เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 842 หนึ่งศพกับสองชีวิต
เมื่อเกิดความคิดนี้ ถังเฉาเองก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นบ้ามาก
แต่แท้จริงแล้วมันใช่อย่างที่คิดหรือไม่ ยังต้องพิสูจน์อีกที
“ดังนั้น สิ่งที่คุณอยากจะบอกก็คือ แม่ของคุณเป็นหญิงนักบุญสามของตระกูลเย่ และยังถือว่าเป็นคนของราชวงศ์ต้าเซี่ยด้วย ฉะนั้นผมจะฆ่าคุณไม่ได้ใช่ไหม?”
ถังเฉามองไปที่เย่จงซือ และถามเบาๆ
เย่จงซือเงยหน้าขึ้นมองและพูดด้วยเสียงสั่นเทาว่า “ข้าบอกเรื่องทุกอย่างที่ข้ารู้ให้แกแล้ว แกปล่อยข้าไปเถอะนะ!”
“ถ้าแกปล่อยข้าไป ข้าขอสัญญาว่า ข้าจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น และเราจะไม่พบกันอีก!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่จงซือพูด ถังเฉาก็หัวเราะออกมา
“เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณยังคิดว่าจะรอดไปได้อีกเหรอ?”
ขณะที่พูดอยู่ ถังเฉาก็ยื่นมือออกมาบีบคอของเย่จงซือและยกเขาขึ้นจากพื้น
“โอ๊ย ๆ ๆ……”
เย่จงซือตกใจมาก ลำคอของเขายังคงเปล่งเสียงกรีดร้องอย่างอ่อนล้า
ถังเฉาเพิ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ช่างกล้านะ ไอ้สารเลว!”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนด้วยความโกรธจนขีดสุดและเสียงลมกระโชกดังขึ้นจากด้านหลัง
รู้สึกได้เลยว่าเมื่อเสียงตะคอกนี้หยุดลง บรรยากาศในบริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
ถังเฉาไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเย่จงเวิ่นบุกมาแล้ว
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
พายุรุนแรงพุ่งเข้าหาถังเฉา และตรงไปที่แขนของถังเฉาที่กำลังบีบคอเย่จงซืออยู่
เสียงโครมดังขึ้น ถังเฉาปล่อยเย่จงซือลงและโยนเขาออกไปเหมือนกระสอบทราย
“เอื้อก!”
ในขณะที่ถูกถังเฉาเหวี่ยงออกไป เย่จงซือรู้สึกว่าโลกทั้งใบมันหมุนเร็วขึ้น พร้อมกับเสียงวิ้งในหู ทำให้เขาท้องไส้ปั่นป่วนและกำลังจะอาเจียนออกมา
เมื่อเห็นอย่างนี้ สีหน้าของเย่จงเวิ่นก็เปลี่ยนไป เขาไม่ได้หลบหนี แต่ยังรับเย่จงซือไว้ทันที
ปัง!
ด้วยเสียงกระแทกที่ดังขึ้น ทำให้เย่จงเวิ่นต้องถอยหลังไปหลายก้าว
ถังเฉาเหวี่ยงเย่จงซือออกไปเหมือนกับกระสอบทราย และสามารถบอกได้ว่าของที่เหวี่ยงออกไปนั้นมันเหมือนอุกกาบาตที่มนุษย์สร้างขึ้น เย่จงเวิ่นที่เข้าไปฝืนรับเย่จงซือก็ต้องเสียแรงไปไม่น้อยเหมือนกัน
“พ่อครับ ดีจังเลยที่พ่อยังไม่ตาย……”
เมื่อได้เจอเย่จงเวิ่นอีกครั้ง เย่จงซือก็เริ่มทนไม่ไหว ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มแดงขึ้น และในที่สุดเขาก็ร้องไห้ออกมา
เย่จงเวิ่นมองไปที่เขาและพูดเบาๆ ว่า “ไม่ต้องหนีแล้ว ไปนั่งดูข้างๆ ไป”
จากการถูกถังเฉาตามติดเหมือนเงาในก่อนหน้านี้ แม้เขาจะหนีไปสุดขอบโลกแต่ถังเฉาก็สามารถตามทันอย่างง่ายดาย เขาจึงคิดว่าหนีต่อไปก็ไร้ประโยชน์แล้ว
หกทางเดียวที่เขาจะปลอดภัยก็คือให้พ่อของเขาเอาชนะถังเฉาให้ได้
เย่จงเวิ่นมองไปที่ถังเฉาและพูดด้วยสายตาหม่นหมองว่า “ไอ้หนู ต้องไล่ตามขนาดนี้เลยเหรอ?”
