เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 841 หญิงนักบุญหาเขย
ในขณะที่เย่โม่ไม่ทันระวัง เขาก็สะดุดล้มลงกับพื้นและกลิ้งไปหลายตลบกว่าจะหยุดลง
เสื้อผ้าของเขาเกี่ยวกับหลุมบนพื้นจนฉีกขาด และยังมีบาดแผลตามร่างกาย
เย่จงซือก็ล้มลง สภาพของเขาก็ถึงกับดูไม่ได้เลยทีเดียว
สายตาของเขามองไปที่เย่โม่ที่ล้มลงกับพื้นอย่างหวาดกลัว และหัวใจของเขาก็ตื่นตระหนกถึงขีดสุด
ปรมาจารย์โม่ ทำไมถึงล้มล่ะ?
ลองสังเกตดูดีๆ เย่จงซือถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
หัวเข่าของเขาไม่รู้ว่าถูกอะไรแทงทะลุไป และเลือดก็ไหลอย่างไม่หยุด
เย่โม่ใช้ขาข้างเดียวในการพยุงตัวของเขา
สึบ!
มีเสียงลมพัดมาอย่างรวดเร็วในอากาศ และมีบางอย่างกำลังพุ่งเข้ามา
สึบ!
สิ่งนั้นแทงทะลุแขนขวาของเย่โม่
เลือดกระเซ็นออกมาและปะปนไปกับเสียงกระดูกที่แตกหัก
“อ๊าก……”
ซึ่งครั้งนี้ เย่โม่ก็ถึงกับทนไม่ไหวและกรีดร้องออกมา
เขาจับแขนขวาและล้มลงกับพื้น พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาเหมือนสายน้ำ และในไม่ช้าเลือดก็ท่วมเต็มพื้นไปหมด
เมื่อเย่จงซือสังเกตดูอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาก็รู้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ก้อนหิน
เป็นก้อนหินที่ตกอยู่บนพื้นทั่วไปนั่นเอง
ในตอนนี้ มันกลับกลายเป็นอาวุธที่สามารถคร่าชีวิตคนได้แล้ว!
“ผมบอกแล้ว ว่าพวกคุณไม่มีทางหนีรอดหรอก”
หลังจากนั้น เสียงที่เย็นชาของถังเฉาก็ดังขึ้น
เย่จงซือถึงกับสะดุ้งตกใจและหันกลับไปมอง จากนั้นเขาก็เห็นถังเฉาไล่ตามเข้ามาอีกครั้ง และในมือยังมีก้อนหินทั้งก้อนเล็กและก้อนใหญ่
“ถัง……ถังเฉา……”
เย่จงซือสั่นไปทั้งตัว สีหน้าบ่งบอกว่าเขานั้นกลัวมาก
ต่อมา ความเกลียดชังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และตวาดใส่ถังเฉาว่า “แล้วพ่อข้าอยู่ไหน? ถูกแกฆ่าไปแล้วใช่แล้วใช่ไหม?”
“พ่อคุณเหรอ?”
ถังเฉาแสดงสีหน้าประหลาดใจ และยิ้มพูดเบาๆ ว่า “ใช่ ผมฆ่าเขาไปแล้ว”
บูมม!
ทันใดนั้น สีหน้าของเย่จงซือก็ซีดลงเหมือนกระดาษใบหนึ่ง สายตาของเขาก็โศกเศร้าจนหาที่เปรียบไม่ได้
“อย่าไปเชื่อมัน!”
เย่โม่ที่นอนอยู่บนพื้นตะโกนออกมาและพูดกับเย่จงซือว่า “มันน่าจะใช้วิธีอื่นเพื่อหลบหนีจากการตามล่าของคุณท่านแน่ จุดประสงค์ของมันตั้งแต่แรกก็คือคุณ แต่ไม่ใช่การต่อสู้กับคุณท่าน”
ทันใดนั้นเย่จงซือก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด จากนั้นเขามองไปที่ถังเฉาอย่างขุ่นเคืองและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ถังเฉา ถ้าแกกล้าฆ่าข้า คุณพ่อของข้าไม่มีวันปล่อยแกไว้แน่!”
