เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 868 สนามของฉัน
ฟึ่บ—-
สิ้นประโยคของถังเฉา บรรยากาศในห้องส่วนตัวก็พิศวงขึ้นในบัดดล
ฉินผู่หยางตาโต หน้าตาไม่อยากจะเชื่อ
ถังเฉาพูดแฝงนัย ไม่ได้แค่เสียหมากกระดานนี้ แต่เสียทั้งตระกูลฉินนี่หมายความว่าอย่างไร?
ไม่รู้ทำไม ตอนนี้หัวใจของฉินผู่หยางเต้นรัวเร็ว สายตาที่มองถังเฉายังเปี่ยมไปด้วยความเลือดร้อน
เขาฟังออกแล้วว่าทำไมถังเฉาถึงมานี่ในคืนนี้ ต่อหน้าทำเป็นบอกเขาว่ายุติการเป็นพันธมิตร แต่เอาเข้าจริง ก็มาเพื่อเขา
แน่นอนว่าฉินผู่หยางไม่โง่พอที่จะคิดว่าถังเฉาให้ความสำคัญกับตัวเองถึงยื่นมือช่วยเหลือ
อย่างไรซะเงื่อนไขของการเป็นพันธมิตรระหว่างพวกเขามีผลประโยชน์อันใหญ่หลวงอยู่เบื้องหลัง ตระกูลฉินต้องศิโรราบแด่เขาอย่างสมบูรณ์
หากไม่มีคำมั่นสัญญานี้ ทั้งสองยังคงเป็นศัตรู และเป็นไปไม่ได้ที่จะกลายมาเป็นพันธมิตร
แต่บางครั้งโชคชะตาก็อัศจรรย์แบบนี้แหละ เมื่อห้าปีก่อน ถังเฉาตัดขาข้างหนึ่งขอฉินผู่หยาง จนเขาต้องถอยออกจากหน้าเวทีอย่างสลด ทั้งสองผูกใจเจ็บมานับแต่นั้น
คิดไม่ได้ถึงเลยว่าตอนนี้พวกเขาจะกลายมาเป็นพันธมิตร ไม่ได้หมายความว่าเขาปล่อยวางความแค้นในอดีตได้แล้ว แต่เมื่อเทียบกับการแก้แค้น เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าให้ทำ
ฉินกวนฉี—-อันตรายกว่าถังเฉา
สิ่งที่ผูกมัดทั้งสองคนไว้ได้มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น
ผลประโยชน์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด!
ในขณะเดียวกัน ห้องส่วนตัวก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
บทเพลง ได้ปิดฉากลงแล้ว มือเรียวของคนบ้าดนตรีออกห่างจากกู่เจิ้ง มีผ้าแพรบางๆปกคลุมใบหน้า เผยให้เห็นเพียงตาคู่งามที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณที่กำลังมองถังเฉาอย่างเรียบนิ่ง
เธอไม่แปลกใจกับการกระทำของถังเฉาเลยสักนิด
ฉู่หยางกลับฟังไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง ยังคงมองถังเฉาด้วยความเมามาย หยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าเป็นบางครั้ง
ทุกคนต่างมุ่งสายตาไปที่คนเพียงคนเดียว
ฉินกวนฉี
สีหน้าของเขามืดมน จ้องกระดานหมากรุกอย่างเอาเป็นเอาตาย ประกายดุดันฉายชัดอยู่ในแววตา ราวกับพร้อมจะตะครุบกินใครเข้าไป
“หมากนี้ทำไมถึงวางอยู่ที่นี่ ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ?”
ฉินกวนฉีชี้ไปที่หนึ่งในหมากของเขาและถามอย่างอึมครึม
‘หมากแสนแย่’ ก้าวนี้แหละที่นำไปสู่ชัยชนะถล่มทลายของถังเฉา เป็นผลให้เขาบุกทะลวงเข้ามาอย่างดุดัน
หากไม่มีหมากแสนแย่ก้าวนี้ ด้วยความสามารถของฉินกวนฉี ไม่รู้ว่าแพ้แน่นอนหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็สามารถต้านทานไปได้อีกสักระยะ
ถังเฉายกแก้วชาขึ้นดื่มเบาๆ กล่าวขึ้น “นายลืมไปแล้วหรอ ตอนที่นายยืนขึ้นก็ได้วางหมากตัวนั้นลงแล้ว”
“บางทีตอนนั้นแม้แต่นายเองก็อาจไม่ทันสังเกต สมาธิทั้งหมดไปอยู่กับบอดี้การ์ดของฉู่หยางและคนจัดกระดานหมากรุกคนนั้น กว่านายจะได้สติกลับก็ได้วางหมากลงไปแล้ว”
ฟึ่บ—-
เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกไป ฉินกวนฉีก็นึกขึ้นได้ และมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก หน้าตาของเขาอึมครึมจนถึงขีดสุด
ก่อนหน้านี้ฉู่หยางมีเรื่องกับคนจัดกระดานหมากรุก จนทำให้สภาพแวดล้อมของการเล่นหมากรุกหนวกหูสุดๆ จนขัดจังหวะความคิดของฉินกวนฉี เขาถึงได้โกรธจัดจนตั้งใจที่จะสั่งสอนพวกเขาสองคน
หมากสีดำในมือก็วางลงโดยไม่รู้ตัว
ความผิดพลาดระดับล่างเช่นนี้เขาจะทนได้อย่างไร
“ไม่ได้! ก้าวเมื่อกี้ไม่นับ เรามาเล่นกันใหม่”
ฉินกวนฉีพูดอย่างโมโห
“เล่นใหม่?”
