เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 830 สะท้านไปทั้งบริเวณ
ตึง ๆ!
วินาทีที่สายตาประสานกับถังเฉา กู่ชิงเหมือนโดนของหนักกระแทกใส่อย่างแรง ก้าวถอยไปสองก้าวเฉย
อานุภาพที่มีอยู่ในตัว หล่นผลุบหายไปในฉับพลัน
อีกเก้าคนระดับหัวหน้าสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวกู่ชิง ต่างมองไปที่กู่ชิงอย่างพร้อมเพรียง
“กู่ชิง เป็นอะไรไป?”
“ข้าทำไมรู้สึกว่าท่านเกิดกลัวขึ้นมา?”
สองคนระดับหัวหน้าที่จัดว่ามีพลังสูงที่สุด มองกู่ชิงแล้วถาม
“……”
กู่ชิงนิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาอยู่นาน ตาทั้งคู่มัวแต่จ้องเขม็งไปที่ถังเฉา
ถังเฉาก็จำกู่ชิงขึ้นมาได้ ภายใต้หน้ากาก หัวเราะกวน ๆ ออกมาทันที
“ทีนี้เป็นเรื่องกันละ?”
ถังเฉาไม่ปริปากพูดอะไร ก็แค่จ้องมองตรงทื่อไปที่กู่ชิง
ในแววตาที่จ้องมองมาของถังเฉา ในห้วงนึกของกู่ชิงฉับพลันนั้นย้อนกลับไปคืนนั้นที่ตระกูลเจียง
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ถังเฉาไม่ได้ขยับลงมือเลย เพียงแค่เจียงไป่เสว่ เขาก็โดนอัดเสียเต็มกลืนแล้ว
ก็เพราะไม่ได้ขยับลงมือ กู่ชิงจึงไม่สามารถให้มั่นใจในขีดพลังของถังเฉาได้ แต่ความรู้สึกที่กดดัน บ่งชัดได้ว่าพลังฝีมือของถังเฉาต้องไม่เบา
และแล้ว กู่ชิงก็รวบรวมสติกลับมา ฝืนบังคับใจให้สงบลง บอกกับสองหัวหน้าว่า “ข้ารู้สึกว่า ควรจะระมัดระวังไว้เป็นดี คน ๆ นี้ท่าจะแกร่งมาก”
แชว็ป!
พอพูดออกมาแบบนี้ อีกเก้าคนระดับหัวหน้าแววตาเปลี่ยนไป
ยิ่งไปกว่านั้นในบางคนยังหมิ่นแคลนออกเป็นเสียงหัวเราะ
“กู่ชิง เป็นยังไงไม่เจอกันกี่วันเท่านั้น ความกล้าของท่านหดหายไปไหน?”
“แค่เพียงม้ามืดกะจอก ๆ ในงานประชุมแดนเหนือ จะมาเทียบกับพวกเราคนระดับหัวหน้าในศูนย์สมาคมนักสู้ได้ยังไง?”
“ละเอียดอ่อนเกินไป เท่ากับเสริมกำลังใจให้คนอื่น ด้อยค่าตัวเองลงไป”
“……”
เก้าคนระดับหัวหน้าหัวเราะกันเฮฮา ไม่ได้มองถังเฉาอยู่ในสายตา
ไม่ว่าจะถูกถากถางอย่างไร กู่ชิงยังคงทีท่าเคร่งขรึม “พวกท่านอย่าได้มองข้ามตัวเขาจะเป็นการดีกว่า ในงานประชุมแดนเหนือ พวกที่มองข้ามเขาไป ล้วนต้องชดเชยด้วยราคาแพงอย่างเจ็บปวด”
เก้าคนระดับหัวหน้าขมวดคิ้วย่น แน่นอน คำพูดและการแสดงออกของกู่ชิงทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกไม่พอใจ
“ในเมื่อถ้าท่านกลัว ท่านก็รอดูอยู่ข้าง ๆแล้วกัน ไม่ต้องให้ท่านลงมือ”
คนที่เป็นผู้นำพูดเสียงเย้ย
หัวหน้าที่สองหัวร่อเหอ ๆ “ไม่แน่ว่า พวกเราทั้งหมดอาจไม่ทันต้องลงมือเอง เหล่าลูกศิษย์ที่เราสอนมา ก็จัดการเขาได้แล้ว”
ทันทีต่อมานั้นเอง ห้วหน้าที่สองส่งเสียงตวาดว่า “เด็กน้อยกองสอง อยู่ไหน?”
“กองสอง ครับผม!”