จากนั้น ถังเฉาก็ยิ้มพูดอย่างเย็นชาว่า “พ่อคุณงั้นเหรอ? พ่อคุณอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมก็ได้นะ”
“แกให้ผมลงมือกับคุณได้ แต่ไม่ยอมให้ผมฆ่าคุณ? แล้วมันยังเป็นพ่อลูกกันอยู่เหรอ?”
ถังเฉาโยนก้อนหินทั้งหมดทิ้ง และเดินตรงเข้าไปหาเย่จงซือพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา
ตึบ! ตึบ! ตึบ!
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามานั้นเปรียบเหมือนเสียงแห่งความตาย ทำให้เย่จงซือหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ไม่นะ ปรมาจารย์โม่ ช่วยด้วย……”
เย่จงซือกลัวจนหัวหดและหาทางหนีอย่างตะเกียกตะกาย
“……”
เย่โม่ไม่ได้พูดอะไร ทั้ง ๆ ที่ขาของเขาหักไปแล้วข้างหนึ่ง แต่เขายังจะยืนหยัดที่จะยืนขึ้น เพื่อขวางถังเฉาไม่ให้ไปต่อ
จากนั้นถังเฉาหยุดลงและพูดด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส “หลบไป เป้าหมายของผมในคืนนี้ ก็คือเขาคนเดียวเท่านั้น”
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเซียวของเย่โม่ และเขาพูดกับถังเฉาว่า “เมื่อพระมหากษัตริย์ถูกเหยียดหยาม ข้าราชบริพารควรตายด้วยความจงรักภักดี ขอโทษที่ผมทำตามคุณไม่ได้นะ”
และประโยคที่ว่าจะต้องตายด้วยความจงรักภักดีคำนี้ ทำให้ถังเฉาถึงกับเงียบไป
จากนั้นสักพัก สายตาที่เขามองเย่โม่ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
ทั้ง ๆ ที่จุดยืนต่างกัน แต่ก็ห้ามถังเฉาไม่ให้ชื่นชมเขาไม่ได้
“คุณเป็นลูกน้องที่น่านับถือจริงๆ นะ”
ถังเฉามองดูเย่โม่ และพูดเบาๆ ว่า “แต่น่าเสียดายที่คุณตามเจ้านายผิดคนแล้ว”
เย่โม่ยิ้มตอบว่า “แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น คนเราย่อมหนีความตายไม่พ้น ความตายของคนบางคนหนักเยี่ยงขุนเขาไท่ซาน แต่ความตายของคนบางคน มันบางเบาดั่งขนของห่านป่า ผมเกิดในตระกูลเย่ เติบโตในตระกูลเย่ และผมจะขอตายในตระกูลเย่แต่ผมมีความปรารถนาเพียงข้อเดียว นั่นก็คือหลังจากที่ผมตายไปแล้ว ช่วยนำกระดูกของผมไปฝังบนภูเขา และช่วยนำขี้เถ้าของผมไปโรยทั่วทุกที่ของภูเขา”
ถังเฉาเงียบไปสามวิ และตอบตกลงว่า “ถ้าวันหนึ่งผมไปที่ราชวงศ์ตระกูลเย่ ผมจะรับปากคุณ”
เย่โม่ยิ้มออกมา ในฐานะคนรับใช้ เขาได้ทำหน้าที่สำเร็จแล้ว ถึงตายไปก็ไม่เสียใจ
เสียงของเขาเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ แขนขวาของเขา เข่าซ้ายของเขา ต่างก็ถูกก้อนหินปาทะลุ และเลือดก็ยังไหลอย่างไม่หยุด
ที่ยืนหยัดขึ้นมาได้จนถึงตอนนี้ ทั้งหมดนี้ก็เพราะเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของเขา เขาแค่ต้องการจะปกป้องเจ้านายของเขาจนตัวตาย
ถังเฉาค่อยๆ ยื่นมือออกมา จากนั้นก็จับคอของเขาและบีบเบาๆ
แคร่ก!