ถังเฉาหลุดหัวเราะ ก่อนที่สายตาจะเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ “ทำไมหรอ เป็นถึงยอดฝีมือด้านหมากรุก ไม่เข้าใจหรอว่า ‘ไม่นึกเสียใจกับการเดินหมาก’ นั้นหมายความว่ายังไง?”
“…..”
ลมหายใจของฉินกวนฉีพลันชะงักไป สายตาอึมครึมยิ่งกว่าเดิม
เขาต้องเข้าใจความหมายของประโยคนี้อยู่แล้ว แต่ด้วยศักดิ์ศรีของเขา จะทนไหวได้ยังไง
“หรือว่า นายกำลังกลัว?”
ฉินกวนฉีมองถังเฉาด้วยสายตามืดมนพลางเอ่ยขึ้น “หากมาเล่นกันอีกตาอย่างสง่าผ่าเผย นายกลัวว่าจะแพ้ฉันรึ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินกวนฉีแล้ว ถังเฉาไม่ได้โกรธแต่กลับหัวเราะออกมาเบาๆ “นายไม่ต้องมาใช้วิธีท้าทายเพื่อยั่วฉันหรอก การเล่นหมากรุกสำคัญที่สภาพจิตใจ หากใจสงบ ต่อให้อยู่ในที่สุดชุลมุนก็สามารถทำใจให้นิ่งได้ นายยกยอว่าฝีมือการเล่นหมากรุกของตัวเองนั้นไม่มีใครเทียบเทียม นี่น่ะหรือฝีมือการเล่นหมากรุกที่นายภูมิใจนักหนา อาจารย์ผู้สอนวิชาหมากรุกให้กับนายคงต้องโมโหจนกระอักเลือด”
“……”
ภายในห้องส่วนตัวอันเงียบสงบ เสียงเย้ยหยันของถังเฉาดังก้องไปทั่ว
ทุกคนต่างมองผู้ชายสองคนนี้ด้วยสีหน้าตะลึง อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ผู้ชายสองคนนี้ล้วนเป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวเองมาก ตั้งแต่นาทีที่ก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัวแห่งนี้ ก็แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันอยู่ตลอดเวลา
เพียงแต่การเป็นการดวลย่อมต้องมีแพ้มีชนะ คิดไม่ถึงว่าถังเฉาเป็นฝ่ายชนะ
และทำให้ฉินกวนฉีผู้เย่อหยิ่งต้องพ่ายแพ้ในด้านการเล่นหมากรุกที่เขาถนัดที่สุด
แถมยังพูดเสียดสีถากถาง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้ทำให้ฉินกวนฉีบันดาลโทสะซะแล้ว
“ฝีมือการเล่นหมากรุกของฉันมีปัญหาอะไรหรอ?”
ฉินกวนฉีลุกขึ้นยืนช้าๆ มองถังเฉาด้วยสายตาเย็นยะเยือกอย่างผู้เหนือกว่า
ชีวิตเขาในคืนนี้ราบรื่นมาก และก็ไม่ราบรื่นเลยเช่นเดียวกัน
พูดให้ถูกคือก่อนที่ถังเฉาจะมา ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
บีบให้ฉินเจียนเวยต้องถอยออกไป แล้วให้ฉินผู่หยางศิโรราบต่อตัวเอง ลุล่วงในอึดใจเดียวอย่างที่คาดการณ์ไว้
แต่หลังจากถังเฉามา เขาก็ไม่ราบรื่นเลยสักนิด
เริ่มจากคุณชายเจ้าสำราญของตระกูลฉู่แห่งตระกูลหลวงกล้าอาละวาดในถิ่นของเขา และต่อมายังถึงขั้นตรงเข้ามาในห้องส่วนตัวของเขา พูดจาเสียมารยาทกับเขา จนสุดท้ายทำให้เขาไม่มีสมาธิ วางหมากที่ทำให้โดนรุกฆาต และเสียหมากรุกเกมนี้ไป
หมากรุกเป็นสิ่งที่ลึกลับมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นเกมหมากรุกทั่วไป ทว่ากลับเป็นการดวลสติปัญญา
เช่นเดียวกับการต่อสู้ของกองทัพทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างวางกลยุทธ์ แผลงอิทธิฤทธิ์ของตน
ทหารแค่คนเดียวก็สามารถส่งผลกระทบต่อชัยชนะของเกมหมากรุก
หากแพ้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อหัวใจและอารมณ์ของคนทั้งคน
ฉินเจียนเวยค้นพบอย่างประหลาดใจว่าฉินกวนฉีในเวลานี้มีใจว้าวุ่นไปหมด ไม่ว่าจะพูดอะไรหรือทำอะไรล้วนทำด้วยแรงอาฆาต
ฉินผู่หยางเฝ้ามองสถานการณ์ในขณะนี้เงียบๆ คืนนี้ยังมีตัวแปรมากมายที่เปลี่ยนแปลงไป
ถังเฉาหัวเราะเบาๆ ค่อยๆชี้สองนิ้วออกมาอย่างช้าๆ
“สาเหตุที่ทำให้นายต้องเสียเกมหมากรุกนี้มีอยู่สองอย่าง”
“นอกเหนือจากที่ฉันบอกว่านายอารมณ์ร้อนจนเดินหมากเสียนั้น ยังมีอีกอย่างคือนายใจร้อน เกินไป”
“…..”
