เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 854 ขอหนังจากเสือ
ถึงอย่างไรลูกเหยี่ยวก็ต้องเติบโตจนกลายเป็นเหยี่ยวเต็มตัวอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าตอนแรกหลินจ้าวหยูนจะเหยียบย่างเข้ามาในที่ทำงานเพราะอะไร เมื่อผ่านประสบการณ์การฝึกมาสามเดือน ความสามารถในแต่ละด้านของหลินจ้าวหยูนก็ล้วนแต่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นชัด
นี่ก็คือสิ่งที่เว่ยหมิงจวินยินดีที่จะเห็น
หลินจ้าวหยูนเป็นลูกสาวที่เธอคลอดออกมา ต่อไปเธอจะอยู่อย่างดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหลินจ้าวหยูนแล้ว
ดังนั้นเว่ยหมิงจวินจะช่วงชิงทุกอย่างที่สามารถจะช่วงชิงได้เพื่อหลินจ้าวหยูน
หลินชิงเสว่ตกตะลึงน้อย ๆ จากนั้นบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มปลื้มอกปลื้มใจ
เช่นเดียวกันก็ยื่นมือบาง ๆ ข้างหนึ่งออกมาจับมือกับหลินจ้าวหยูน
“หลินชิงเสว่จากลี่จิงกรุ๊ป”
มือของสองพี่น้องพอแตะกันแล้วก็แยกจากกันทันที วันนี้พวกเธอล้วนแต่เป็นตัวแทนของบริษัทของฝ่ายตัวเองมาเจรจา ไม่สามารถที่จะเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมาปะปนได้
ถังเฉาที่เดิมทียังมีความกังวลอยู่บ้างพอมองเห็นฉากนี้แล้วจิตใจก็ผ่อนคลายลงมาได้ ผุดรอยยิ้มขึ้นมา ถ้าหากเป็นการแข่งขันในทางบวกเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่ถังเฉายินดีจะมองเห็น
การเจรจากันของบริษัททั้งสองแห่งเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
สองพี่น้องเริ่มโต้แย้งกันตั้งแต่เรื่องที่ลี่จิงกรุ๊ปเริ่มเปิดการดำเนินงานในเมืองซื่อจิ่ว
ที่จริงแล้วเรื่องราวเรียบง่ายมาก เดิมทีตลาดของเมืองซื่อจิ่วก็อยู่ในสถานการณ์ที่สมดุล
ทุกคนล้วนแต่มาจากตระกูลหลวงของเมืองซื่อจิ่ว การแข่งขันระหว่างตระกูลขอเพียงไม่ล้ำเส้นจนเกินไป ก็จะไม่รบกวนไปถึงตระกูลหลวง
แต่ว่าลี่จิงกรุ๊ปโดดเด่นมากเกิน ทำลายความสมดุลนี้
ตระกูลหลินไม่เห็นด้วยกับการที่ลี่จิงกรุ๊ปเข้ามาในตลาดเมืองซื่อจิ่ว แน่นอนว่าไม่ให้ความร่วมมือกับลี่จิงกรุ๊ปเช่นเดียวกัน
หลินจ้าวหยูนยืนหยัดในทัศนคตินี้
หลินชิงเสว่กลับตรงกันข้าม ลองกำจัดสิ่งกีดขวางนี้ดู คิดแผนงานที่ทำให้ทั้งสองบริษัทล้วนแต่ได้กำไรออกมาได้แผนหนึ่ง
การโต้แย้งกันของทั้งสองพี่น้อง ในที่สุดก็เป็นพี่สาวที่ชนะในกระดานนี้ไป
หลินชิงเสว่ยิ้มน้อย ๆ “ประธานหลิน ถ้าหากคุณคิดว่าแผนงานนี้เหมาะสม พวกเราสองบริษัทสามารถเริ่มร่วมมือกันดำเนินงานใหญ่ได้”
หลินจ้าวหยูนจมอยู่ในท่ามกลางความเงียบทันที ใบหน้าปรากฏความลำบากใจ “จุดยืนส่วนตัวของฉันเห็นด้วยกับแผนงานความร่วมมือนี้เป็นอย่างมาก แต่ว่าการจะร่วมมือกับบริษัทของคุณหรือไม่อย่างไร ฉันจะต้องรายงานกับเบื้องบนอีกที…”
“ไม่ต้องรายงานขึ้นไปแล้ว ฉันไม่ยินยอมจะให้ทั้งสองบริษัทร่วมมือกัน”
ทว่าเพิ่งจะสิ้นเสียง ด้านนอกของห้องประชุมก็มีเสียงผู้หญิงที่ไม่ลงรอยกันเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ตึก ๆ ๆ…
ผู้หญิงตะวันตกผมทองตาฟ้าเอวบางร่างน้อยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาประสานกับเสียงรองเท้าส้นสูงตอกกับพื้นอย่างถี่กระชั้น