เสียงแตกหักดังขึ้น และเย่โม่ก็ตายไปในที่สุด
เมื่อจบเรื่องทั้งหมดนี้ ถังเฉาก็ช่วยเย่โม่ปิดตาที่ยังคงเปิดค้างอยู่ จากนั้นเขาก็ออกเดินทางเพื่อตามล่าเย่จงซือต่อไป
เย่จงซือในตอนนี้ได้หนีไปไกลแล้ว
เดิมทีเย่จงซือก็เป็นคนที่มีทักษะการต่อสู้อยู่แล้ว แต่เขากลัวถังเฉาจนลืมไปว่าเขาเอาก็มีวิชาการต่อสู้เหมือนกัน และหลังจากที่รู้ตัวว่าเขาทำไมต้องหนี เขาจึงใช้วิชาหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าปรมาจารย์โม่ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแล้ว แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมา
เมื่อเห็นปรมาจารย์โม่ที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น สีหน้าของเขาก็ยิ่งซีดมากกว่าเดิม
ถังเฉาเดินมาทางเขาทีละก้าว และเย่จงซือยังคงเดินอยู่ แต่ทำไมเย่จงซือถึงรู้สึกว่าระยะห่างของถังเฉากับเขามันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนในที่สุด ถังเฉากับเขาก็ใกล้จะเผชิญหน้ากัน
“ซวยแล้ว!”
เย่จงซือตกตะลึงและวิ่งให้เร็วขึ้น แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกคนจับตัวได้
พรึ่บ!
เย่จงซือล้มลงอย่างไม่เป็นท่า แต่เมื่อหันกลับไป เขาก็เห็นถังเฉาที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ครั้งนี้ ไม่มีคนช่วยคุณได้แล้ว”
ถังเฉาพูดขึ้นอย่างกะทันหัน เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าเย่จงซือ เขาก็ยกเท้าขึ้นและทำท่าจะเหยียบลงไป
“อย่านะ ถังเฉา แกจะฆ่าข้าไม่ได้นะ ถ้าแกกล้าลงมือกับข้า แม่ข้าจะไม่มีวันปล่อยแกไปแน่!!”
เย่จงซือกลัวจนหัวหด เขาถึงกับถอยหลังไปแล้วตะโกนอย่างเสียงดัง
แม้เสียงสะพรึงกลัวของเขาจะดังก้องไปทั่วแม่น้ำ แต่เขาไม่ได้การตอบรับใดๆ เลย
เย่จงซือถึงกับสิ้นหวัง
ถังเฉาหรี่ตาลง และหยุดเท้าที่เตรียมเหยียบเขา จากนั้นถามว่า “แม่ของคุณ?”
ในงานเลี้ยงงานแต่ง เขารู้มาว่าการที่พ่อของเย่จงซือ เย่จงเวิ่นสามารถเลื่อนตำแหน่งจากตระกูลหลวงไปเป็นราชวงศ์ได้ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะแม่ของเย่จงซือ
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นดั่งราชินีที่มีอำนาจและอิทธิพลมาก แม้กระทั่งอยู่ในราชวงศ์ต้าเซี่ย เธอยังมีจุดยืนที่ชัดเจนด้วย
แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้ถังเฉาต้องกลัวนั้น มันคงเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อแล้วล่ะ
อีกอย่างการรู้ข้อมูลก่อน เพื่อจะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด มันก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน
ในสถานการณ์ที่ถูกบีบบังคับด้วยความตาย เย่จงซือที่รู้ทุกอย่างจึงยอมเล่าทุกอย่างออกมา ดังนั้นเขาจึงเล่าประวัติความเป็นมาของแม่เขาทั้งหมดออกมาให้ฟัง
“แม่ของข้าคือหญิงนักบุญสามของราชวงศ์ตระกูลเย่ มีตำแหน่งที่สำคัญอยู่ในราชวงศ์ด้วย เพราะฉะนั้นแกจะฆ่าข้าไม่ได้ แต่ว่า ตำแหน่งยิ่งสูงมากเท่าไร การต่อสู้แย่งชิงก็ยิ่งดุเดือดขึ้นมากเท่านั้น ด้วยความฉลาดและกลอุบายต่างๆ ของเหล่าหญิงนักบุญ ทำให้แม่ของข้าต้องพ่ายแพ้ และตกเป็นเชลยเพื่อผลประโยชน์ของราชวงศ์”
“แต่แม่ของข้าไม่ได้ยอมแพ้ เธอจึงหาวิธีเพื่อที่จะแต่งงานแล้วออกไปอยู่ข้างนอก”
“วิธีอะไร?”