ด้านหลัง ส่งเสียงประดุจฟ้าคำรามก้องขึ้นมาทันที
ทันทีนั้น ด้านหลังของหัวหน้าที่สอง นักบู๊สังกัดกองสองรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ศูนย์สมาคมนักสู้ จะไม่เหมือนกับสมาคมการต่อสู้ทั่ว ๆ ไป จะแยกตั้งเรียกเป็นกอง จากแข็งลงไปหาอ่อน แยกออกไปมีตั้งแต่ กองหนึ่ง ถึง กองสามสิบหก
กู่ชิง เพียงจัดอยู่ในปลาย ๆ แถวเท่านั้น
แต่ทว่า สิบนักบู๊ระดับหัวหน้าที่เย่จงซือเชิญมานั้น ไม่ใช่หมายถึงสิบต้น แต่รวม ๆ คละกันมา มีทั้งระดับปลายแถว และที่เรียงในระดับต้น
ที่เป็นผู้นำ ก็แน่นอนว่าเป็นหัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าอันดับสอง
ณ. ขณะนี้ เสียงร้องให้ฆ่าดังก้องฟ้า บรรยากาศการฆ่าเป็นไปอย่างฮึกเหิม
แขกเหรื่อที่มาในงานแต่งงานนี้ ต่างพากันส่งสายตามองไปที่ถังเฉาอย่างสังเวชใจ
ถึงว่าจะเป็นม้ามืดมาจากงานประชุมแดนเหนือ แต่ที่ประจันหน้าอยู่คือยอดนักบู๊จำนวนมากมายจากศูนย์สมาคมนักสู้นะ!
เพียงแค่นักบู๊ระดับหัวหน้า ก็มีถึงสิบคนแล้ว
ให้เขาเก่งกาจแค่ไหน จะสู้ได้ขนาดหนึ่งต่อสิบเชียวหรือ?
ยิ่งยังไม่พูดถึงลูกศิษย์ระดับก้นกุฏิอีก
ในลักษณะกองกำลังขนาดนี้ มันพอที่จะถล่มตระกูลใดตระกูลหนึ่งของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูทิ้งได้เลย
หัวใจของเย่หรูอี้เอื้อนขึ้นมาถึงคอหอย ห่วงกังวลในสถานะภาพที่ถังเฉาตกอยู่
เย่จงซือกับถังหลินกลับนั่งยิ้มเย้ยมองถังเฉา ในเมื่อเขาอยากจะออกหน้า ก็จับมันเชือดให้ดูก่อน!
“ลุยเข้าไปทั้งหมดเลย!ให้ไอ้กากเดนคนนี้มันรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินทึบ ให้รู้ ๆ ถึงความฉกาจแกร่งของศูนย์สมาคมนักสู้ของเรามั่ง!”
แววตาของถังเฉาชาชืด แม้จะลุกขึ้นยังไม่นึกสนุก แค่ยกมือโบกกวักเนือย ๆ
เฟิ่งหวงที่ยืนอยู่ข้างหลังนั่นสิขยับตัว
“ไอ้พวกหมูหมากาไก่ คิดกล้าดียังไงมายุ่งกับท่านรองของข้า”
เฟิ่งหวงปริปากพูดอย่างเยือกเย็น เสียงดังขวับ ชักดึงเอาแส้เหล็กยาวเฟื้อยออกมาจากเอว
“ในเมื่อไม่ให้ฆ่าคน จะใช้มีดสั้นไม่ได้ ก็ใช้แส้นี่แหละ”
“ถึงขนาดกล้าดูถูกพวกเรา ปล่อยให้ผู้หญิงคนเดียวออกมารับมือ!”
สายตามองเฟิ่งหวงก้าวช้า ๆ เดินมาหาพวกเขา นักบู๊ยอดฝีมือกองที่สองโกรธเกรี้ยวขึ้นเต็มหน้า เร่งโถมเข้าใส่เฟิ่งหวงอย่างรวดเร็ว
บรึม!
ภายในโถงจัดงานที่ใหญ่โต เหมือนว่ามีพายุโหมใส่ ยอดฝีมือนักบู๊เจ็ดคนลงมือพร้อมกัน สภาพการณ์ใหญ่ระเบิด
แต่ทว่า เฟิ่งหวงก็ยังคงมองด้วยแววตาชาเฉย แม้แต่สีหน้าก็ไม่แปรเปลี่ยน วาดมือเหมือนขีดเขียนอะไรเล่น ๆ สะบัดแส้เหล็กในมือ
ฮูว์ ๆ ๆ!
พลัน ทุกคนต่างได้ยินเสียงลมในบรรยากาศถูกแส้ฉีกวาดผ่าน
เฟิ่งหวงวาดฟาดแส้ไปพลาง เร่งฝีก้าวเดินลุยเข้าไป
ขาที่ก้าวไปยิ่งเร็วขึ้น แรงอัดในบรรยากาศยิ่งเข้มข้น บรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายต่างรู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบบนผิวหนัง ดุจประดั่งว่าแส้นั้นฟาดลงมาใส่กับตัวเอง
ผาง!
