เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 790 ยืมสเปิร์มของคุณ
ติ๊กตอก…….
ติ๊กตอก……….
เข็มวิธีนาฬิกาเคลื่อนตัวไปทุกวินาที แต่เวลาก็ยังคงเชื่องช้า
ค่ำคืนนี้ มันยาวนานเหมือนกับหนึ่งทศวรรษ
ค่ำคืนที่นอนไม่หลับ ก็ต้องมีคนนอนไม่หลับเป็นจำนวนมาก
ณ หย่วนหยางกรุ๊ป ห้องทำงานของประธาน
เย่หรูอี้ที่สวมชุดทำงานก็มีเสน่ห์ที่พิเศษไปอีกแบบหนึ่ง เช่นเดียวกันกับโต๊ะทำงานของเธอตั้งอยู่ข้างบานหน้าต่างขนาดใหญ่ และเธอเพียงแค่เอียงศีรษะเล็กน้อย ก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกแบบพาโนรามา
ตอนนี้ เธอก็เห็นรถที่เร่งรีบคันแล้วคันเล่า ขับมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน
ฉูบ ฉูบ ฉูบ!
ตู๊ม ตู๊ม ตู๊ม!
ในเวลาเดียวกัน ก็มีปืนใหญ่ถูกยิ่งขึ้นบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ระเบิดกลางท้องฟ้าที่มืดมิด
ฉูบ ฉูบ ฉูบ!
ไม่ไกลนัก เฮลิคอปเตอร์หลายลำบินไปข้างหน้า และหายวับไปอย่างรวดเร็ว
ภาพนี้ เย่หรูอี้ไม่ได้แปลกใจเลย แววตายังคงสงบ
“ท่านประธาน มีแขกมาขอพบ”
เวลานี้ ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา เลขาเดินเข้ามาอย่างสุภาพ
“ให้เธอเข้ามาเถอะ”
เย่หรูอี้ราวกับว่ารู้แล้วว่าใครที่ต้องการพบตัวเอง กล่าวด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง
เลขาพยักหน้า ออกไปทันที
ไม่นานนัก เสียงกระแทกดังขึ้นหนึ่งที ประตูห้องทำงานถูกคนผลักอย่างแรง
คนที่ผลักประตูดูเหมือนจะอยู่ในสถานการณ์ที่โกรธจัด โดยใช้บานประตูเป็นตัวช่วยระบายความโกรธ เสียงแทะๆดังอย่างต่อเนื่อง
เสียงเดินของรองเท้าส้นสูงที่เร่งรีบดังมา ตรงหน้าของเย่หรูอี้ ก็ปรากฏขึ้นด้วยผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าที่สวยงามเยือกเย็นดั่งภูเขาน้ำแข็ง
ผ้าก๊อซหนาถูกพันรอบหน้าผากของเธอ และมีรอยเลือดที่มองเห็นได้อย่างจางๆภายใต้ผ้าก๊อซสีขาวที่ขาวเหมือนหิมะ
“คุณบาดเจ็บเหรอ”
เย่หรูอี้มองหลินชิงเสว่ จู่ๆก็ยิ้มขึ้นมาทันที
“มันไม่สำคัญ”
หลินชิงเสว่พยายามระงับไฟโกรธในใจเธอ นั่งลงตรงหน้าของเย่หรูอี้ กล่าวอย่างเย็นชา “ทำให้มันมีสภาพการณ์แบบนี้ คุณพอใจแล้วหรือยัง?”
เย่หรูอี้ตกอยู่ในความเงียบทันที และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ในแง่ของความรู้สึกดีๆกับตัวเอง ฉันพอใจมาก นอกจากลั่วเย่นหัวเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถสร้างความโกลาหลอลม่านในเยี่ยนจิงได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของหลินชิงเสว่ยิ่งเย็นชามากขึ้น สายตาที่คมดั่งมีดจับจ้องอยู่บนหน้าเธอ “ดังนั้น คุณยอมรับแล้วว่าคุณเป็นคนทำ?”
“อะไรที่ฉันทำ?”
