เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 812 ก่อนรุ่งสาง
เวลาตีสอง อีกสิบสี่ชั่วโมงจะถึงเวลาดองกันระหว่างตระกูลถังและตระกูลเย่
ถังหลินไปทำแผลหลังหัวที่โรงพยาบาล กลับไปที่ตระกูลถังทั้งหน้าตาสะบักสะบอม ไม่นานนักก็เข้าห้องนอน
สภาพของถังหลินนั้น ถูกรายงานให้กับผู้นำตระกูลถังในตอนนี้ ถังฮันเจี๋ย โดยสายสืบ
หลังจากที่รู้ว่าถังหลินเกือบจะข่มขืนเย่หรูอี้บนดาดฟ้าของบริษัทตระกูลซ่ง ถังฮันเจี๋ยขมวดคิ้วเป็นปม เม็ดเหงื่อเย็นผุดออกมาเต็มหน้าผาก และชุ่มหลังจนเสื้อเปียกไปหมด
ตอนที่เขาจะยืนขึ้น ก็พบว่าแขนขาตัวเองเย็นเยียบ ขยับไม่ได้
อีกนิดเดียว
อีกนิดเดียวถังหลินก็จะทำให้ตระกูลถังต้องเจอกับเคราะห์ร้าย
ที่จริง หลังจากตระกูลถังยอมศิโรราบแด่ถังเฉาแล้ว ปฏิกิริยาแรกของถังฮันเจี๋ยก็คือจะยกเลิกการหมั้นกับตระกูลเย่
เพราะการหมั้นนี้ละเอียดอ่อนเกินไป!
เย่หรูอี้เป็นใคร?
เมียเก่าของถังเฉา!
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นเมื่อห้าปีก่อน ถังเฉาและเย่หรูอี้คงได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว
แม้ว่าทั้งสองพลาดกันและกันไป แต่ในใจของถังเฉา เย่หรูอี้มีตำแหน่งที่ไม่มีใครเทียมได้
แต่ถังหลินกลับจะแต่งงานกับเย่หรูอี้ นี่เป็นการทำให้ถังเฉาต้องไม่สบอารมณ์ชัดๆ
ตระกูลถังเหมือนกับยืนอยู่บนน้ำแข็งแผ่นบางที่แหลกสลายได้ทุกเมื่อ พวกเขาตกลงไปในบ่อน้ำแข็งได้ตลอดเวลา
เขาเคยถามคุณปู่ของตัวเอง ถังเหนียนหู่ ที่บ้านมีคนเฒ่าคนแก่ดั่งมีของล้ำค่า ท่านมองเห็นในสิ่งที่เขามองไม่เห็นจริงๆ
งานแต่งงานครั้งนี้ ทั้งสองตระกูลรู้ดีกว่าไม่ใช่การดองกันจริงๆ
แต่เป็นน้ำใจที่ตระกูลถังมอบให้ตระกูลเย่
“งานแต่งงานนี้คือสนามรบ”
นี่เป็นคำพูดเดิมของถังเหนียนหู่
ตอนนั้นถังฮันเจี๋ยไม่ได้ถามต่อ ตอนนี้เขาเองก็เริ่มมีความรู้สึกแบบนี้แล้ว
ตอนแรกเย่หรูอี้เสียพรหมจรรย์ในคืนก่อนแต่งงาน จากนั้นถังเฉาโดนจับ รวมถึงถังเฉาไม่อาจดับเพลิงราคะในใจจนลงมือกับเย่หรูอี้—-ทั้งหมดนี้เหมือนเป็นแผนที่ลวงให้คนนับหมื่นเข้าไปติดกับ
ถังฮันเจี๋ยสูดหายใจเข้าลึก สุดท้ายก็ไปหาถังเหนียนหู่
ถังเหนียนหู่ก็ยังไม่นอน
เขากำลังมองรูปถ่ายใบเก่าใบหนึ่งอย่างเลื่อนลอย
ในรูปนั้นเขายังหนุ่มอยู่มาก อยู่กับเด็กสองคน เพลิดเพลินกับความสุขในการเลี้ยงเด็ก
เด็กที่โตกว่าคือถังฮันเจี๋ย
ส่วนคนที่เด็กกว่าก็คือถังหลิน
ถังเหนียนหู่มองรูปถ่ายใบนั้นราวกับตกอยู่ในภวังค์ รู้ว่าถังฮันเจี๋ยมาก็ไม่ได้หันไปมอง
มองอยู่นานถึงค่อยๆดันรูปออกไป ถอนหายใจยาว
“นิสัยตอนสามขวบจะอยู่จนแก่เฒ่า ตอนเด็กๆก็รู้สึกว่าน้องชายแกผลีผลาม มองอะไรมองแค่ผิวเผิน และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ โตแล้วก็ยังเหมือนเดิม”
ถังเหนียนหู่หันกลับมา มองถังฮันเจี๋ยด้วยรอยยิ้มพลางกล่าว
“แต่แกไม่เหมือนกัน แม้จะมองไม่เห็นแก่นแท้ของเรื่องราว อย่างน้อยก็รู้จักคิดให้ลึก”
“เพราะฉะนั้น ตอนนี้แกได้เป็นผู้นำ ส่วนน้องชายแกกลายเป็นสิ่งที่ตระกูลเสียสละเพื่อการดอง”
“…….”