บู้มมม!
คำตอบที่เขาได้รับคือกำปั้นที่หนักหน่วง
ถังเฉามาถึงตรงหน้าในชั่วพริบตาและใส่แรงทั้งหมดลงไปในหมัดนั้น
ถ้ารู้ว่าต้องสู้ ก็สู้เลยไม่ดีกว่าหรือ
เย่จงเวิ่นไม่กล้าละสายตา และออกหมัดปะทะกับถังเฉา
เป็นผลทำให้ถังเฉาไม่เป็นไร แต่เย่จงเวิ่นเองกลับกระเด็นถอยออกสิบกว่าก้าว
การแสดงออกที่ไม่แยแสของถังเฉา ทำให้เย่จงเวิ่นเกิดคลื่นมหึมาในใจ
เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของเขามาก แต่กลับต้องกระเด็นออกมาสิบกว่าก้าวโดยหมัดอันทรงพลังของถังเฉา
เป็นครั้งแรกที่เย่จงเวิ่นรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลนี้
เขามองไปที่ถังเฉาแล้วพูดด้วยดวงตาที่หม่นหมองอีกครั้ง “จงผ่อนปรนเมื่อใดก็ได้เมื่อเป็นไปได้ ถังเฉา ข้าไม่ได้มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับแก แล้วแกทำไมถึงต้องอคติแบบนี้ด้วย!”
“อคติ?”
ถังเฉาทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “เรื่องมันก็มาถึงจุดนี้แล้ว ผมจะไม่อ้อมค้อมอีก ทุกอย่างมีเหตุก็ย่อมมีผลที่ตามมา พวกคุณพ่อลูกได้กระทำต่อเย่หรูอี้สองแม่ลูกเมื่อยี่สิบปีก่อน จนกระทั่งถึงแก่ชีวิต เรื่องนี้มันไม่อาจชดใช้ได้ ฉะนั้น วันนี้ลูกชายคุณต้องตาย ไม่มีใครมาหยุดได้!”
ถังเฉาย่างเท้าเข้ามาและพูดอย่างไม่แยแสว่า “วันนี้ผมก็จะฆ่าลูกชายคุณต่อหน้าคุณ”
บู้มม!
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ตรงเข้าไปหาเย่จงซือ
เคลื่อนไหวดั่งมังกร ก้าวเท้าดั่งเสือ ออร่าแห่งการสังหารเต็มไปทั่วทุกที่
ครั้งนี้ แม้แต่สีหน้าของเย่จงเวิ่นก็เปลี่ยนไปเมื่อได้สัมผัสกับจิตสังหารของเขา
ทุกครั้งที่เขาปะทะกัน เย่จงเวิ่นก็จะมีอาการปวดกระดูกอย่างรุนแรงไปทั่วร่างกายของเขา ราวกับว่าเขากำลังต่อสู้กกับคนเหล็กอย่างไรอย่างนั้น
และสิ่งที่ทำให้เย่จงเวิ่นประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือ ถังเฉายิ่งอยู่ยิ่งเร็วขึ้น และรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เริ่มทนไม่ไหว
บูมมม!
ในขณะที่ไม่ทันระวัง เย่จงเวิ่นก็ถูกเตะกระเด็นออกไป
“พ่อครับ!”
มองดูพ่อที่ถูกเตะกระเด็นออกไป สีหน้าของเย่จงซือเปลี่ยนไปอย่างมาก และใบหน้าทั้งใบก็เต็มไปด้วยความเศร้า
เมื่อรู้ตัวอีกที ถังเฉาได้เดินมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขายื่นมือออกมาอย่างกะทันหันและบีบแขนของเย่จงซือไว้
แคร่ก!
