เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 792 รันทดถึงขีดสุด
“…”
ทั้งหมดของทั้งหมด ไม่มีใครที่ไม่สะเทือนใจอย่างล้ำลึกและสั่นสะเทือนภายในใจและทัศนคติทั้งสามด้านของหนิงซ่านหู่!
เดิมทีเขายังคิดว่าตระกูลหลินมาก็ถือว่าอยู่ยอดสุดแล้ว
ถึงอย่างไรถังเฉาก็เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านของตระกูลหลิน ต่อให้ไม่ถูกยอมรับ แต่ก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลหลิน ไม่รักษาหน้าก็ไม่ได้
แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือตระกูลลั่วแห่งตระกูลหลวงเองก็มาแล้ว
คนที่มายังเป็นราชินีแห่งเยี่ยนจิงที่ทรงอิทธิพลเมื่อยี่สิบปีก่อน… จะต้องรู้ว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนหนิงซ่านหู่ยังเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ธุรการอยู่เลย ด้วยอิทธิพลแล้วจะเทียบกับลั่วเย่นหัวได้อย่างไร?
นี่ยังไม่จบ
ต่อจากตระกูลหลินและตระกูลลั่ว ตระกูลหลงและตระกูลเจียงเองก็มาแล้ว
หญิงสาวที่บัญชาตระกูลเจียงนั้น หนิงซ่านหู่ไม่รู้จัก แต่ผู้ชายผมสีเงินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้น เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก!
ผู้บ้าการแพทย์แห่งเยี่ยนจิง!
การที่ตระกูลเจียงมีชื่อเสียงในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ ๆ จะต้องยกคุณงามความดีให้กับผู้บ้าการแพทย์เจียงสือเหนียน!
ไม่พูดถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ คนใหญ่คนโตมากกว่าครึ่งในเยี่ยนจิงล้วนแต่เคยได้รับการรักษาจากผู้บ้าการแพทย์ ได้รับการยืดอายุขัยก็เสพความสุขในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น
ใครล่วงเกินผู้บ้าการแพทย์ก็เท่ากับล่วงเกินผู้มีอำนาจและมั่งคั่งอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเยี่ยนจิง!
ส่วนตระกูลหลง!
คนที่มาก็ยิ่งร้ายกาจ!
เมื่อมองดูคนชราผมหงอกขาวที่ยิ่งใหญ่ที่ภาคภูมิใจเมื่อฝันกลับไปยังอดีตที่เก่งกาจนั่น ขาทั้งสองข้างของหนิงซ่านหู่ก็ล้วนแต่สั่นเทา
เหงื่อเย็นเม็ดโตเท่าเมล็ดถั่วผุดขึ้นบนหน้าผาก แทบจะเป็นลมไปแล้ว
เจ้ามังกรสมัยแรกตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา ข้ามผ่านเวลามากว่าครึ่งศตวรรษ รู้เห็นความอ่อนแอและความรุ่งโรจน์ของต้าเซี่ย!
หนึ่งถ้อยคำขับเคลื่อนประเทศให้รุ่งโรจน์ หนึ่งวจีกำหนดสี่ทิศ!
ต้าเซี่ยที่มีท่านเจ้ามังกรอยู่ไม่มีใครสามารถยุแหย่ได้!
ตั้งแต่หลังจากที่ท่านเจ้ามังกรส่งไม้ต่อให้กับเจ้ามังกรยุคใหม่ก็อยู่อย่างสันโดษ มีเพียงช่วงเวลาที่ประเทศชาติตกอยู่ในอันตรายเท่านั้นถึงจะปรากฏตัวออกมา
ทำไมตอนนี้ถึงได้ออกมาได้?
ห่างกันไกลมาก หนิงซ่านหู่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ผนึกอากาศเอาไว้ กดดันจนเขาหายใจไม่ออก
ท่านเจ้ามังกรถือไม้เท้าเดินเข้ามา ถึงแม้ว่าด้านหลังจะไม่มีบุคคลใด ๆ มีเพียงเด็กสาวที่อายุเพียงสิบแปดปีคนหนึ่งประคองอยู่
แต่ว่ายังคงมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวให้กับผู้คนเหมือนกับกองทัพที่แกร่งกล้าเกรียงไกร
เด็กสาวที่ประคองอยู่ก็คือหลงเจียเจีย หลานสาวแท้ ๆ ของท่านเจ้ามังกร
“หัว… หัวหน้า! รีบดูนั่น!”
“ผู้นำหยางจากสนามรบใหญ่!”
หวางเจี๋ยที่อยู่ข้างหลังก็ใบหน้าขาวซีดไม่กล้าหายใจแรง ล้มลงไปนั่งลงบนพื้นดังตุ้บราวกับมองเห็นคนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างไรอย่างนั้น
หนิงซ่านหู่มองตามไป คาดไม่ถึงว่าสิ่งแรกที่เห็นก็คือไฟส่องฟ้า!
