เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 866 มองจากจุดเล็กๆให้เห็นภาพรวม
เสียงอันโอหังที่เจือความเมาสะท้อนไปทั่วห้องโถงชั้นหนึ่งของชมรมหมากรุกเป่ยโต่ว
ความก้องของเสียงนั้นถึงขั้นดังไปถึงคนที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่ที่ชั้นสองและชั้นสาม
การเล่นหมากรุกต้องใช้ความเงียบ แบบนั้นจึงจะทำให้สมองของเรานั้นประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว เลือกทางที่ถูกต้องที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุด
ความวุ่นวายจากข้างนอกนั้นง่ายต่อการส่งผลกระทบต่อกระบวนความคิดมาก สุดท้ายก็มีคนเล่นหมากรุกอารมณ์ร้อนที่ทนไม่ไหว ลุกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวและด่าทอลงไปยังด้านล่าง “เสียงดังอะไรนักหนาวะ?”
แคร่ก!
ขวดเหล้าขวดหนึ่งถูกโยนเข้ามาทันที เฉียดหนังหัวของชายคนนั้นไป เขาตกใจจนเหงื่อท่วมในพริบตา
จึงไม่กล้าโวยวายอะไรอีก และมองคนที่กำลังโหวกเหวกอย่างโอหังอยู่ด้วยท่าทางตาโตอ้าปากค้างเหมือนกับคนเล่นหมากรุกที่ได้รับผลกระทบคนอื่นๆ ว่าคนผู้นี้เป็นคนใหญ่คนโตจากไหนกัน?
น้ำพุชั้นหนึ่ง ฉู่หยางเมาจนหน้าแดงก่ำ ร่างโอนเอนยืนแทบไม่อยู่ ราวกับสามารถล้มลงไปได้ทุกเมื่อ
แต่สติสัมปชัญญะของเขายังชัดแจ้ง ตาคู่นั้นมองทุกคนที่จ้องเขาอยู่ประหนึ่งเรดาร์
บอดี้การ์ดด้านหลังคอยคุ้มครองเขาทั้งทาง แต่เมื่อรู้ว่าที่ที่พวกเขากำลังอาละวาดกันอยู่เป็นสถานที่ของตระกูลฉิน ก็หนังหัวชาวาบขึ้นมาทันใด
พวกเขาคิดจะเกลี้ยกล่อมคุณชายให้พอได้แล้วและรีบไปจากที่นี่ซะ แต่พอเห็นท่าทางบันดาลโทสะของคุณชาย ก็เลิกล้มความคิดนั้น
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้น ประตูลิฟท์เปิดออก ผู้ชายที่ท่าทางเป็นคนดูแลที่นี่เดิมเข้ามาด้วยท่าทางที่ทั้งตกใจและโมโห ผู้จัดการที่ก่อนหน้านี้ไปรายงานสถานการณ์ให้ฉินกวนฉีนั่นเอง
เขาก็เป็นแค่คนรับจ้าง ในใจนั้นระทมสุดๆ
ฝ่ายหนึ่งก็เจ้านายตัวเอง นายทุนเบื้องหลังที่ใหญ่ที่สุด ฝ่ายหนึ่งคือคุณชายเจ้าสำราญแห่งตระกูลฉู่ เขาไม่อาจล่วงเกินใครได้ทั้งนั้น
ได้แต่ขอร้องด้วยท่าทีต้อยต่ำ “คุณชายฉู่ ท่านมาเล่นหมากรุกหรอครับ? ถ้ามาเล่นหมากรุกผมจะจัดห้องว่างให้ครับ”
ฉู่หยางกลับผลักเขาออก “เล่นหมากรุกบ้าบออะไรกัน ฉันมาพบคุณถังโว้ย คุณถังอยู่ไหน? พาฉันไปพบเขา!”
“คุณถัง?”
ผู้จัดการร้อนใจจนเหงื่อชุ่ม เขาหยิบรายชื่อแขกของคืนนี้มาก็ไม่มีคนแซ่ถังนะ
มีคุณถังที่ไหนกัน?
ดังนั้น เขาจึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณชายฉู่ครับ ท่านมาผิดที่หรือเปล่าครับ? คุณถังที่ท่านตามหาอยู่อาจอยู่ที่ชมรมอื่นก็ได้ ที่แห่งนี้เป็นชมรมหมากรุก ไม่ใช่ร้านเหล้าครับ…..”