แส้นั้นดูเหมือนมีตามอง ม้วนรัดขายอดฝีมือเข้าคนหนึ่ง พลันคน ๆ นั้นก็ถูกห้อยลอยสูงขึ้นไปบนฟ้า
และแล้ว แส้เหล็กนั้นก็กลายเป็นตุ้มดาวตก—ตัวคนเป็นลูกตุ้ม ให้เฟิ่งหวงกวัดแกว่ง ซัดเขวี้ยงเข้าใส่อย่างรุนแรง
ผาง ๆ ๆ!
ไม่กี่ที กลุ่มลูกน้องกองสองที่หัวหน้าที่สองปลื้มหนักหนา ถูกซัดกระเจิงแตกไม่เป็นกระบวน ล้มนอนครวญครางระเนระนาด
หัวหน้าที่สองเห็นสภาพที่เกิดขึ้น ตาลุกค้างอย่างไม่อยากคิดเชื่อ
“นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
ผู้หญิงคนเดียว และยังหนึ่งต่อเจ็ด เจ็ดคนหมดสภาพราบคาบ
เพียงชั่วแวบ หัวหน้าที่สองตาฉายแสงเยือก ตะคอกใส่ “ผู้หญิงคนนี้มันมีอาวุธ พวกแกทำไมไม่รู้จักจัดการชิงอาวุธหล่อนมาก่อน แล้วค่อยจัดการกับหล่อน?”
เจ็ดยอดฝีมือได้ยินดังนั้น เหมือนโดนน้ำสาดใส่หัว พลันลุกขึ้นรวมตัวเป็นเงาอสูร พุ่งใส่เฟิ่งหวงรอบทิศ
คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งหวงกลับหัวเราะเย้ย “คิดว่าเพราะอาวุธหรือ?”
วินาทีนั้นเอง หล่อนเก็บแส้เหล็กขึ้น ตัวเปล่าคนเดียวเดี่ยว ๆ ตะลุยเข้าใส่กลางวงของเจ็ดคน
ความเร็วของหล่อนสุด ๆ ขนาดว่ามองไม่ทันแม้แต่เงา เพียงได้ยินเสียงปึงปังไม่กี่ที ยอดฝีมือเจ็ดคนล้มกลิ้งกับพื้น
เฟิ่งหวงลงยืนข้างตัวคนผู้หนึ่ง ขาหนึ่งเหยียบบนตัวเขา มองเหยียด ๆ ใส่สิบคนระดับหัวหน้า พูดขึ้นว่า “ถ้าจะลงมือก็อย่าลองเลยนะ มันไม่พอมือเลยจริง ๆ พวกแกสิบคนเข้ามาเองเถอะ”
“……”
เงียบ
เงียบสนิทกันเป็นตาย
บรรดาแขกเหรื่อในงานไม่มีใครไม่หันไปมองถังเฉาอย่างตื่นกลัว
นี่เพียงแค่บอดี้การ์ดนะ ตัวเขาเองยังไม่ได้ลงมือเองเลยนะ หรือต้องเพียงแต่ให้นักบู๊ระดับหัวหน้า จึงจะสยบเขาอยู่ได้?
หัวใจที่จุกค้างอยู่ของเย่หรูอี้ค่อยผ่อนลงไปในพลัน แววตาเย่เซ่าเตี๋ยส่องประกายใสเจิด
สิบคนระดับหัวหน้าอ้าปากตาค้าง หัวหน้าที่สองก็จะยิ่งกว่า ลูกศิษย์ในกองสองของเขามีพลังฝีมือจัดว่าแข็งมากแล้ว กลับถูกผู้หญิงชุดดำคนเดียวกวาดเรียบ
กู่ชิงพูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้าบอกแล้วนะ อย่ามองข้ามคน ๆ นี้ ดูเพียงบอดี้การ์ดสาวข้างตัวเขา พลังฝีมือถ้าเทียบในศูนย์สมาคมพวกเราก็ต้องอยู่ในระดับสามสิบตอนต้น!”
“ข้าบอกให้หุบปาก!”
หัวหน้าที่สองคำรามออกมา เหมือนถูกสบประมาทอย่างรุนแรง ก้าวขายาวมุ่งเข้าหาเฟิ่งหวง
“ผู้หญิงอย่างแกคนนี้ บังอาจมาทำร้ายลูกศิษย์ในกองสองของข้า”
ได้ยินเสียงนี้เข้า เฟิ่งหวงรีบตั้งการ์ดมั่นเตรียมพร้อมทันที
จากคนที่เป็นหัวหน้าที่สองคนนี้ หล่อนให้รู้สึกว่ามีอันตรายมากเอาการ
แต่ทว่า ถังเฉาที่นั่งอยู่กับที่เดิมมาตลอดได้ลุกขึ้นช้า ๆ หัวเราะหึ ๆ พลางพูดว่า “ศูนย์สมาคมนักสู้ มันน่าไม่อายขนาดนี้เจียวหรือ?”
“ระดับหัวหน้าทั้งแท่งแท้ ๆ กลับมารังแกลูกน้องของข้า?”