เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 822 จำได้ที่หน้ากาก
จะต้องเหยียบข้ามฉันได้ด้วยกำลังฝีมือ!
ในเมื่อสาวน้อยแสนสวยพราวเสน่ห์หน้าเย็นชาพูดกับคุณแบบนี้ แล้วคุณจะทำยังไง?
แน่นอนว่า มือฆ่าอันดับหนึ่งของโลกที่ผุดขึ้นมาจากกองซากศพอย่างเฟิ่งหวง โดยพื้นฐานจะว่าสวยสาวพราวเสน่ห์นั้นคงไม่น่าจะใช้นิยามได้
แต่ความสวยงามในความเยือกโหดนั้น เป็นอะไรที่ทำให้หวังเชาตื่นใจใคร่อยากได้—หวังเชาไม่เคยรักชอบอะไรเว้นแต่มีความใคร่อยากในการปราบพยศสยบสาวห้าว
ดังคำกล่าวที่ไม่รู้มาจากไหนว่า—ความน่ารักนั้นมีค่าเป็นศูนย์ในความเซ็กซี่
หวังเชาก็ว่าคำพูดนี้พูดได้ถูกต้องดีมาก
ร่างสูงโปร่งของเฟิ่งหวง หุ่นสวยอย่างลงตัว กอปรกับหน้าตาที่เย็นชาเหมือนเชิดไล่คนให้ไปห่างพ้น และมาพูดย้ำอย่างหนาวเหน็บว่า
จะต้องเหยียบข้ามฉันได้ด้วยกำลังฝีมือ สมบูรณ์แบบในการสนองความใคร่อยากสยบสาวห้าวของหวังเชา
พีสาวสวยโหดร้ายมันจะมีความคิดร้ายอะไรตรงไหน?
หวังเชาให้รู้สึกรื่นอารมณ์เบิกบาน ทำหน้าทะเล้นยื่นมือออกไป ตั้งใจลูบแก้มเนียนละมุนของเฟิ่งหวง
“น้องคนสวย กำลังฝีมือของข้านั้นเธอวางใจได้ รับรองจะ ‘เหยียบสยบ’เธอได้แน่ ๆ….”
เห็นภาพข้างหน้านี้แล้ว แม้ถังเฉาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเขม่นในตาอย่างรุนแรง
เฟิ่งหวงอุตส่าห์ตั้งใจพูดตรง ๆ กับเงื่อนไขในการที่จะเป็นคู่รักกันได้ แต่กลับถูกมองเป็นการพูดเรื่องลามกอยู่—ไอ้นี่มีการตอบสนองของสมองไปทางพิลึกแบบไหนกัน ถึงได้คิดไปในทางบัดสีได้?
แววตาของถังเฉาพลันเปลี่ยนให้เห็นถึงความรู้สึกสมเพช อีกชั่วครู่คงได้เห็นเลือดสาดกันเป็นแน่
แต่ว่าหวังเชายังไม่รู้สึกสะกิดใจ คงยังหัวเราะเดินเข้าไปลูบแก้มสวยของเฟิ่งหวง
“โอ้ย…….”
และแล้วในชั่วเพียงวินาทีต่อมา ในบริเวณงานพลันเกิดเสียงแผดร้องเหมือนหมูถูกเชือดดังลั่น
ช่วงเพียงมือของหวังเชากำลังจะสัมผัสถูกแก้มของเฟิ่งหวง เฟิ่งหวงคว้าจับแขนของเขา ใช้กำลังบิดอย่างแรง
เสียงดังเพียงแคร๊ก ปรากฏเห็นมือของเขาพลิกกลับในมุม 180 องศา
ปัง!
เ พ ล้ ง !
ตามมาด้วย หวังเชาถูกเฟิ่งหวงเตะอย่างแรง ลอยกระเด็นออกไปชนเข้ากับแผงกระจกราคาแพง ม่านกระจกสลักลายสวยวิจิตรพลันแตกละเอียดด้วยแรงกระแทกของตัวหวังเชา
เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น พลันดึงดูดเอาความสนใจจากแขกเหรื่อทั้งหมดที่มาในงาน
แต่ละคนต่างหันไปมองอย่างประหลาดใจ เห็นหวังเชานอนกองลุกไม่ขึ้นอยู่กับพื้น พากันฮือฮาหายใจกันไม่ทั่วท้อง
นั่นมันใครกัน กล้าดียังไงมาตีกันในงานแต่งงานของสองตระกูลหลวง?
นี่มันจะไม่ให้เกียรติกันเลยหรือ?