ถังฮันเจี๋ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มาอยู่ข้างกายคุณปู่ หยิบรูปถ่ายขึ้นมาพินิจพิเคราะห์
พอผ่านอะไรมาเยอะ หันกลับไปมองวันวานอีกครั้งจะรู้สึกทอดถอนใจกับสิ่งต่างๆมากมาย
บัดนี้มาดูรูปถ่ายตอนเด็ก ถังฮันเจี๋ยไม่อาจสงบใจได้อีก
“แกคงไม่รู้ว่า ตอนตระกูลเย่ยื่นข้อเสนอจะดองกัน ตัวเลือกแรกคือแก”
ถังเหนียนหู่ชี้ถังฮันเจี๋ย และบอกยิ้มๆ
“ผม?”
ถังฮันเจี๋ยมีสีหน้าประหลาดใจ
“ถูกต้อง”
ถังเหนียนหู่พยักหน้า พลางกล่าว “ตระกูลเย่ต้องการคนที่ฉลาดหน่อย แต่ฉันปฏิเสธไป สุดท้ายฉันเลยเลือกถังหลิน”
“หลังจากนั้น ก็จัดการให้ถังหลินและเย่หรูอี้พบกัน แต่ก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ถังหลินก็ชอบเย่หรูอี้เข้า”
ถังฮันเจี๋ยมีสีหน้าอึ้งไป เขาตะลึงอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณปู่ ท่านทอดทิ้งเขาหรอครับ?”
ถังเหนียนหู่สายตานิ่งงันไป และสังเกตคำที่ถังฮันเจี๋ยเลือกใช้
ทอดทิ้ง
เงียบไปนาน สุดท้ายถังเหนียนหู่ก็ถอนหายใจ “ประมาณนั้นแหละ ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าตระกูลถังของเราศิโรราบต่อคุณถังแล้ว”
ดูเหมือนถังเหนียนหู่จะไม่อยากพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อนี้มาก เขาโบกมือ “โต๊ะในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้เพิ่มอีกตัวนะ มีแขกพิเศษท่านหนึ่งจะมา”
“แขกพิเศษ?”
ถังฮันเจี๋ยผงะ
“ใช่แล้ว แขกพิเศษ”
ถังเหนียนหู่มองค่ำคืนอันมืดมิด ใบหน้าชรานั่นเปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม เขาพูดอย่างมั่นใจ “เขาต้องมาแน่ๆ!”
…..