เย่หรูอี้มองเธอเหมือนผู้บริสุทธิ์ แล้วถามกลับ “ฉันไม่ได้ยอมรับเสียหน่อย ก็แค่โยนอิฐออกไปหนึ่งก้อน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถล่อหยกชิ้นใหญ่ขนาดนี้ได้ เห่อๆ คุณมองคนในแง่ดีเกินไปแล้ว”
“……”
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ หลินชิงเสว่ก็ตกอยู่ในความเงียบ
มันก็จริง วันนี้ที่สถานการณ์มันวุ่นวายขนาดนี้ มันเป็นเพราะฝีมือของเย่หรูอี้คนเดียวเหรอ?
แน่นอนจะมาเหมาว่าเธอทำทั้งหมดนั้นคงไม่ได้
คนเรามีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา สำหรับในเรื่องเดียวกัน มีความคิดที่ไม่เหมือนกัน
ก็เหมือนกับที่เย่หรูอี้พูด โยนอิฐเพื่อล่อหยก (ใช้กุ้งฝอยตกปลากะพง)
เธอแค่สร้างความปั่นป่วนเล็กน้อย แต่ถังหลินกลับทำเรื่องให้ครึกโครมใหญ่โต? เพื่ออะไร?
ก็เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อหน้าตา
กลับเปิดการโหมโรงของความโกลาหลนี้
เมืองเยี่ยนจิงทั้งเมือง โกลาหลไปโดยสิ้นเชิง
มีพวกที่กำลังยุ่งมาก มีคนที่คอยดูไฟจากอีกด้านหนึ่ง มีพวกที่แสวงหาผลประโยชน์ และ…..พวกที่แก้แค้น
แปะ แปะ
แปะ แปะ
เย่หรูอี้หัวเราะขึ้นมาเบาๆ ปรบมืออย่างเบาๆ ถอนหายใจออกมาจากใจ “วิเศษมาก วิเศษมากจริงๆ เก้าตระกูลใหญ่ในเยี่ยนตู ดำรงอยู่นานพอแล้ว ได้เวลา…สับไพ่ใหม่แล้ว”
“ฉันใช้เลือดของฉันในการแสดงความรัก เสียสละการแต่งงาน สามารถได้ดูเรื่องสนุกๆแบบนี้ ฉันไม่ขาดทุนเลย”
เพี้ยะ!
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด แก้มของเย่หรูอี้ก็ถูกตบอย่างแรง
หลินชิงเสว่ทนไม่ไหวแล้ว ใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ใบหน้าของเธอ
“บ้าไปแล้ว”
หลินชิงเสว่ที่แววตาขุ่นมัว ด่าอย่างเกรี้ยวกราด
เย่หรูอี้ไม่หลบไม่หลีก ให้หลินชิงเสว่ตบหน้าอย่างจัง
การตบครั้งนี้ทำให้มุมปากของเธอแตก และเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมา ทำให้เธอดูน่ากลัวราวกับเพิ่งดื่มเลือดของมนุษย์
“ฮ่าๆๆๆๆ……..”
เธอมองหลินชิงเสว่ กลับหัวเราะอย่างคนที่สติมีปัญหา
“คุณพูดถูก ฉันมันบ้าไปแล้ว หากต้องการมีชีวิตต่อ มันก็ต้องบ้า คุณสูงส่ง คุณมีฐานะที่สูงศักดิ์ ดังนั้นจึงรังเกียจที่จะทำแบบนี้ แต่ฉันไม่เหมือนกัน”
เสียงหัวเราะหยุดชะงักไปทันที ดวงตาของเย่หรูอี้ประกายด้วยความบ้าคลั่ง และใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวในทันที
“ฉันเกิดมาก็ไม่ใช่คุณหนูผู้สูงศักดิ์ ฐานะฉันต่ำต้อย เป็นคนต่ำต้อย ใครๆก็สามารถมาเหยียบย่ำได้ ตอนเด็กฉันก็รู้แล้วว่าหากอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อในโลกที่คนกินคน ก็ต้องโหดเหี้ยมกว่าคนอื่น ฉันไม่ต้องการความรักความผูกพัน เพราะมันคือตัวถ่วง มันคือภาระ!”
“โลกนี้เป็นมันอย่างนี้ตั้งแต่แรก ฉันเพียงแค่ผลักดันมันเล็กน้อย เพื่อแสดงโฉมหน้าที่แท้จริงให้โลกเห็น ฉันผิดอะไร?”