การเจรจาถูกคนคนนี้ตัดฉับอย่างกะทันหัน สีหน้าของหลินชิงเสว่เยือกเย็นลงมา
สีหน้าของหลินจ้าวหยูนกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่น่ามองเป็นอย่างมาก
ถังเฉาหรี่ตาลงอย่างอันตราย สายตาที่ใช้จ้องมองผู้หญิงยุโรปผมทองตาฟ้าคนนี้วาบไปด้วยความมืดครึ้ม
“คุณแองเจล่า”
พนักงานระดับสูงทั้งหมดของตระกูลหลินค้อมกายเอ่ยทักทายกันหมด ท่าทีดูเคารพนบนอบเป็นอย่างยิ่ง
ไวโอเล็ตพยักหน้า จากนั้นก็หอบเอาเอกสารปึกหนึ่งเดินเข้ามา ตอนที่เดินผ่านถังเฉา ร่างกายก็ชะงักทันที มองเขาแวบหนึ่งด้วยสายตาหลากหลาย
เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้เพื่อนเก่าเยอะดีนะ…”
สายตาเย็นยะเยือกของถังเฉาวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว
ผู้นำสูงสุดของระดับห้าดาวของหว่างเหลี่ยงสามารถมาปรากฏตัวที่ตระกูลหลินได้ ทำให้ถังเฉาประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ตั้งอยู่บนเหตุผล
จากในข่าวที่ได้รับมาจากหลินโป๋หลาย ป่าผืนนั้นที่อยู่ด้านหลังของวิลล่าตระกูลหลินเมื่อก่อนเป็นเขตทดลองลับ ๆ ของหว่างเหลี่ยง
นี่เป็นสัญญาณหนึ่งที่ส่งมาถึงถังเฉาอย่างอ้อม ๆ ว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงสุดว่าพ่อตาของเขาจะมีความสัมพันธ์กับหว่างเหลี่ยง
ตอนที่ค้างคาวไปก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่กับกองทัพปราณมังกร ไวโอเล็ตก็ปรากฏตัวขึ้นมาพักหนึ่งในเวลาอันสั้น หลาย ๆ อย่างส่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่าช่วงนี้ไวโอเล็ตอาศัยอยู่ในตระกูลหลินมาโดยตลอด
ไม่มีทางที่ไวโอเล็ตจะมาที่ตระกูลหลินอย่างไร้ที่ไปที่มาได้ ถังเฉาอยากจะลองดูซิว่าเธอคิดจะทำอะไร
เธอใช้สายตาบอกใบ้ให้หลินจ้าวหยูนลุกขึ้นยืน ดูเหมือนว่าหลินจ้าวหยูนจะหวาดกลัวเธอ สุดท้ายก็ยกที่นั่งให้
ไวโอเล็ตนั่งอยู่ตรงข้ามกับหลินชิงเสว่ ยิ้มให้กับเธอ “ประธานหลินของลี่จิงกรุ๊ป ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ไหมคะ?”
“ตามสบายค่ะ”
หลินชิงเสว่เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ไวโอเล็ตยิ้มอย่างเหมาะสม จากนั้นก็เอ่ยด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วว่า “ฉันชอบวัฒนธรรมชอบต้าเซี่ยมาก โดยเฉพาะพวกสำนวนภาษา ฉันถึงขั้นที่ชื่นชอบ… ไม่ทราบว่าประธานหลินเคยได้ยินสำนวนหนึ่งที่เรียกว่า ‘ขอหนังจากเสือไหม’ ?” (*ขอหนังจากเสือ หมายถึงปรึกษาหารือกับคู่กรณี)
คิ้วของถังเฉากระตุกทีหนึ่ง สายตาที่มองไปยังไวโอเล็ตเต็มไปด้วยเจตนาร้าย
ดวงตาของหลินชิงเสว่เยือกเย็นลง ยิ้มจาง ๆ “คุณแองเจล่ากำลังบอกว่าลี่จิงกรุ๊ปของฉันคือ ‘เสือ’ หรือคะ?”
“ยังเป็นเสือที่มีความทะเยอทะยานอันแรงกล้าตัวหนึ่ง แต่กลับเป็น ‘ลูกเสือ’ ที่ยังไม่โต”
ไวโอเล็ตหรี่ตาพูดขึ้น
“…”
ความเย็นยะเยือกบนใบหน้าของหลินชิงเสว่เข้มข้นขึ้น
หลินจ้าวหยูนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เอ่ยด้วยความโมโหว่า “เธอก็เป็นแค่รักษาการประธานที่มาจากไหนก็ไม่รู้คนหนึ่ง มีคุณสมบัติอะไรมาต่อว่าบริษัทของพี่สาวของฉันอย่างนี้?”
