เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 828 สงครามเริ่มต้น
เงียบเชียบจนได้ยินแม้เสียงเข็มหล่นในบริเวณงานแต่งงาน แว่วลอยมาให้ได้ยินแต่เสียงหัวเราะที่นุ่มเนียนของชายหนุ่ม
เคลิ้มสบายดั่งสายลมพาพลิ้วเมฆลอยเอื่อยตามอารมณ์ พานำความสนใจจากทุกคนเข้าหาในฉับพลัน
สายตาทุกคู่ของคนทั้งบริเวณ ตามเสียงไปแถวที่นั่งค่อนไปด้านหลัง ตรงชายหนุ่มที่ใส่หน้ากากคนนั้น
ดูเขานั่งนิ่งปานภูเขาไท่ซานที่แน่นหนักในตำแหน่งที่ตั้ง ด้านข้างยืนเคียงด้วยหญิงสาวในเสื้อผ้าชุดหนังสีดำ สองคนที่ดูเข้ากัน ในฉับพลันนั้นก็ได้พาความรู้สึกกดดันอย่างสุดแสน ยิ่งกับผู้ที่อยู่ห่างจากพวกเขาใกล้มาก ถึงขนาดตื่นผวาที่อยากหนีออกให้พ้นห่าง
“เขานั่นไง!”
ตรงที่แห่งหนึ่งของบริเวณงาน ชายวัยกลางคนหยีตาจนเกือบมิด หวาดผวาอย่างที่สุด
พ่อของหวังไห่ หวังเจี้ยนหลู้นั่นเอง เขาจ้องมองหุ่นร่างถังเฉาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ นิ่งงันไปชั่วครู่ สีหน้าส่อให้เห็นความโหดดุ
ก่อนหน้านี้ทำอะไรเขาไม่ได้ อีกยังถูกคนตระกูลเย่ยกเป็นแขกสูงเกียรติ ตอนนี้กลับกล้ามาก่อกวนในงานแต่งงานของตระกูลเย่กับตระกูลถัง ช่างไม่รู้จักคำที่ว่ารนหาความตาย!
“แล้วนั่นผู้หญิงที่ทำเอาคุณชายตระกูลหลวงตระกูลหวางหมดสภาพ!”
คนบางคนมุ่งความสนใจที่เฟิ่งหวง
หลายคนใส่ความสนใจไปที่เฟิ่งหวง แต่ละคนส่งเสียงให้เห็นถึงความหวาดกลัว
แต่ทว่า ตั้งแต่ต้นมาตลอด เฟิ่งหวงคงสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกยืนอยู่ข้างหลังถังเฉา ไม่ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น
เสียงวุ่นวายในกลุ่มแขกเหรื่อข้างล่าง ได้ทำให้พวกเย่จงซือบนเวทีสังเกตมองลงมา
ทันใดนั้น สีหน้าเย่จงซือเปลี่ยนไปอย่างดูไม่น่าดู
“ท่านนี่เอง…..”
ในก่อนหน้านี้ที่เขาได้จำคนใส่หน้ากากคนนี้ได้ว่า คือ ‘เจ้ามังกร’ ผู้ที่รับมือกับหลินรั่วหวีหัวหน้าตระกูลหลินได้อย่างสูสีในงานประชุมแดนเหนือ ในใจเขาก็ได้เกิดสังหรณ์แล้วว่า คืนนี้เขาคงต้องก่อกวนพิธีแต่งงานนี้เป็นแน่
ไม่คิดเลยว่าเขาจะคาดเดาได้ถูกต้อง ดีว่า เขาได้เตรียมการรับมือไว้พร้อมอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่ถึงกับตระหนกตื่น
“คน ๆ นี้…….”
เย่หรูอี้กับเย่เซ่าเตี๋ยทั้งสองมีสีหน้าเปลี่ยนกลับไปมาอย่างสับสน ความนึกคิดย้อนกลับไปในงานประชุมแดนเหนือ
เย่เซ่าเตี๋ยไม่รู้ว่าถังเฉาเป็นเจ้ามังกร จึงไม่ได้คิดไปถึงตรงจุดนี้
แต่ว่าเย่หรูอี้นั้นไม่เหมือนกัน
เขาใส่หน้ากาก ใช้ชื่อแฝงว่าเจ้ามังกร เข้าร่วมงานประชุมแดนเหนือในนามตัวแทนตระกูลเย่ ล้วนเป็นแผนการที่เขาปรึกษากันกับเย่หรูอี้
แล้วทำไมจะไม่รู้ว่าผู้ชายใส่หน้ากากคนนี้เป็นใคร?