ถังเฉาเอะใจและคิดว่าเป็นวิธีที่คุ้นเคยมาก
เย่จงซือพูดสั้นๆ ประโยคเดียว แต่ทำให้สีหน้าของถังเฉาต้องเปลี่ยนไป
“หาคนมาแต่งงานด้วย”
“หาคนมาแต่งงานด้วย?!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังเฉาก็ยิ่งตกตะลึง
สถานการณ์ก่อนหน้านี้มันเหมือนกับเรื่องของเย่หรูอี้แทบทุกอย่าง แต่เรื่องภายหลังที่หาคนมาแต่งงานด้วยนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เย่หรูอี้เคยทำเลย
และสิ่งนี้มันเกี่ยวกับอิทธิพลที่มีด้วย เพราะตระกูลซ่งกับตระกูลเย่ราชวงศ์นั้นเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว
แม่ของเย่จงซือเป็นถึงหญิงนักบุญสามของราชวงศ์ตระกูลเย่ และถ้าเธอประกาศหาคนมาแต่งงานด้วยแบบนี้ คนที่สนใจต้องเยอะอย่างแน่นอน
“ตอนที่แม่ข้าประกาศหาคู่ครอง นอกจากราชวงศ์แล้ว คนของราชวงค์ในเมืองซื่อจิ่วต่างก็มีคนสนใจมากมาย และตอนสุดท้าย แม่ของข้าก็เลือกคนคนหนึ่ง ซึ่งก็คือพ่อของข้าในตอนนี้”
เย่จงซือพูดต่อ “แต่แม่ของข้าก็มีเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก คนที่จะมาท้าชิงนั้นต้องมีศิลปะการต่อสู้ที่ดี และยังต้องชนะคนรับใช้ของเธอก่อน ถึงจะเข้ามามีส่วนในราชวงศ์ต้าเซี่ยได้ ไม่อย่างนั้น อย่าหวังว่าจะได้เข้าสู่ราชวงศ์แม้แต่ก้าวเดียว!”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ สีหน้าของถังเฉาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
แม่ของเย่จงซือเป็นคนที่ช่างโหดร้ายจริงๆ
วางแผนจะหาคู่ครอง และสุดท้ายหลังจากได้คนมาแล้วยังตั้งเงื่อนไขที่ท้าทายขนาดนี้ ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขจะไม่มีวันได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าสู่ราชวงศ์อีกด้วย
ถ้าเป็นคนทั่วไป คงไม่มีวันได้ก้าวเข้าสู่ราชวงศ์อย่างแน่นอน
ทันใดนั้น ถังเฉาเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้และถามเขาว่า “คนรับใช้ของแม่คุณคือ……”
เย่จงซือมองไปที่ศพของเย่โม่ และพูดว่า “ปรมาจารย์โม่”
“……”
ถังเฉาตระหนักได้ทันที
แม้ว่าเย่โม่จะสู้เขาไม่ได้ แต่ฝีมือของทั้งสองก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก
แต่สำหรับเส้นบางๆ ของผู้แข็งแกร่งในระดับของพวกเขานั้น ก็คือการพลาดแล้วพลาดเลย ไม่อาจแก้ตัวได้
เพราะฉะนั้น ถังเฉาจึงรับมือเขาได้เสมอ