มองดูเย่หรูอี้ที่กำลังบ้าคลั่ง หลินชิงเสว่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว และก็ไม่กลัว เพียงแค่พูดด้วยสายตาที่เฉยเมย “ฉันไม่สนใจว่าคุณจะบ้าแค่ไหน จะโหดร้ายแค่ไหน มีเงื่อนไขเดียวเท่านั้น แค่อยู่ห่างจากเขา!”
“ดูเหมือนฉัน จะไม่ได้แทรกแซงความสัมพันธ์ของพวกคุณนะ?”
เย่หรูอี้พูดด้วยสีหน้าแปลกๆ “เขาเห็นฉันเป็นเหมือนศัตรูและมิตร ฉันมีความสุขที่ถูกปฏิบัติเช่นนี้ ถ้าหากคุณต้องการคิดกับฉันในด้านนั้น ฉันก็ไม่ช่วยไม่ได้”
หลินชิงเสว่ไม่ได้โต้ตอบ และสายตาได้มองลงไปอย่างต่อเนื่อง ไปหยุดอยู่บนลำคอของเย่หรูอี้
“เขาทำอย่างนั้นกับคุณจริงๆเหรอ?” เธอถาม
เย่หรูอี้รู้สึกละอายใจไปชั่วขณะ แต่ความทะเยอทะยานอันแรงกล้าที่อยากจะชนะ ทำให้เธอถามกลับไปอย่างไม่อยากแพ้ “ทายดูสิ?”
“งั้นก็ไม่ได้ทำ”
หลินชิงเสว่พูดด้วยสีหน้าที่สงบ “คุณสามารถหลอกทุกคนได้ แต่คุณไม่สามารถหลอกฉันได้”
แววตาของเย่หรูอี้มืดมนลง “คุณรู้ได้ไงว่าไม่ได้ทำ?”
หลินชิงเสว่ไม่พูดอีกเลย หันหลังเดินจากไป
“หลินชิงเสว่”
เย่หรูอี้ตะโกนตามหลังของเธอ คำรามเสียงดัง “ฉันไม่ยอม!”
หลินชิงเสว่หันหน้ามองไป เห็นเย่หรูอี้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าดุร้าย
“ขอโทษ”
แม้ว่าหลินชิงเสว่ไม่รู้ว่าตัวเองทำไมถึงขอโทษ แต่เธอก็ยังขอโทษ
เรื่องความรัก ใครถูกใครผิด ใครเป็นมือที่สามในชีวิตคู่ แล้วใครจะพูดมันได้ชัดเจนล่ะ?
“ฉันจะขอสเปิร์มกับเขา จากนั้นจะมีลูกของพวกเรา”
เย่หรูอี้กล่าว “อย่างนี้แล้ว ก็เท่ากับฉันก็เคยได้เขา”
หลินชิงเสว่หยุดฝีเท้าลง จากนั้นแววตาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา
“คุณกล้าขอ ฉันก็กล้าที่จะทำให้มันแท้ง”
เธอกล่าวอย่างเย็นเยือก “ไม่ว่าเด็กหนึ่งคน หรือสองคน จะทำให้มันแท้งไปทั้งหมด ฉันไม่ได้พูดเล่น”
ขณะนี้ บนตัวของหลินชิงเสว่เปล่งพลังที่แข็งแกร่งออกมา พลังนี้ดูเหมือนจะเหนือกว่าเย่หรูอี้
เย่หรูอี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ รอหลินชิงเสว่จากไปแล้ว เธอก็ค่อยๆทรุดตัวลงตามกำแพง
ซึมเซาไปเพียงชั่วครู่ สายตาของเธอก็เย็นชาขึ้นมาอีกครั้ง
“ได้เวลาเก็บงานแล้ว”
เธอมองไปออกไปข้างมองเยี่ยนจิงที่กำลังปั่นป่วน บ่นพึมพำคนเดียว
“เย่จงซือ จ่ายราคาที่ต้องจ่ายมาเถอะ”
……
อีกฝั่งหนึ่ง หน้าประตูสถานีตำรวจ
หวางเจี๋ยรับสายสายหนึ่ง จากนั้นแววตาก็สั่นไหว และยืนตัวตรง
“ครับ!”
ตอบรับไปหนึ่งคำ เขาก็วางสาย รีบผลักประตูเข้าไป นั่งลงตรงหน้าของถังเฉา แล้วพูด “รีบรับสารภาพเถอะ นายใหญ่ได้มาถึงแล้ว”