“ไปไกลๆเลย แกจะบอกว่าฉันเมารึไง?”
“ฉันจะบอกให้นะ ฉันไม่ได้เมาโว้ย ฉันมีสติดี รีบบอกฉันมาว่าคุณถังอยู่ไหน ไม่อย่างนั้นฉันจะทำลายที่นี่ทิ้งซะ”
ฉู่หยางชี้ผู้จัดการชมรมหมากรุกเป่ยโต่ว พูดด้วยท่าทางโอหัง
“……..”
ผู้จัดการแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ที่นี่ไม่มีคุณถังที่ท่านตามหาอยู่จริงๆนะครับ”
“เดี๋ยวก่อน!”
ในขณะนั้น คุณชายผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบเหมือนกันเดินออกมา สายตาประเมินฉู่หยางอย่างอึมครึม “เมื่อกี้นายบอกว่าผู้แกร่งแกร่งผู้โด่งดังแห่งเมืองซื่อจิ่ว ‘เจ้ามังกร’ คนนั้น นายเป็นคนเชิญเขามาหรอ?”
“ใช่ ทำไมหรอ?”
ฉู่หยางพูดอย่างไม่แยแส และประเมินคุณชายที่กำลังพูดกับเขาอยู่ด้วยการมองเห็นที่เริ่มเห็นเป็นภาพซ้อน
ด้วยความจำที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด เขาจำได้ว่าคนคนนี้ชื่อหยานดันเฉิน เป็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลหยาน และตระกูลหยานก็พึ่งพิงและรุ่งโรจน์ขึ้นได้เพราะตระกูลฉิน
“นายโม้ต่อไปเถอะ ผู้แข็งแกร่งผู้โด่งดังที่ชื่อ ‘เจ้ามังกร’ ไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง คนเจ้าสำราญไร้อนาคตอย่างนายจะเชิญเขามาได้อย่างไร?”
หยานดันเฉินพูดอย่างดูถูก ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด
เมื่อเขาพูดแบบนี้ คนรอบข้างที่มุงกันอยู่ก็ถึงบางอ้อ สายตาที่มองฉู่หยางพากันเปลี่ยนไป
นั่นสิ ฉู่หยางเป็นแค่ขยะจะไปเชิญผู้แข็งแกร่งผู้โด่งดังอย่างเจ้ามังกรมาได้อย่างไร?
หยานดันเฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉันว่านายคงไม่ได้คิดจะอาศัยอิทธิพลของเรื่องนี้เพื่อมาอาละวาดในสถานที่ของพี่กวนฉีหรอกนะ?”
หลังจากจบเขาก็หนาวเย็นและเย็นก็เห็นได้ชัดว่ามีความสูงแทนฉินกวนหมากรุก
เพียะ!
ทว่า เมื่อสิ้นเสียงเขา ฉู่หยางก็ตบหน้าของหยานดันเฉินฉาดใหญ่
เสียงดังตู้มขึ้นอีกครั้ง เขาถีบหยานดันเฉินกระเด็น
กระบวนท่าทั้งหมดนี้เขาเคลื่อนไหวไปในอึดใจเดียว ลื่นไหลอย่างมาก ทำเอาทุกคนที่ดูอยู่ในที่นั้นตาค้างกันหมด
หยานดันเฉินโดนทำร้ายอย่างหนักทั้งร่าง ตกลงไปในน้ำพุดังตู้ม จนน้ำสาดกระเซ็นขึ้นมาฉอดใหญ่
เขาปีนขึ้นจากน้ำด้วยเนื้อตัวเปียกโชก ท่าทางทุลักทุเลสุดๆ เขาจ้องหน้าฉู่หยางอย่างเคืองโกรธ “นายบังอาจลงมือกับฉันหรอ?”
ใบหน้าของฉู่หยางเต็มไปด้วยความโกรธ เขาตะคอกใส่หยานดันเฉินอย่างเดือดดาล “ฉันจะพูดอีกครั้ง ฉันเป็นคนเรียกเจ้ามังกรมาจริงๆ แค่เรื่องนี้ห้ามปฏิเสธ”
“……”
เห็นหน้าตาบิดเบี้ยวของเขาแล้ว ไม่มีใครกล้าโต้แย้งอะไรอีก
“คุณถังอยู่ที่ไหน?”
ฉู่หยางกระชากคอเสื้อของผู้จัดการและคาดคั้น
“…..”