แต่สำหรับเย่จงเวิ่นแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“แม่ของข้าในตอนนั้นก็คงคิดอย่างนี้เหมือนกัน แต่ความจริงมันกลับเหนือความคาดหมาย”
เย่จงซือพูดต่อ “พ่อของข้าใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี ก็สามารถก้าวข้ามปรมาจารย์โม่ไปได้ เขาจึงทำให้แม่ของข้าประทับใจในตัวของเขา และยอมรับเขาเป็นสามีในที่สุด”
“หลายปีต่อมา แม่ของข้ายืนหยัดในตำแหน่งหญิงนักบุญสามได้โดยอาศัยพ่อของข้า และหลังจากนั้นก็มีข้าคนนี้”
ถังเฉาดาวว่า เรื่องระหว่างเย่จงเวิ่นกับแม่ของเย่หรูอี้ เย่ซูนั้น น่าจะเกิดขึ้นในช่วงหลายปีก่อนหน้าที่เย่จงเวิ่นจะเข้าสู่ราชวงศ์ตระกูลเย่ได้
“แต่ว่า ถ้าอิงจากความทรงจำของแม่ข้าแล้ว สามีที่เหมาะสมที่สุดแท้จริงแล้วไม่พ่อของข้า แต่เป็นคนอื่น”
เย่จงซือเปลี่ยนเรื่องพูด
“อ้าว? แล้วใครล่ะ?”
ถังเฉาประหลาดใจ ด้วยความสงสัย การเจตนาฆ่าเย่จงซือก็ลดลง
เย่จงซือพูดชื่อของคนคนหนึ่งออกมา และทำให้ถังเฉาถึงกับตากระตุก
“หลินรั่วหวี”
สีหน้าของถังเฉาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “เขาเองเหรอ?”
จากนั้นเขาประเมินไทม์ไลน์ในใจของเขา เพราะในช่วงที่หญิงนักบุญสามของตระกูลเย่ประกาศหาคนมาแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นหลินชิงเสว่ เย่หรูอี้ หรือว่าเขา ทุกคนยังไม่ทันได้เกิดเลยด้วยซ้ำ
หรือบอกได้อีกนัยหนึ่งคือ หลินรั่วหวีในช่วงเวลานั้น เขาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ต้าเซี่ยอยู่แล้ว?
ถังเฉาเดาว่า ภรรยาในอุดมคติของหลินรั่วหวีในเวลานั้น ไม่ใช่ลั่วเย่นหัวหญิงสาวที่สวยที่สุดในเมืองซื่อจิ่ว แต่เป็นหญิงนักบุญสามของราชวงศ์ตระกูลเย่คนนี้
แต่การสมัครเป็นลูกเขยมันดันล้มเหลวก่อน เขาจึงต้องถอนตัวและกลับมาเลือกลั่วเย่นหัว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ทันใดนั้นถังเฉาก็นึกถึงบางสิ่ง ทำไมแม่ยายถึงก้าวขึ้นไปสู่หญิงสาวที่สวยที่สุดของเมืองซื่อจิ่วได้?
ซึ่งตำแหน่งนี้ ไม่มีทางที่จะได้มาง่ายๆ อย่างแน่นอน
ถ้าอยู่แค่ในเก้าตระกูลใหญ่ ลั่วเย่นหัวไม่มีทางได้รับการยอมรับจากคนทั้งหมดของเมืองซื่อจิ่วอยู่แล้ว
ในความคิดของเขาขณะนี้ ได้เกิดการคาดเดาที่ไม่คาดคิดขึ้น……
บางทีในโลกใบนี้ อาจจะเกินจินตนาการของเราไปมากก็ได้……