ไวโอเล็ตไม่ได้โมโห ช้อนสายตาขึ้นมองเธออย่างหยอกเย้าทีหนึ่งแล้วเอ่ยถามกลับไปว่า “หรือว่าฉันพูดผิดหรืออย่างไรคะ? ฉันยอมรับว่าการที่บริษัทของพี่สาวของคุณทำมาตั้งแต่เป็นบริษัทที่เล็กมาก ๆ ของเมืองหมิงจูจนมาถึงตอนนี้เป็นเรื่องที่น่ายกย่องมาก ๆ เรื่องหนึ่ง ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มองความพยายาม มองเพียงผลลัพธ์เท่านั้น… ถึงแม้ว่าลี่จิงกรุ๊ปจะสามารถงัดข้อกับตระกูลหลวงได้ แต่ถ้าดูตามเนื้อผ้าก็ยังถือว่าบกพร่องไปหน่อย ไม่ใช่ลูกเสือแล้วจะเป็นอะไร?”
“อีกอย่างเธออย่าลืมไปนะว่าถึงแม้ฉันจะมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ก็เป็นคนที่พ่อของเธอเคารพ”
สายตาของไวโอเล็ตเฉียบคมขึ้นมาไม่น้อย “ทางที่ดีที่สุดเธอให้ความเคารพกับฉันสักหน่อยจะดีกว่า ฉันสามารถปลดผู้จัดการใหญ่อย่างเธอคนหนึ่งได้ตลอดเวลา”
“…”
ฝีปากที่เป็นเลิศ รวมถึงความกดดันของหน้าที่การงานทำให้หลินจ้าวหยูนพูดไม่ออกในทันที ทำได้เพียงหุบปากไป
“ประธานหลิน พวกเราต่อกันเถอะ”
ไวโอเล็ตผุดรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง มองหลินชิงเสว่พลางเอ่ยว่า “พวกเราเข้าใจความรู้สึกที่บริษัทของคุณอยากจะเปิดตลาดเมืองซื่อจิ่วนะ แต่ว่าพวกเราไม่สามารถช่วยเหลือให้ลูกเสือที่มีจิตใจทะเยอทะยานตัวหนึ่งเติบโตขึ้นมา เกรงว่าวันแรกที่ลูกเสืออย่างพวกคุณเติบโตมาเป็นคนแล้วก็จะกลืนคนดูแลเสืออย่างพวกเราเข้าไป”
หลินชิงเสว่กลั้นความโมโหอย่างรุนแรงในใจเข้าไป แล้วเอ่ยกับไวโอเล็ตว่า “คุณเข้าใจความหมายของพวกเราผิดแล้วล่ะค่ะ นี่เป็นแผนหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราทั้งสองฝ่าย…”
“นั่นก็ปิดบังความคิดของพวกคุณที่อยากจะสานสัมพันธ์กับ ‘เรือใหญ่’ ตระกูลหลินลำนี้ไม่ได้”
ไวโอเล็ตตัดบทสนทนาของหลินชิงเสว่อย่างไม่มีความเกรงใจเป็นอย่างมากพลางเอ่ยว่า “ฉันเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่ผู้ใจบุญ ตระกูลหลวงไม่มีทางให้บริษัทของคนธรรมดา ๆ บริษัทหนึ่งมาทัดเทียมกับพวกเขาได้แน่”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเจรจากันแล้ว”
หบินชิงเสว่เด็ดขาดเป็นอย่างมาก ในเมื่ออีกฝ่ายได้คืบจะเอาศอก เธอเองก็ไม่ใช่พวกสัตว์กินพืช
เห็นได้ชัดว่าไวโอเล็ตคิดไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่จะเดินออกจากห้องไปตรง ๆ รีบเรียกเธอเอาไว้ “ประธานหลิน หยุดก่อน!”
“ยังมีอะไรที่น่าพูดอีก?”
หลินชิงเสว่เอ่ยอย่างเย็นชา
ไวโอเล็ตเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ความร่วมมือของสองบริษัทก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหนทางนะ ฉันมีวิธีดี ๆ วิธีหนึ่งที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”
“วิธีอะไร?”
ไวโอเล็ตไม่ได้เอ่ยต่อไป แต่กลับมองไปยังถังเฉาแล้วเอ่ยว่า “ก่อนที่จะให้ฉันพูดวิธีออกมา ทุกคนออกไปกันให้หมดก่อนเถอะ ฉันอยากจะสนทนากันกับคุณถังคนนี้สักหน่อย”
พอคำนี้ลั่นออกมา สีหน้าของถังเฉาก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในทันที
การเจรจาที่เดิมทีควรจะเป็นระหว่างซีอีโอด้วยกันก็กลายเป็นฉุดเขาเข้ามาอย่างกะทันหัน?
“คุณคิดจะทำอะไร?”
ถังเฉาหรี่ตาลงอย่างอันตราย มองพิจารณาไวโอเล็ตแล้วเอ่ยถามขึ้น