เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 843 ซุปเปอร์สี่แห่งตงเฉิน
ในระหว่างทางกลับบ้าน ถังเฉาเอาแต่มองใบหน้าที่งดงามของหลินชิงเสว่ สายตาคู่นั้น มันเหมือนกับเป็นครั้งแรกที่เจอหลินชิงเสว่เลย
“มองอะไรล่ะ?”
ในที่สุดหลินชิงเสว่ที่ถูกจ้องมองอยู่ก็หมดความอดทน และใบหน้าของเธอก็แดงขึ้น
บังเอิญเป็นไฟแดง เธอเหยียบเบรกทันที
“หน้าฉันมันมีสิวงั้นเหรอ?”
เธอถามอย่างเย็นชา
“เปล่า!”
ถังเฉาโบกมืออย่างรวดเร็ว ถ้อยคำมีอยู่ในใจ จากนั้นแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ผมก็แค่รู้สึกแปลกใจที่คุณคลี่คลายเรื่องนี้ได้……”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหลินชิงเสว่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และเธออธิบายว่า “ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอก แต่ฉันเกือบเสียคุณไปแล้ว บางทีคุณอาจจะมองข้ามสิ่งนี้ไปได้ แต่ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันรู้สึกไม่สบายใจมาก ฉันแค่คิดว่า ฉันต้องหาความจริงของเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้กับคุณ……”
เมื่อได้ฟังคำพูดของหลินชิงเสว่ ถังเฉาก็สบายใจขึ้น
นี่เป็นการแสดงออกที่บ่งบอกว่าเป็นห่วงเธอ
จับมือกันไว้ เคียงข้างจนแก่เฒ่า แต่ถ้าไม่มีมือคู่นั้นให้จับ ก็คงต้องหยิบมีดเขียงที่ฆ่าคนนองเลือดออกมาแล้ว
ถ้าหลินชิงเสว่ไม่อยู่แล้วจริงๆ ถังเฉาก็คิดว่าเขาคงต้องสังหารคนทั้งโลกแล้วล่ะ
เมื่อพูดจบ ใบหน้าของหลินชิงเสว่ก็เริ่มแดงขึ้น ดูเหมือนเธอไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
แม้พวกเขาจะอยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว แต่หลินชิงเสว่ก็ยังไม่ชินกับถ้อยคำหวานๆ เหล่านี้ เมื่อพูดถึงทีไรเธอก็จะหน้าจะแดงทุกที
จนกระทั่งเสียงบีบแตรของรถคันหลังดังขึ้น หลินชิงเสว่ถึงรู้ตัวว่าไฟแดงได้กลายเป็นไฟเขียวนานแล้ว เธอจึงรีบเร่งเครื่องแล้วขับออกไป
ถังเฉาครุ่นคิดอยู่สักพัก และพูดชมเชยว่า “ไม่สิ เรื่องที่ผมไม่คาดคิดก็คือคุณมีความคิดที่ละเอียดถี่ถ้วนมาก คดีที่แม้แต่ตำรวจสายสืบยังทำไม่ได้เลย แต่คุณกลับทำได้ สมแล้วที่เป็นภรรยาของผม”
“……”
มือที่จับพวงมาลัยของหลินชิงเสว่ถึงกับกระตุก และเธอเกือบขับรถขึ้นบนเกาะกลางถนนไปแล้ว
เธอคิดว่าถังเฉากำลังพูดถึงเรื่องที่เธอช่วยเขาพลิกคดีนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าถังเฉาแค่ชื่นชมฝีมือการแก้ไขปัญหาของเธอเท่านั้น
ใบหน้าอันงดงามของหลินชิงเสว่กลับไปเย็นชาอีกครั้ง จากนั้นเธออธิบายว่า “ตอนอยู่เคมบริดจ์ นอกจากเรียนเศรษฐศาสตร์แล้ว วิชาเสริมของฉันก็คือวิชาจิตวิทยา”
“แล้วทำไมถึงเลือกเรียนจิตวิทยาด้วยล่ะ?”