“ลูก!”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องอย่างปวดใจดังมาจากด้านลึกเข้าไปของบริเวณงาน
หญิงสูงศักดิ์ร่างอวบในผ้าต่วนชุดจีนวิ่งเข้ามากับเสียงร่ำไห้ ถลาล้มลงกระเสือกกระสนเข้าไปข้าง ๆ ตัวหวังเชา
เมื่อเธอเห็นแขนที่บิดเบี้ยวอย่างมากของหวังเชานางก็ร้องไห้และตะโกนทันที
“ใคร?ใครทำลูกหัวแก้วหัวแหวนฉันถึงขนาดนี้?”
ตามมาด้วย คนกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามา คนหน้าเหลี่ยมวัยกลางคนคนหนึ่งมองดูสภาพแล้ว สีหน้าพลันเครียดลง
“ยังมีทางรอด รีบส่งโรงพยาบาล!”
พ่อของหวังเชานั้นเอง หวังเจี้ยนหลู้สั่งคำออกไปเสียงเข้ม
ด้วยความรวดเร็ว เจ้าพนักงานของโรงแรมเข้ามาถึง หามตัวหวังเชาขึ้นอย่างตื่นตระหนก จัดการต่อโทรศัพท์ตามรถพยาบาล
บริเวณจัดงานที่กว้างใหญ่ของโรงแรม เงียบกริบ
สายตาทุกคู่ รวมศูนย์เป็นจุดเดียวที่ถังเฉากับเฟิ่งหวงที่นั่งในห้องโถง ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสะทกสะท้าน
ในบริเวณทั้งงาน ทั่วไปล้วนคุยสันทนาการกันด้วยเป็นคนมักคุ้น มีก็เพียงคนแปลก ๆ ที่ใส่หน้ากากนั่นกับเฟิ่งหวง นั่งกันอยู่นอกวง
คนร้ายก็คือทั้งสองคนนั่น!
ภายใต้การจ้องมองจากสายตามากมาย เฟิ่งหวงไม่เพียงไม่มีอาการหวั่นหวาด กลับวางตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประคองกาน้ำชาหลงจิ่ง บรรจงรินใส่แก้วให้ถังเฉา
“ท่านรองหัวหน้า ดื่มน้ำชาค่ะ”
บรึม!
ภาพที่ปรากฏนั้น กระแทกกระทั้นอย่างแรงต่อสายตาทุกคนที่อยู่ในบริเวณ
หัวใจของแต่ละคนเต้นแรงผิดปกติ ดั่งจะแตกระเบิดปานนั้น
ไอ้สองคนนี้ ท่ามกลางคนมากมาย ทำร้ายทายาทคนเดียวของตระกูลหวังไปต่อหน้าต่อตา
ยังไม่รู้สึกตกตื่นผวากลัวหดหางหนีไปให้ไกล กลับยังกล้าวางตัวท้าทายขนาดนี้
ในขณะที่ทุกคนล้วนได้สัมผัสถึงความโกรธเกรี้ยวของผู้นำตระกูลหวัง-หวังเจี้ยนหลู้ กับภรรยาของเขา-ถานหลี้
“ไอ้หนู ให้แม้ว่าลูกข้าจะมีการเสียมารยาทในตอนเริ่มต้น แต่มันก็ไม่น่าต้องลงมืออย่างหี้ยมโหดขนาดนี้มั้ง?”
หวังเจี้ยนหลู้ เก็บกดระงับไฟโกรธ มองหน้าถังเฉา พูดเสียงขรึม
“แก…นังแพศยา แกกล้าดียังไงมาทำร้ายลูกข้า?ข้าจะไม่ปล่อยแกแน่!”
ถานหลี้ที่ร้องไห้คร่ำครวญไปพักใหญ่ จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นตะคอกใส่เฟิ่งหวงอย่างบ้าคลั่ง
“ไปตายซะ…….ข้าจะให้แกไปตาย!”