กระดูกแขนของเย่จงซือแตกหักทันที
“อ๊ากกก……”
ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด มันสะท้อนกับเสียงคร่ำครวญของเย่จงซือด้วยความเจ็บปวดจนสุดขีด
ดวงตาของถังเฉาไม่แยแสอะไร เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เย่จงซือตายแบบง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะนั่นมันจะสบายสำหรับเขามากเกินไป
ในขณะที่ถังเฉากำลังจะลงมือต่อ เสียงลมกระโชกก็ดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง
เย่จงเวิ่นได้ชิงลงมือและพาเย่จงซือออกไปได้ก่อน
หลังจากนั้น เขาไม่ได้หยุดพักเลย ได้แต่แบกเย่จงซือที่แขนหักไปข้างหนึ่งแล้วหลบหนีไป
“ไอ่หนุ่ม แกแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ว่า ราชวงศ์ต้าเซี่ยก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่แกคิดหรอกนะ”
“แกทำร้ายร่างกายลูกชายสุดที่รักของแม่เขา แกคงรอดได้อีกไม่กี่วันแน่”
เมื่อพูดจบ เย่จงเวิ่นก็หายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
ถังเฉาไม่ได้ไล่ตามแต่อย่างใด แต่ความเฉียบคมแวบวาบในดวงตาของเขา
แม่ของเขาคือหญิงนักบุญสาม……
สิบนาทีต่อมา ถังเฉาก็กลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง
และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ทันทีที่เขาเดินเข้าประตูไป ทุกคนมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด เหมือนกับมีหญ้าติดอยู่บนใบหน้าเขาอย่างนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น บรรยากาศในนี้ก็ตึงเครียดมาก และถังเฉาก็สังเกตเห็นว่าหลินชิงเสว่กำลังเผชิญหน้ากับเย่หรูอี้อยู่
สายตาที่เฉียบคม พร้อมกับใบหน้าที่เย็นชา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ถังเฉาที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ก็กระซิบถามเฟิ่งหวงที่อยู่ข้างๆ
สีหน้าของเฟิ่งหวงก็ดูตกใจเช่นกัน ดูเหมือนเธอจะสะเทือนใจไม่น้อย เธอใช้คำพูดที่สั้นที่สุดเพื่ออธิบายให้กับถังเฉาฟังว่า หลินชิงเสว่ได้สรุปเหตุผลที่แท้จริงของการเสียตัวของเย่หรูอี้ให้ฟังแล้ว
เมื่อถังเฉาได้ยินแบบนี้ เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ใช้ขวดเหล้า?”
เฟิ่งหวงพยักหน้า และทันใดนั้นเธอก็มองไปที่ถังเฉาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “รองหัวหน้า ทั้งสองคนนี้คุณก็เคยคบหากันแล้ว แล้วคนไหนต่อกรได้ยากกว่าล่ะ!”
“……”
แก้มของถังเฉากระตุกเล็กน้อย และเขาก็รู้สึกได้ถึงความกดดันนี้ทันที
ไม่ว่าจะเป็นเย่หรูอี้ที่ถือขวดเหล้าเองแล้วสร้างเรื่องราวนี้ขึ้น หรือว่าเป็นเหตุผลของหลินชิงเสว่ มันต่างก็เป็นสิ่งที่ถังเฉาไม่คาดคิดตั้งแต่แรก เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ ผู้หญิงทุกคนก็คือโฮล์มส์
ในตอนนี้ ผู้หญิงทั้งสองคนก็สังเกตเห็นถังเฉากลับมาแล้ว
หลินชิงเสว่เลิกแสดงท่าทางที่ไม่แยแสและเดินเข้ามาหาถังเฉา แต่สายตาที่มองเย่หรูอี้นั้นยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา
“เย่หรูอี้ ครั้งนี้ฉันจะไม่ว่าอะไร แต่ถ้ายังมีครั้งต่อไป หรือถ้าฉันเห็นเธอเข้าใกล้ถังเฉาอีก ฉันจะทำให้เธอไม่เหลือความเป็นผู้หญิง”
ใบหน้าของหลินชิงเสว่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“……”
สีหน้าของเย่หรูอี้ก็เปลี่ยนไป จากนั้นดวงตาของเธอก็เย็นชาลง “แล้วถ้าฉันท้องเด็กของเขาล่ะ?
“ก็ลองดูสิ”
หลินชิงเสว่เต็มไปด้วยความเย็นชา “ถ้าเธอกล้าท้องจริง ฉันก็กล้าลงมือกับเธอ ถึงเธอจะท้องอยู่ หนึ่งศพสองชีวิตฉันก็ไม่เว้นหรอก”
“……”
หลินชิงเสว่ยังคงแสดงสิทธิอำนาจของเธอ และเย่หรูอี้ก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำตัวเช่นไร
จนกระทั่งพวกเขาเดินออกไป ดวงตาของเย่หรูอี้ก็เต็มไปด้วยความหม่นหมอง
เธอเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว สิ่งที่ไม่อนุญาตให้เธอทำ เธอก็ยิ่งอยากทำ
“เหอะ คอยดูเถอะ ฉันจะให้มีลูกหลานโดยใช้เชื้อสายของเขาแน่”