คืนนี้มีคนนอนไม่หลับเยอะมาก
สายตรงของตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวงยังไม่นอน แต่รวมตัวกันประชุม
เย่หยวนซาน ผู้เฒ่าแห่งตระกูลเย่ไม่ได้ร่วมการประชุมครั้งนี้ เขาแก่แล้ว ต้องนอน
ตระกูลเย่ในตอนนี้ไม่มีผู้นำ ผู้ใดมีความสามารถผู้นั้นได้เป็น ทว่า ไม่มีใครยอมใคร
การสู้รบเช่นนี้ยืดเยื้อมานานมากแล้ว
เมื่อก่อนเย่เซ่าเตี๋ยและเย่จงซือชิงดีชิงเด่นกัน หลังจากเย่หรูอี้เข้าร่วม ก็กลายเป็นสถานการณ์ที่มีสามหัวเรือใหญ่
เพียงแต่ สถานการณ์เช่นนี้จะกลับมาเป็นสองหัวเรือใหญ่อีกครั้งหลังจากเย่หรูอี้แต่งเข้าตระกูลถังพรุ่งนี้
นาทีนี้ ทุกคนล้อมรอบกองไฟและอยู่ในความเงียบ เย่หรูอี้ที่เป็นตัวการในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเย่
“น้องสาวยังไม่กลับมาอีกหรอ?”
เย่จงซือมองเปลวเพลิงที่โหมกระพืออยู่พลางเอ่ยยิ้มๆ
“ตอนนี้เฝ้าพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาล”
เย่เซ่าเตี๋ยทาเล็บแดง พูดอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อเป็นเช่นนั้น เย่จงซือหัวเราะ “สถานการณ์เช่นนี้ เธอคงจะเป็นคนที่พอใจที่สุด”
“โอ๊ย!”
เย่เซ่าเตี๋ยกลับร้องเสียงหลง มองยาทาเล็บที่ถูกบีบออกมาหมดโดยไม่ทันระวัง คิ้วเรียวตั้งชั้น
“เลิกพูดเรื่องเหลวไหลเวลาที่คนอื่นทาเล็บอยู่ได้มั้ย?”
เย่เซ่าเตี๋ยมองเย่จงซืออย่างเย้ยหยัน “ฉันว่าเทียบกันฉันแล้ว นายเป็นห่วงตัวเองดีกว่านะ น้องสาวของนายไม่ได้จัดการง่ายขนาดนั้นหรอก”
เย่จงซือยิ้มบางๆ “เมื่อก่อนคุณปู่เคยพูดประโยคหนึ่งไว้ ซึ่งฉันว่าถูกต้องมาก เรื่องบางเรื่อง ให้ผู้ชายทำจะดีกว่า เรื่องสงคราม ผู้หญิงกรุณาหลีก”
“……”
คำพูดนี้ทำให้เย่เซ่าเตี๋ยไม่พอใจมาก คนที่สนับสนุนเย่เซ่าเตี๋ยส่วนมากก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน พอได้ยินคำนี้แล้วอารมณ์ปะทุขึ้นมาทันที
กำลังจะอาละวาด เย่เซ่าเตี๋ยก็ข่มพวกเธอไว้ เธอมองเขาอย่างเย้ยหยันและเอ่ย “เลิกอ้างคุณปู่ได้แล้ว ฉันว่าประโยคนี้นายเป็นคนพูดเองมากกว่า”
“พรุ่งนี้ นางเอกของเราไม่ทำให้เราผิดหวังหรอก”
พูดประโยคนี้จบ เย่เซ่าเตี๋ยก็ออกจากศาลบรรพชน
หนึ่งในสองตัวเอกไปแล้วหนึ่ง ศาลบรรพชนตระกูลเย่โล่งขึ้นมาทันใด
เหลือเพียงเย่จงซือคนเดียว
เขามองคำ่คืนอันมืดมิดราวกับตกอยู่ในภวังค์ อยู่ๆก็คลี่ยิ้มกว้าง
“ฉันตั้งตารองานแต่งงานในวันพรุ่งนี้มาก”
…..
ณ ฐานฝึกลับที่ตอนเหนือของเมืองซื่อจิ่ว
เจียงไป๋เสว่กำลังพักผ่อน ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ พอเธอตื่นมาก็พบว่าฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
“ครูผู้ฝึกครับ เขามาแล้ว”
ขณะนั้น ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อนและรายงาน
เจียงไป๋เสว่สายตานิ่งงันไป หมดความง่วงในบัดดล และเดินออกมาด้านนอกฐานฝึก
ก็เห็นว่าหน้าประตูมีรถคันหนึ่งเพิ่มมา ร่างของคนคนหนึ่งที่สวมหน้ากากค้างคาวค่อยๆเดินลงมา