ถานหลี้ ตะคอกใส่ในอาการออกฮิสทีเรีย แต่ก็ไม่กล้ารุกเข้าหา
หล่อนแม้จะโกรธจัด แต่สมองยังไม่ได้ถูกไฟโกรธบดบัง
ถ้าพวกเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไป หล่อนคงไม่ลังเลที่จะสั่งคนจัดการเอาสองคนนี้ให้ถึงตายไปแล้ว
แต่ดูท่าทางแล้วสองคนนี้คงไม่ใช่
และแต่ละคนก็ไม่ใช่คนโง่
วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของตระกูลเย่ กับตระกูลถัง สองตระกูลหลวง ต่อให้เป็นลูกหลานสายตรงตระกูลหลวงแท้ ก็คงไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่อง ไอ้เจ้าหนุ่มคนใส่หน้ากากคนนี้ เรียบสงบเฉยนิ่งท่วงท่าสบาย ๆ ดูทีคงจะมีที่มาไม่ธรรมดา
ก่อนจะรู้ข้อเท็จจริงในสถานะของเขา หวังเจี้ยนหลู้คงยังจะไม่คิดทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป
ทว่า เฟิ่งหวงเพียงชายตามองพวกเขาอย่างชาเย็น ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย
ส่วนถังเฉา ยิ่งกว่านั้นไปอีก แม้แต่ตายังไม่ได้เหลือบขึ้นมองเลย ตั้งแต่ต้นคงนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์
“แก!”
เห็นพวกเขาถึงขนาดมองไม่เห็นการมีตัวตนของตัวเอง หวังเจี้ยนหลู้ กับถานหลี้ ยิ่งโกรธจัดหนักขึ้น
“ดีละ การมาก่อกวนหาเรื่องในงานมงคลใหญ่ของตระกูลเย่กับตระกูลถัง แกจะต้องได้รับผลอย่างคุ้มค่า!”
หวังเจี้ยนหลู้โกรธจนหน้าคล้ำเขียว รุดออกจากพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่ใช่เขาจะจากไป แต่กลับเป็นการไปนำเอาคนเข้ามากลุ่มหนึ่ง
ถังเฉาปรายตามองไป พลันส่งเสียงหัวเราะออกมา
กลับกลายเป็นไปชักนำเอาคนตระกูลหลวงตระกูลเย่เข้ามา
ตระกูลหวังเป็นตระกูลในอานัติของตระกูลเย่ หวังเชาถูกทำร้ายหมดสภาพ หวังเจี้ยนหลู้ย่อมต้องไปหาคนตระกูลเย่มาช่วยออกหน้า
คนที่นำหน้ามานั้น เป็นหนุ่มหน้าเข้มขรึม หุ่นสูงสมาร์ท
เย่จงซือ
เฟิ่งหวงก็ปรายตามองไปเหมือนกัน แจงอธิบายว่า “ตระกูลหวัง ได้รับการสนับสนุนขึ้นมาโดยเย่จงซือ จึงฟังแต่คำสั่งของเย่จงซือ”
“เป็นอย่างนี้เองนะ”
ถังเฉาก็เพิ่งรู้แจ้งชัด แต่ก็ไม่มีทีท่าจะต้องหวาดวิตก ยังคงรอยยิ้มเรียบ ๆ อยู่ภายใต้หน้ากาก
“พวกแกนี่นะ ที่มากวนก่อเรื่องในงานมงคลของตระกูลเย่ของข้า?”
เย่จงซือมาอยู่ตรงหน้าถังเฉา สีหน้าเย็นเยือกจนแทบจะมีไอระเหยออกมา
แต่ทว่า ถังเฉาก็เพียงเงยหน้าขึ้นเนือย ๆ ยังคงไม่พูดไม่จา
“แม่มึงนี่ ยังมาแกล้งทำเซ่อ?”
ชายหนุ่มเลือดร้อนหลายคนที่ตามเย่จงซือมากลั้นอารมณ์ไม่อยู่ เตรียมจะสั่งลงมือลุย
เย่จงซือกลับเลิกคิ้วขึ้น ห้ามพวกเขาเอาไว้
ตัวเขาเองเดินเข้าไปหาถังเฉา มองอย่างละเอียดที่หน้ากากของเขา แล้วหัวเราะขึ้นมา “คุณคนนี้ ดูเหมือนคุ้นกันมากนะ เราน่าจะเคยพบกันที่ไหนมาสักแห่ง?”
ถังเฉาก็หัวเราะ “ใช่หรือ ข้าทำไมไม่เห็นรู้สึกคุ้นเลย?”
“…….”
เย่จงซือสีหน้าเครียดลง ถามว่า “คุณเป็นใครกันแน่?กล้าจริงถอดหน้ากากออก เอาหน้าตาแท้จริงออกมาให้เห็น ๆ กัน”
ถังเฉาหัวเราะคิ๊ก ไม่ตอบอะไร
เย่จงซือกลับเพ่งมองไปที่หน้ากากของถังเฉา สีหน้าดู ๆ ไป ยิ่งดูยิ่งดูแปลก
ฉับพลันนั้น เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้ากลับเปลี่ยนดูไม่จืด
“หน้ากากอันนี้………คุณ คุณคือเจ้ามังกรที่งานประชุมแดนเหนือ?”