ฟิ้ว ๆ ๆ!
บนท้องฟ้ามีเสียงพายุเฮอร์ริเคนส่งมาเป็นพัก ๆ พอเงยหน้าขึ้นไปมองถึงได้รู้ว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในการสงครามลำหนึ่งที่วนเวียนอยู่บนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ด้านใต้ของเฮลิคอปเตอร์อัดแน่นไปด้วยปากปืนใหญ่ เล็งเป้าหมายด้านล่างเอาไว้อย่างแม่นยำ
ขมขู่จนหนิงซ่านหู่แทบจะสิ้นสติไป
พอจ้องมองดูอีกก็ถูกฉากที่อยู่ตรงหน้าทำให้ช็อกไป!
หยางหลิงเซียวนำพากองกำลังทหารนับหมื่น จัดตั้งเป็นกองทหาร ล้อมพวกเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
กระบวนทัพเช่นนี้เพียงพอที่จะทำลายล้างกำแพงเมืองได้เลย!
พริบตาเดียว หนิงซ่านหู่ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกความน่าสะพรึงกลัวของอันตรายที่วิกฤตมาก ทันใดนั้นเขาก็ตะลึงตาค้างไป
ไม่เพียงแค่พวกเขา แม้แต่พวกของหูอีซาน เซี่ยสิงจู๋ก็สัมผัสได้ถึงความเล็กจิ๋วของตัวเอง
เทียบกับอำนาจอิทธิพลเหล่านี้แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเลื่อนขึ้นมาเป็นตระกูลแนวหน้าของเยี่ยนจิงแล้วก็ยังคงเทียบไม่ติด
“คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนที่มาเพื่อช่วยชีวิตคุณถังหรือ?”
หูอีซานพูดพึมพำกับตัวเอง หูเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ่งคว้ามือของเขาเอาไว้แน่น
รังสีสังหารเข้มข้นเกินไปแล้ว!
เด็กสาวอย่างเธอเช่นนี้ ถ้าหากว่าไม่มีใครคอยประคองไว้ สามารถถูกรังสีสังหารที่เข้มข้นนี้ทำให้ช็อกเป็นลมไปได้ภายในวินาทีเดียว!
“ต้องใช่อยู่แล้ว!”
จ้าวเย็นหรานที่อยู่ข้าง ๆ เชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อสงสัย
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง แต่กลับมีหัวใจที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง
เยี่ยนจิงในคืนนี้วุ่นวายไม่เป็นสุข อำนาจอิทธิพลมากมายและความไม่สงบได้มารวมตัวกัน ณ บัดนี้ มีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น…นั่นก็คือมาเพื่อช่วยชีวิตคุณถัง!
“หยุด!”
หยางหลิงเซียวตะคอกเสียงดังขึ้นทีหนึ่ง จากนั้นสายตาที่ยุ่งเหยิงก็กวาดมองไปทั่วทั้งสถานที่นั้น หลังจากที่มองเห็นเหล่าบรรดาตระกูลหลวงตระกูลหลิน ตระกูลลั่ว ตระกูลเจียง ตระกูลหลงพวกนี้แล้ว เขาก็เข้าไปทักทายด้วยตัวเองเพียงคนเดียว
“ผู้นำหลิน!”
“คุณลั่ว!”
“ครูผู้ฝึกเจียง!”
“ท่านเจ้ามังกร!!”
เสียงดังขึ้นทุกที ๆ ตอนสุดท้ายที่เอ่ยทักทายหลงไป่ชวน เสียงของเขาราวกับเสียงฟ้าร้อง ทั้งยังโค้งกายให้กับหลงไป่ชวนและเจียงไป๋เสว่ต่ำ ๆ หนึ่งครั้ง
ฉากนี้ทำให้พวกของหนิงซ่านหู่และหวางเจี๋ยมองอย่างเอ๋อ ๆ
หยางหลิงเซียวโค้งกายให้กับท่านเจ้ามังกรยังพอว่า ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ว่าการโค้งกายให้กับเจียงไป๋เสว่นั้น ก็ดูเหมือนจะว่าไม่ได้แล้ว
เจียงไป๋เสว่ยังเยาว์ขนาดนี้ งดงามขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้หยางหลิงเซียว ผู้นำของสนามรบใหญ่โค้งกายให้ได้?
จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับสนามรบเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งหัวหน้าหยางยังเรียกว่าเป็นครูผู้ฝึกอีก เดาออกได้ไม่ยากว่าทำงานตำแหน่งประเภทครูผู้ฝึก
“หนิงซ่านหู่!!!”