ทันทีนั้นเอง สีหน้าที่ตื่นกลัวหมดหวังเมื่อครู่ก่อนหน้านี้กลับเป็นความตื่นเต้นไปในพลัน
แต่ทว่า หล่อนไม่โพล่งเรียกชื่อถังเฉาออกไป ในขณะนี้ หล่อนยังไม่ลืมว่า ในความเข้าใจของทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ถังเฉานั้นตายไปแล้ว
เย่เทียนหลงที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายกัดฟันลืมตาขึ้นมาดู ในฉับพลันที่มองเห็นถังเฉา ก็เกิดพลังในความกระหายที่จะมีชีวิต พรวดยืนขึ้นมาได้
เช่นเดียวกัน ไม่ยอมเปิดเผยความเป็นใครของถังเฉา
“ใช่คุณถัง ต้องเป็นคุณถังแน่ ๆ!”
ทางด้านตระกูลถัง ถังฮันเจี๋ยด้วยสีหน้าที่อ่านยาก ตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ ใช้เสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนพูดกับถังเหนียนหู่
“อือม์, ชวู!”
ถังเหนียนหู่ก็มีสีหน้าออกตื่นเต้น รีบทำท่ามือให้อย่าออกเสียง
ถังเฉาไม่ตาย เป็นเรื่องที่พวกเขาคิดไว้อยู่แล้ว แต่ที่คาดเดาไว้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ตอนนี้มาเห็นคนใส่หน้ากากคนนี้ จึงตื่นเต้นบอกไม่ถูก
พวกเขาเชื่อมั่นเลยว่า ภายใต้หน้ากากนั้น ต้องเป็นถังเฉาเป็นแน่แท้!
คนแต่งปลอมตัวได้ แต่ท่วงท่าบุคลิกไม่สามารถแสร้งทำได้!
หนึ่งตัวคนเดียวสามารถสะกดคนทั้งบริเวณได้ ก็จะมีแต่ถังเฉา ที่มีอานุภาพแบบนั้นได้
“พิธีการแต่งงานนี้คงดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว”
แววตาถังเหนียนหู่ดูลึกลับ พึมพำว่า “สงคราม เริ่มต้นแล้ว”
……
ยังไม่มีใครคิดถึงว่า ด้านหลังสุดในฝูงแขกเหรื่อทั้งหลาย ก็ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง สีหน้าผันแปร ยืนกำหมัดแน่น
หล่อนกำลังคิดถึงก่อนหน้านี้ที่ถังเฉาพูดกับหล่อน บอกว่ายังมีเรื่องสำคัญ จำเป็นจะต้องปิดบังเรื่องการตายไปแล้วของเขา
คิดไม่ถึงว่า เป็นด้วยเพราะเรื่องนี้นี่เอง!
หลินชิงเสว่ขบกรามแน่น สีหน้าเปลี่ยนกลายซีดลงไปพลัน นึกโกรธขึ้นมาพรวดพราดคิดว่าจะเดินหนีจากไป แต่ใจก็ห่วงในสถานภาพของถังเฉา จึงจำยอมอดใจเฝ้าดูต่อ
การส่งเสียงออกมากระทันหันของถังเฉานี้ พานำเอาความสนใจของคนทั้งหมด
รวมทั้งคนในตระกูลเย่
อดีตหัวหน้าตระกูลเย่คนก่อน เย่หยวนซานในวัยสูงกว่าแปดสิบค่อย ๆ ยืนขึ้น สายตาประดุจแร้งหัวโล้นจับนิ่งที่ถังเฉา พูดเสียงเกรี้ยว “ท่านเป็นใคร ทำไมจึงเข้ามายุ่งเรื่องในตระกูลเย่ของเรา?”
ถังเฉาหัวเราะเบา ๆ พูดว่า “ผมเป็นใคร ท่านผู้เฒ่าเย่ไม่จำต้องรู้ ทุกคนในตระกูลเย่รวมทั้งท่านด้วย ขอเพียงให้รู้ไว้เรื่องเดียวว่า คน ๆ นี้ พวกคุณจะแตะต้องไม่ได้ก็พอแล้ว”
แชว๊ป!
เสียงพลิ้วลมโชยเมฆก็ปาน ดังไปทั่วบริเวณ ทุกคนฮือฮาขึ้นในทันที ต่างสีหน้างงเซ่อ
คน ๆ นี้แน่จริงมาจากไหนกัน บังอาจกล้ามาสั่งคนตระกูลเย่ทั้งหมด?
เขามีดีอะไรกันนะ?
สีหน้าหวังเจี้ยนหลู้ดุเหี้ยม ถังเฉายิ่งไปล่วงเกินตระกูลเย่มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสาแก่ใจ
เย่หยวนซันขมวดคิ้วเล็กน้อย มองถังเฉาด้วยสายตาเป็นประกายเล็กน้อย
ไม่รู้ได้ว่าด้วยเหตุอันใด เขารู้สึกถูกกดดันมากในขณะอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ ปัญหามีว่า มองไปทั้งเมืองซื่อจิ่วนี้ คนที่สามารถสร้างความกดดันแก่เขาได้ นับได้ไม่เกินห้า!