ถังเฉาถามเธอ สำหรับเขาแล้ว จิตวิทยามักจะเป็นเรื่องหมกมุ่นกันเท่านั้น ส่วนคนที่เรียนก็เอาแต่หมกมุ่นเพื่อไปเดาว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรอยู่
“เพราะจิตวิทยาสามารถเดาใจคนได้ไง”
หลินชิงเสว่พูดเบาๆ “ใจคนมันเข้าถึงยาก แต่ตามพฤติกรรมของอีกฝ่าย สีหน้าท่าทาง มันจะสามารถตัดสินได้ว่าเขากำลังคิดไม่ดีไม่ร้ายกับเราหรือไม่ ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ฉันถึงรู้สึกปลอดภัย”
“……”
ถังเฉารู้สึกตะลึงกับคำพูดของหลินชิงเสว่
จากนั้นเขาก็เงียบไป
ความรู้สึกปลอดภัยสำหรับหลินชิงเสว่แล้วมันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก ก่อนที่เขาจะกลับมา ความรู้สึกปลอดภัยของเธอนั้นมาจากตัวเธอเองตลอด
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“ที่รัก”
ถังเฉาเรียกเบาๆ
“อะไรอีก?”
หลินชิงเสว่กลอกตาใส่เขา
“ไหน ๆ คุณก็เรียนจิตวิทยาแล้ว งั้นคุณลองเดาดูสิว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่?”
หลินชิงเสว่มองไปที่เขา มันแปลกมาก เพราะเธอดูออกว่าถังเฉากำลังคิดอะไรอยู่
“เดาไม่ออก”
เธอจดจ่ออยู่กับการขับรถ และสายตาก็มองตรงไปข้างหน้า
ถังเฉามองลงไปที่ท้องของหลินชิงเสว่
ทันใดนั้น สีหน้าของหลินชิงเสว่ก็เปลี่ยนไป “คุณทองท้องของฉันทำไม……”
พรืด……
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หลินชิงเสว่เองก็เห็นท้องที่โปนขึ้นเล็กน้อยของเธอ และทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็กลายเป็นสีเลือดทันที
เสียงพูดหยุดลงอย่างกะทันหัน เธอมองไปที่ถังเฉาด้วยความดุเดือด แต่เธอไม่พูดอะไรและตั้งใจขับรถต่อไป
เช้าวันต่อมา หลังจากส่งถังเสี่ยวลี้ไปที่โรงเรียนสอนพิเศษ ถังเฉาไม่ได้ตรงกลับบ้าน และไม่ได้ไปที่สำนักงานใหญ่เมืองซื่อจิ่วของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปในเยี่ยนจิง
ตอนนี้บริษัทลี่จิงกรุ๊ปพัฒนาได้ดีมาก หลังจากย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่เมืองซื่อจิ่ว พวกเขายังได้ทำสัญญากับหลายโครงการใหม่อีกด้วย
ส่วนตระกูลซ่ง ตระกูลซุน ตระกูลต่ง ตระกูลเหล่านี้ที่ถูกถังเฉากวาดเรียบตั้งแต่เนิ่น ๆ พวกเขาทั้งหมดก็ได้เขาสู่เมืองซื่อจิ่วอย่างเป็นทางการแล้ว
แม้จะเทียบกับเก้าตระกูลใหญ่ไม่ได้ แต่ถ้ารองลงมา พวกเขาก็เป็นตระกูลแถวหน้าเหมือนกัน
เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องให้ถังเฉาไปดูแลเองแล้ว
สิ่งที่เขาต้องจัดการคือเรื่องส่วนตัวของเขา
กริ๊งงงงง……
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และถังเฉาก็รับสายนั้น
เสียงที่คมชัดและอ่อนโยนของผู้หญิงดังมาจากในสาย “เจ้านายคะ ฉันมาถึงแล้วนะ แล้วเจ้านายจะมาถึงเมื่อไหร่คะ?”
ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง เธอยังไม่ถือเป็นผู้หญิง
แต่เธอยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงเท่านั้น
แม้ว่าอายุของเธอเกือบเท่ากับหลินชิงเสว่แล้วก็ตาม
“ที่ร้านกาแฟใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ๆ ร้านของหวานข้างร้านกาแฟค่ะ”
ถังเฉาขมวดคิ้วเบาๆ “แล้วทำไมถึงเปลี่ยนที่ล่ะ?”
“ก็ฉันเห็นร้านข้างๆ มีของหวาน ฉันเลยอยากกิน ก็เลยเปลี่ยนมาร้านนี้น่ะ” หงโฝพูด
ถังเฉาจึงทำได้เพียงไปที่ร้านขนมหวานร้านนี้
ไม่นานหลังจากนั้น สาวน้อยน่ารักคนหนึ่งที่แต่งตัวแปลกๆ ก็ยืนรออยู่ที่ข้างถนน
ไม่ว่าจะเป็นแขนหรือขาของเธอ มันเต็มไปด้วยเครื่องประดับทองแดงสีเงินต่างๆ เวลาเดินยังมีเสียงกรุ๊งกริ๊งดังอย่างไม่หยุด เสื้อผ้าบนตัวของเธอคือชุดกระโปรงยาวสีแดง บนชุดยังมีงู ตะขาบ แมงป่อง และสัตว์มีพิษที่น่ากลัวอื่นๆ ปักอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้ ยังมีกุญแจอายุยืนที่มีลวดลายแปลกๆ ห้อยอยู่ที่คอของเธอ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือได้ว่าคนในเมืองไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเด็กอายุ 12 ขวบแต่งตัวแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้ดูไม่เหมาะกับตัวเธออย่างที่สุด
ช่างไร้เดียงสาจริงๆ แต่ก็น่ารักดี
ในมือของเธอยังถือโยเกิร์ตกล่องใหญ่ และโยเกิร์ตที่เธอกินอยู่นั้นยังมีคราบสีขาวเลอะไปทั่วริมฝีปากของเธอ
ในขณะที่ถังเฉากำลังจะเรียกชื่อเธอ ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะสับปลับดังมาจากที่ไม่ไกล
“หนู มาคนเดียวเหรอ? แล้วพ่อแม่อยู่ไหน?”
ในขณะนั้น ชายอันธพาลสี่คนเดินเข้ามาหาเด็กผู้หญิงตัวน้อยอย่างมีเจตนาร้าย หนึ่งในนั้นยังถือกระเป๋าหนังงูที่ถูกปะไว้ด้วย
หงโฝเงยหน้าขึ้นและจ้องเขม็งไปที่แก๊งค้ามนุษย์ทั้งสี่คนนั้น “ฉันไม่มีผู้ปกครองหรอก พ่อแม่ของฉันเสียไปนานแล้ว”
ในขณะที่พูด เธอยังแลบลิ้นออกมาเลียคราบโยเกิร์ตที่ติดอยู่บนริมฝีปาก
เมื่อแก๊งค่ามนุษย์ทั้งสี่คนได้ยินว่าเธอไม่มีผู้ปกครอง ดวงตาของพวกเขาก็เกิดความสว่างขึ้นมาทันที ราวกับว่าพวกเขาได้เจอกับสมบัติที่มีค่าแล้ว
“พี่ใหญ่ครับ เธอบอกว่าไม่มีผู้ปกครองมาด้วย……เด็กน้อยหน้าตาดีขนาดนี้ ต้องขายได้ราคาดีแน่นอนเลยนะ……”
ชายร่างผอมเหมือนกับต้นไผ่พูดอย่างตื่นเต้นมาก
“หุบปากไปซะ ไม่ดูสารรูปตัวเอง!”
หัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์ถ่มน้ำลายใส่แล้วด่าลูกน้องเขา จากนั้นหยิบอมยิ้มออกมาและยื่นให้หงโฝด้วยรอยยิ้ม “หนูน้อย พ่อแม่ของเธอเสียแล้วจริงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ถูกกัดตายค่ะ”
หงโฝตอบ พ่อแม่ของเธอนั้นเป็นปรมาจารย์กู่หญ้าในเหมียวเจียง แต่ไม่ทันระวัง จึงถูกแมลงมีพิษกัดจนเสียชีวิต
พวกค้ามนุษย์พยักหน้าแล้วพูดว่า “โอ้ว น่าสงสารจริงๆ เลยนะ”
พวกเขาพูดด้วยรอยยิ้ม แต่อีกนิดเดียวกเกือบจะมีพิรุธแล้ว
คนค้ามนุษย์ปาดน้ำลายและชี้ไปที่ตรอกเล็กๆ ด้านข้างแล้วพูดว่า “หนูจ๋า งั้นเราเข้าไปที่นู่นกันดีไหม ด้วยคุณลุงหาอะไรอร่อยๆ ให้หนูกิน”
“ของอร่อยๆ เหรอ?”
หงโฝเริ่มสนใจและถามอย่างมีความหวัง “แล้วมันอร่อยกว่าโยเกิร์ตไหม?”
“……”
พวกค้ามนุษย์ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
“แน่นอนสิ มันต้องอร่อยกว่าโยเกิร์ติอยู่แล้ว!”
“งั้นก็รีบไปสิ จะรออะไรกันล่ะ!”
หงโฝดีใจมาก พวกค้ามนุษย์เห็นหงโฝเหมือนเห็นผี เด็กสาวคนนี้ทั้งสวยและน่ารักขนาดนี้ แต่ทำไมสมองถึงเทอะทะจัง
ถึงขั้นอยากให้พวกเขารีบลักพาตัวเธอไป
ก่อนที่จะพาหงโฝเข้าไปในตรอกนั้น ก็มีคนคนหนึ่งเดินมาขวางทางไว้และถอนหายใจพูดเบาๆ ว่า “ข้างหน้าใกล้ๆ นี้มีสถานีตำรวจ พวกคุณไปมอบตัวเถอะ ผมหวังดีกับพวกคุณนะ”
“……”
พวกค่ามนุษย์ทั้งสี่คนจ้องเขม็งไปที่ถังเฉาที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา หลังจากนั้นสักพัก สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“แมร้งเอ๊ย นี้แกเป็นใครวะ? ถึงกล้ามาสั่งให้พวกเราไปมอบตัว? เบื่อโลกแล้วสิท่า?”
“ให้ตายสิ พี่ใหญ่ ไอ้สวะคนนี้หน้าจืดขนาดนี้ มันไม่ใช่คนเดียวหรอก!”
ถังเฉาพูดต่ออย่างช่วยไม่ได้ว่า “งั้นคิดว่าผมเป็นผู้ปกครองของเธอก็แล้วกัน ถ้าพวกคุณยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ พวกคุณอยู่ห่างๆ จากเธอไว้จะดีกว่า”
“ผู้ปกครอง?”
พวกค้ามนุษย์ทั้งสี่คนถึงกับประหลาดใจและต่างก็มองหน้ากัน ปรากฏว่า ยิ่งทำให้พวกเขาดูโกรธมากขึ้น
“แกคิดจะหลอกใคร? เด็กคนนี้ไม่มีผู้ปกครองอยู่แล้ว พ่อแม่ของเธอก็เสียไปแล้ว นี่แกกล้ามาหลอกพวกเราซุปเปอร์สี่แห่งตงเฉินเหรอ?”
ด้วยเหตุนี้ พี่ใหญ่ของพวกค้ามนุษย์ก็เข้าใจและตวาดใส่ถังเฉาด้วยความโกรธว่า “โอ้ว ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เจอพวกอาชีพเดียวกันนี่เอง แต่แกไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม ถึงกล้ามาแย่งธุรกิจเราแบบนี้ แกลองไปถามคนในตงเฉินก่อนนะว่าใครเป็นเจ้าพ่อของที่นี่?”