นาทีต่อมา หยางหลิงเซียวก็ตวาดเสียงดัง
ทันใดนั้นสถานการณ์ความไม่สงบก็ปะทุขึ้น รังสีสังหารที่แข็งแกร่งทำให้เขาเกือบจะสลบไป
“ครับ… ครับ!”
หนิงซ่านหู่ไม่กล้าเฉยชา วิ่งเข้าไปหาอย่างรีบร้อน โค้งกายให้กับหยางหลิงเซียวดังฟึ่บพลางเอ่ยขึ้น
“คุณรู้ไหมว่าคุณทำผิดอะไร?”
หยางหลิงเซียวเอ่ยถามด้วยความเดือดดาล น้ำเสียงดุจสายฟ้าฟาด
หนิงซ่านหู่เนื้อตัวสั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ไหนเลยจะมีความน่าเกรงขามเหมือนก่อนหน้านี้
“ผู้นำหยาง… ผมไม่ทราบครับ!”
แสงเย็นยะเยือกในดวงตาของหยางหลิงเซียววาบขึ้น ตบลงบนใบหน้าของเขาอย่างโหดเหี้ยมหนึ่งที
“จับผิดคนแล้วยังไม่รู้อีกว่าตัวเองทำผิดอะไร รนหาที่ตายแท้ ๆ!”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา หนิงซ่านหู่กับหวางเจี๋ยที่อยู่ข้างหลังก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ทรุดลงไปนั่งบนพื้นราวกับถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างไรอย่างนั้น
“ท่าน… ท่านพูดอะไรครับ?”
“จับ… จับผิดคน?”
หนิงซ่านหู่เบิกตาโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หวางเจี๋ยที่อยู่ด้านหลังกลับสำนึกได้แล้วหันกลับไป หวาดกลัวจนถึงขีดสุด
“นะ… นายท่าน ท่านหมายถึงคนที่ขังอยู่ข้างในหรือครับ?”
“ใช่สิ! ยังไม่รีบปล่อยคนออกมาอีก!”
หยางหลิงเซียวตบลงบนใบหน้าของหนิงซ่านหู่อีกครั้ง ตบจนเขากลิ้งจากที่เดิมไปหลายตลบทันที
ในตอนนี้ก็มีรถยนต์อีกคันหนึ่งขับเข้ามา เงาร่างงดงามร่างหนึ่งลงจากรถมาอย่างรีบร้อน
ก็คือหลินชิงเสว่
“คุณหลิน!”
“คุณหลิน!”
พวกของหูอีซานกับเซี่ยสิงจู๋พากันทักทาย
หลินชิงเสว่พยักหน้า จากนั้นก็พรวดพราดเข้าไปหาลั่วเย่นหัวโดยตรง “เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
สายตาของลั่วเย่นหัวมองไปยังที่ที่ไม่ไกล หัวเราะเย็นชา “ดูเหมือนว่าลูกเขยของฉัน… ต่อให้ฉันไม่ลงมือก็ไม่แน่ว่าจะไม่เกิดเรื่องหรอกนะ…”
หลินชิงเสว่มองไปตามเสียงแล้วก็ถูกฉากที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตกตะลึงไปทันที
เดิมทีเธอเพียงแค่คิดจะใช้ภูมิหลังของตระกูลหลินและตระกูลลั่วมาสร้างแรงกดดันมหาศาลให้
แต่ดูจากการสงครามนี้แล้ว ดูเหมือนจะไม่ต้องการเธอ…
“คุณถังอยู่ที่ไหน?!”
หยางหลิงเซียวตวาดเสียงดัง เส้นเลือดลุกลามขึ้นในดวงตา
หนิงซ่านหู่ตกใจจนวิญญาณหลุด ชี้ไปด้านในด้วยเนื้อตัวสั่นเทา “อยู่… อยู่ข้างในครับ!”
ปัง!
นาทีต่อมาหยางหลิงเซียวก็พากองกำลังทหารพุ่งเข้าไปโดยตรง
หลินชิงเสว่ก็พรวดพราดตามเข้าไปด้วย ทว่าสิ่งที่มองเห็นกลับเป็นเพียงห้องคุมขังที่ปิดสนิท
อุณหภูมิข้างในหนาวยะเยือก ลดลงถึงติดลบยี่สิบองศา เงาคนร่างหนึ่งไม่ไหวติงเหมือนกับถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง
“ถังเฉา…”
หลินชิงเสว่กรีดร้องออกมาครั้งหนึ่ง ทรุดตัวร้องไห้อยู่หน้าห้องคุมขัง
ความเศร้าโศกของน้ำเสียงนั้นราวกับนกแขกเต้าที่ร้องไห้ออกมาเป็นเลือด