรี่ไปหนึ่งคำ “โทรสิ อีกอย่าง นายสามารถขอความช่วยเหลือได้ หรือหาทนาย ขอเพียงสามารถยืนยันได้ว่านายเป็นผู้บริสุทธิ์ ฉันก็ต้องปล่อยนายอยู่แล้ว”
ถังเฉาโทรไปที่หมายเลขของหลินชิงเสว่
“โหล?”
ปลายสายดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงสัยของหลินชิงเสว่
ปกติที่ไปสังสรรค์ น้อยมากที่ถังเฉาจะโทรหาเธอ
ถังเฉายิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “ผมเกิดเรื่องนิดหน่อย คืนนี้อาจจะกลับดึก คุณไม่ต้องรอผม นอนกับเสี่ยวลี้ก่อนเลย”
ที่ปลายสายเงียบเป็นเวลานานมาก
หนึ่งนาทีเต็ม หลินชิงเสว่จึงได้ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบ “จะกลับมาเมื่อไหร่ ให้บอกเวลาที่ช้าสุดกับฉัน”
ครั้งนี้เป็นตาของถังเฉาเงียบแล้ว เขาเงียบและคิดไปครู่ใหญ่ จึงกล่าวขึ้น “พรุ่งนี้ก่อนที่เสี่ยวลี้จะตื่น”
“ได้”
หลินชิงเสว่วางสาย
เมื่อฟังคำพูดของถังเฉา หวางเจี๋ยก็หัวเราะเยาะแล้วพูด “ยังคิดจะกลับไปอีก………หากไม่มีอะไรผิดพลาด นายน่าจะต้องนอนที่โรงพักอีกหลายคืนเลยล่ะ”
“หรืออาจจะเป็นครึ่งชีวิตที่เหลือ”
หวางเจี๋ยพูดขู่
ถังเฉายิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นาน รถก็ได้มาจอดที่สถานีตำรวจ
คืนนี้ที่สถานีตำรวจ สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ห้องทำงานทุกห้องไฟยังสว่างอยู่ อีกอย่างทุกทางเข้าออก ล้วนยืนเต็มไปด้วยคนที่สีหน้าเคร่งขรึม
หวางเจี๋ยคุมตัวถังเฉาเดินเข้าไปในสถานีตำรวจ
ไฟทางเดินในอาคารมืดสลัว ตรงกลางเป็นห้องสอบปากคำ มีเพียงหลอดไฟสีขาวหลอดเดียว ส่องประกายระยิบระยับ แทงตาคน
หวางเจี๋ยสอบสวนถังเฉาด้วยตัวเอง ยื่นใบสารภาพผิดไปตรงหน้าของถังเฉา
“ดึกมากแล้ว ก็ไม่ต้องมาเสียเวลาของกันและกันแล้ว เซ็นชื่อพิมพ์ลายนิ้วมือเถอะ”
ถังเฉากลับไม่มองมันเลยแม้แต่หางตา ยิ้มๆ แล้วถาม “ผมขอดูหลักฐานที่คุณพูดถึงหน่อยได้มั้ย?”
สายตาของหวางเจี๋ยสั่นไหว วินาทีต่อมา แววตาก็เดือดไปด้วยแรงแห่งการฆ่า
“ไอ้หนุ่ม นายมันหาเรื่องตายจริงๆเลยนะ!”
ถังเฉากล่าวอย่างเอ้อระเหย “พวกคุณไม่แม้กระทั่งจะให้ผมดูหลักฐาน จะให้ผมสารภาพผิด? ยังมีอีก ห้องนี้ก็ไม่น่าจะใช่ห้องสอบสวนทั่วไปมั้ง แต่เป็นห้องทรมาน พวกคุณ…….คิดจะใช้วิธีทรมานเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการใช่มั้ย?”
“……”
ด้วยเหตุนี้ สายตาของหวางเจี๋ยยิ่งดุเดือดขึ้นไปอีก
คิดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มคนนี้ยังพอมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ทำปากมุ่ยใส่คนจดบันทึกที่อยู่ด้านข้าง
“เอามันมา”
ในไม่ช้า คลิปวิดีโอคลิปหนึ่งก็ถูกนำเล่นตรงหน้าของถังเฉา
ในคลิปคือถังเฉาเข้าไปในห้องทำงานของเย่หรูอี้ กับภาพที่เจอกับถังหลินโดยบังเอิญ
หวางเจี๋ยดูดบุหรี่อย่างแรงไปหนึ่งที “นายอาศัยจังหวะนี้ ทำเรื่องมิดีมิร้ายต่อคุณเย่ใช่มั้ย? เหมือนกับ………..เมื่อห้าปีที่แล้วที่นายทำกับคุณหลิน?” ทั้งสองคดี สามารถทำพร้อมกัน”
สายตาของถังเฉาแรงฆ่าวับขึ้นมาแล้วก็หายไปในทันที จากนั้นเขาก็ยิ้มจางๆ
“แค่คลิปวิดีโอคลิปนี้ ไม่สามารถมายืนยันว่าผมทำเรื่องอย่างว่า ไม่พอแม้กระทั่งให้พวกคุณพาฉันมาที่นี่ พวกคุณกลับใช้คุณตั้งมากมายมาทำเรื่องนี้ กระทั่งทำให้คนในเยี่ยนจิงแตกตื่น ให้ผมลองเดา……”
ถังเฉาเบิ่งตาเล็กน้อย จับจ้องอยู่ที่หวางเจี๋ย จู่ๆก็ยิ้มอย่างสดใส “เพราะว่าพวกคุณกลัวว่าสองตระกูลหลวงจะเปิดศึกสงครามกันจริงๆ ก็เลยทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำเรื่องเล็กให้หมดไป ดังนั้นถึงได้รีบร้อนหาแพะรับบาปใช่มั้ย?”
“……”
ชั่วขณะนั้น หน้าผากของหวางเจี๋ยก็มีเหงื่อออกแล้ว
ถังเฉา กลับพูดแทงใจดำเขา