“……”
ถังเฉาดูประหลาดใจมาก เขาอุตส่าห์จะช่วยพวกเขา แต่กลับถูกเข้าใจผิดและมองว่าเขาก็เป็นคนค้ามนุษย์เหมือนกัน แล้วจะมีคนค้ามนุษย์ที่หน้าตาดีขนาดนี้ด้วยหรือ?
ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมเชื่อ ถังเฉาคงต้องปล่อยพวกเขาไป แต่เขายังมองไปที่หงโฝแล้วขอให้เธออย่าทำพวกเขาถึงตาย ส่วนเขาจะไปรอที่หน้าร้านขนมหวานก่อน
“รีบไปกันเถอะ จะให้ฉันกินของอร่อยอะไรเหรอ?”
หงโฝดีใจจนรอแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
พวกค้ามนุษย์ทั้งสี่คนหัวเราะอย่างได้ใจมาก “เดี๋ยวเข้าไปแล้ว หนูก็จะรู้เอง”
หงโฝก็เดินเข้าไปในตรอกกับพวกค้ามนุษย์ทั้งสี่คน แล้วยื่นมือขอของกินกับพวกเขา
พี่ใหญ่ของพวกค้ามนุษย์ยิ้มอย่างสับปลับ แต่หลังจากนั้น ความป่าเถื่อนก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา
“ยังจะกินอะไรอีก พวกเราเนี่ยแหละจะกินเธอ!”
“เจ้าสี่ จับใส่กระสอบป่านแล้วเอาตัวไป!”
“ได้เลยพี่ใหญ่”
เจ้าสี่เปิดกระสอบป่านออกมา เพื่อตั้งใจจะจับหงโฝใส่เข้าไป
หงโฝตกใจจนเดินถอยหลังไป จากนั้นเอามือปิดตาแล้วตะโกนว่า “อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามานะ ฮือ ฮือ ฮือ……”
“ฮ่าฮ่า หนูน้อย ถึงหนูจะตะโกนให้คอแหกก็ไม่มีใครมาช่วยหนูหรอก”
“ใครบอกว่าฉันจะขอความช่วยเหลือ คิกๆ”
หงโฝยังคงปิดตาของเธอ แต่เสียงที่ได้ยินนั้นแปลกไปและน่ากลัวขึ้น
จากนั้นนิ้วของเธอค่อยๆ เปิดออก และสิ่งที่ปรากฏในระหว่างนิ้วของเธอคือใบหน้าอันมีรอยยิ้มแปลกๆ และเสียงหัวเราะคิกคัก
“คนที่ต้องขอความช่วยเหลือ คือพวกแกต่างหาก……”
ในรอยยิ้มของหงโฝ แฝงไปด้วยความกระหายสามสิบเปอร์เซ็นต์ ความตื่นเต้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือคือความหมกมุ่น ซึ่งมันเหมือนกับแวมไพร์สาวที่ไม่ดื่มเลือดมาหลายวันแล้ว จู่ ๆ ก็เห็นเลือดที่สดใหม่และอวบอิ่มตั้งอยู่ตรงหน้า
หงโฝดีดนิ้วและพูดว่า “ลูกๆ ทั้งหลาย อาหารมาแล้ว เนื้อก้อนใหญ่สี่ก้อน รับรองอิ่มหนําสําราญ!”
ทันทีที่พูดจบ ลึกเข้าไปในตรอกอันมืดมิด ทันใดนั้นก็มีไฟสีเขียวพุ่งออกมา ซึ่งมันเหมือนฝูงนกฮูก
ฟูม ฟูม ฟูม……
แสงสีเขียวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทันใดนั้น ฝูงแมลงทั้งตัวหนาและตัวบางที่มีรูปร่างแตกต่างกันได้คลานออกมาอย่างหนาแน่น และพวกมันก็มุ่งตรงไปหาพวกค้ามนุษย์ทั้งสี่คนนี้