ผู้จัดการกระอึกกระอัก ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน
ความโกรธเกรี้ยวทำให้แอลกอฮอลล์ในหัวจางหายไป ฉู่หยางโยนผู้จัดการออกไป
“พวกเราไปหากันเอง!”
พูดจบก็พาตัวบอดี้การ์ดไปตามหาทีละห้อง
—-
ชั้นสาม ห้องส่วนตัวระดับสูงสุด
เสียงพิณดังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางครั้งเนิบ บางครั้งรัวเร็ว ฟังแล้วไม่ได้ให้ความรู้สึกจิตใจสงบ ทว่าเกิดความรู้สึกเลือดร้อนมากกว่า
เกมหมากรุกเกมหนึ่งกำลังจะเริ่มขึ้น
นี่เป็นเพียงเกมหมากรุกธรรมดา แต่ไม่รู้ทำไม เนื่องจากการมาของถังเฉาทำให้หมากรุกเกมนี้ดูมีความหมายแตกต่างออกไป
นี้ไม่ได้เป็นเพียงเกมหมากรุก แต่เป็นการดวลระหว่างผู้ชายทั้งสองคน
ระหว่างผู้ชายมักจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ดูเลื่อนลอยให้แก่งแย่งกัน หมากรุกสักเกมก็เช่นกัน ฝ่ายที่ผู้ชนะก็จะทรงพลังขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ฉินผู่หยางและฉินกวนฉีเพ่งพินิจสถานการณ์ของกระดานหมากรุก
สุดท้าย ถังเฉาเป็นฝ่ายเดินหมากก่อน
คนที่จะเดินเกมก่อนไม่ได้มีโอกาสได้เปรียบ กลับจะทำให้ผู้อื่นเดาหมากขั้นต่อไปออก
ฉินกวนฉีจ้องกระดานหมากรุกเขม็ง คาดการณ์การเดินหมากครั้งต่อไปของถังเฉา
ตรึกตรองอยู่พักหนึ่ง เขาก็เดินหมากเช่นกัน
หลังจากเดินกันไปหลายครั้ง ฉินกวนฉีก็พอรู้จังหวะและนิสัยการเดินหมากของถังเฉาแล้ว รอยยิ้มที่คุมสถานการณ์อยู่เริ่มปรากฏบนใบหน้าของเขา
แม้แต่ฉินผู่หยางและฉินเจียนเวยที่นั่งอยู่ข้างๆก็ดูออกว่าถังเฉาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ทว่า ถังเฉายังคงมีสีหน้าสงบ ไม่แตกตื่นเลยสักนิด อย่างเดียวที่ได้เปรียบกว่าฉินกวนฉีก็คือความเร็วในการเดินหมาก เขาแทบจะไม่คิดในแต่ละก้าวที่เคลื่อนไหว
“ใกล้จบแล้ว”
แทบจะเป็นความคิดของทุกคนในที่นี้
แต่นับจากตรงนี้ไป สถานการณ์บนกระดานกลับพลิกผันไปอย่างรวดเร็ว
ถังเฉาเปลี่ยนจากสไตล์การเล่นอันเกียจคร้านก่อนหน้านี้มาเป็นฝ่ายรุกบ้าง ความเร็วในการเดินหมากก็ไวขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดสีหน้าของฉินกวนฉีก็เปลี่ยนแปลงไป ทว่าสายไปเสียแล้ว
สายตาถังเฉาเร่าร้อนดั่งคบเพลิง เขายกหมากขึ้นเดิน ทิ่มแทงเข้าไปในจุดสำคัญของเขตแดนฝ่ายฉินกวนฉีราวกับกระบี่คม
“รุกฆาต”
ถังเฉาเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “นายแพ้แล้ว”
“……”
ภายในห้องส่วนตัวเงียบสงัด ทุกคนมองกระดานหมากรุกที่บัดนี้ยุ่งเหยิงนิดหน่อยด้วยสายตาเหลือเชื่อ คิดไม่ตกจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉินกวนฉียิ่งมีสายตาเลื่อนลอยแล้วใหญ่ ไม่กล้าปักใจเชื่อกระดานหมากรุกตรงหน้านี้
ปึ้ง!
และเป็นชั่วขณะนั้น ประตูห้องส่วนตัวโดนถีบออก ฉู่หยางผู้เมามายเดินเข้ามา