เจ้าหนุ่มใส่หน้ากากคนนี้ มันเป็นใครจากไหนแน่?
ในบรรดาระดับลิ่วล้อชั้นผู้น้อยนั้นไม่มีใครรู้สึก ในความคิดคนพวกนี้ เห็นแต่ว่าคน ๆ นี้รนหาที่ตาย
แต่ละคนมีสีหน้าขึ้งโกรธ
“ไอ้คนนี้มันใครกัน?หาญห้าวมาจากไหน กล้ามาสั่งพวกเราคนตระกูลเย่!”
“ไม่อยากมีชีวิตแล้วมัง?”
“อีกวันนี้ยังเป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของพวกเรา มันตั้งใจมาก่อกวนกันชัด ๆ!”
“การ์ด—-พวกการ์ดอยู่ไหน?”
ถังหลินยิ่งโกรธกระฟัดกระเฟียด “แกทำเป็นใส่หน้ากาก จะให้ดูมาดลึกลับหรือไง?ข้าจะเตือนแกนะ รีบคุกเข่าลงขอโทษซะ ไม่งั้นทั้งแกด้วยจะสั่งให้ฆ่าทิ้งไปด้วยกันทั้งหมด!”
ส้วบ!
แค่เพียงพูดขาดคำ ถังเฉายังไม่ได้พูดอะไร เฟิ่งหวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตาวาวเยือกขึ้นมา ฉวยถ้วยน้ำชาร้อนที่วางอยู่บนโต๊ะ ซัดพุ่งใส่ถังหลินสาดเข้าเต็มหน้า
พวกเขาอยู่ห่างกันถึงห้าสิบเมตรเป็นอย่างน้อย พุ่งสาดชาในถ้วยไป ตามหลักทั่วไปแล้ว น่าจะต้องเรี่ยราดอยู่กับพื้นในทันที
แต่น้ำชาที่เฟิ่งหวงสาดออกไปเหมือนจะฝืนกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน พริบตาเดียวพุ่งไปถึงกว่าห้าสิบเมตร
พรวด!
ชั่วเพียงกระพริบตาของถังหลิน น้ำชาร้อน ๆ ก็สาดเข้าเต็มหน้า
“อ๊ากซ์!”
ฉับพลันนั้น ถังหลินโดนสาดเข้าเต็มหน้า ความร้อนของน้ำชา เกือบพาเขาสะดุ้งโดดทะลุฟ้า แผดร้องเสียงหลง
บรูม!
ภาพที่ปรากฏนี้ สะท้านลึกไปในขั้วหัวใจทุกคนที่อยู่ในบริเวณ หลายคนมองไปที่เฟิ่งหวงอย่างตื่นตา
ผู้หญิงคนนี้ จัดการลงมือได้อย่างเฉียบขาดขนาดนี้เลยหรือ?
“หนึ่งแก้วน้ำชาร้อน ให้เป็นประกาศแจ้งเตือน”
เฟิ่งหวงใช้น้ำเสียงอย่างไร้ซึ่งสัญชาติมนุษย์ “ถ้าขืนกล้าพูดจาเสียมารยาทอีก ฉันจะตัดลิ้นแกทิ้ง!”
เสียงพูดฟังสยดสยองก้องดังไปทั่วบริเวณงาน ทุกคนต่างงงเซ่อ
ช่างหาญกล้าข่มขู่คนของตระกูลถังในตระกูลหลวงอย่างเปิดเผยได้!
แต่เป็นที่น่าประหลาดใจอย่างมาก ทางฟากของตระกูลถัง กลับไม่มีใครลุกขึ้นมาเลย!
ถังหลินยืนงง กลืนน้ำลายลงคออย่างเจ็บแค้น ไหนเลยจะกล้าพูดอะไรอีก?
“คุณเจ้ามังกร ถึงแม้คุณจะเป็นอาคันตุกะที่คุณชายตระกูลหลวงตระกูลฉู่เชิญมา การทำแบบนี้ อย่างน้อยก็รู้สึกจะเกินไปหน่อยไหม?”
เย่จงซือพยายามอดกลั้นอย่างเต็มกลืน เดินก้าวขึ้นหน้าไปด้วยสีหน้าทมึนตึง เก็บกดความโกรธแล้วพูดไป
ตูม!
พอพูดคำนี้ออกไป หัวใจของทุกคนต่างสะท้านไปด้วยกัน
คุณเจ้ามังกร!
คนผู้นี้เองหรือ ที่เป็นม้ามืดในงานประชุมแดนเหนือ ที่บังอาจใช้ชื่อว่าเจ้ามังกร!