ฉินกวนฉีสายตาหม่นลง ทว่าไม่พูดอะไร
เพราะถังเฉาพูดถูก เกมหมากรุกนี้ที่เขาเล่นกับถังเฉาเขาใจร้อนเกินไปจริงๆ
“มีคำพูดหนึ่งในวิถีหมากรุกที่กล่าวไว้ว่า ‘หวังแค่ความไวไม่อาจถึงที่หมาย’ การเล่นหมากรุกก็เหมือนกับกองทัพสองฝ่ายต่อสู้กัน ไม่ใช่สิ่งที่จะตัดสินผลลัพธ์ได้ในเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น ต้องรู้จักบริหาร”
ถังเฉากล่าวอย่างจริงจัง “และทุกก้าวที่นายเดินหมาก ฉันมองไม่เห็นการบริหารเลย มีเพียงการจู่โจมท่าเดียว จู่โจมและจู่โจมตี นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมนายถึงถูกกำราบไว้ตั้งแต่ทีแรก”
“วิถีหมากรุกก็เหมือนใจคน สิ่งที่นายคิดในใจทั้งหมดล้วนแสดงออกมาบนกระดานหมากรุก พอดีเลย ฉันเคยเรียนจิตวิทยามาบ้างเล็กน้อย ตอนนี้ฉันจะวิเคราะห์จิตใจของนาย”
พูดมาถึงตรงนี้ ถังเฉาก็ส่งยิ้มอย่างมีความหมายให้ฉินกวนฉี
“พวกเราเคียดแค้นต่อกันมานาน ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่นายลงมือกับฉัน ทว่าล้มเหลวทุกครั้ง ฉันกลับช่วยหนึ่งในศัตรูของฉันฉินผู่หยางในการกำราบนาย สำหรับนายแล้วเรื่องนี้ไม่อาจให้อภัยได้ นายแค้นฉัน แค้นน้องชายของนายฉินผู่หยาง ดังนั้นนายจึงอยากลงมือกับฉันแทบบ้า และเดิมพันทุกอย่างกับหมากรุกเกมนี้”
“ด้วยเหตุนี้ ทุกการเดินหมากรุกของนายจึงเต็มไปด้วยแรงอาฆาตและจิตสังหาร ทีแรกยังฮึกเหิมอยู่ หลังจากนั้นก็อ่อนลง จนสุดท้ายหมดเรี่ยวแรง หากนายโดนฉันกินกลับเพียงครั้งเดียว นายก็จะกลัวหัวหด เป็นไปไม่ได้ที่นายจะไม่รู้หลักการนี้ แต่นายก็ยังจะทำเช่นนี้—-นายต้องกลัวฉันมากขนาดไหนกันถึงทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้”
“……”
ทั้งห้องส่วนตัวนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงเรียบๆของถังเฉาที่ดังอยู่
เขามองฉินกวนฉีอย่างนึกสงสาร สายตานั้นราวกับจะบอกว่าดูสิ เขาเหมือนสุนัขข้างทางเลย
เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อหัวใจอันภาคภูมิใจและเปราะบางของฉินกวนฉีอย่างมาก
“นายพูดเหลวไหล….. ”
“ดูสิ นายโกรธอีกแล้ว”
ถังเฉาหัวเราะและขัดจังหวะคำพูดของเขา ราวกับการที่ฉินกวนฉีโกรธเป็นเรื่องที่ตลกมากในสายตาเขา
ฉินผู่หยางไม่ได้หัวเราะ ในทางตรงกันข้าม เขาเสียวสันหลังวาบ
เขาดันเข้าใจความรู้สึกของฉินกวนฉีได้เป็นอย่างดี เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยใช้ชีวิตอยู่ใต้ความหวาดกลัวที่ต้องถูกถังเฉาปกครอง—-และต้องเสียขาสองข้างไปเพราะเหตุนี้
รอยยิ้มของถังเฉาหายไปทีละนิด เขาเปลี่ยนน้ำเสียง “นายกลัวฉันจากก้นบึ้งของหัวใจ จึงพ่ายแพ้หมากเกมนี้ และเช่นเดียวกัน ก็จะต้องเสียทั้งตระกูลฉินไปด้วย”
ตู้ม!
เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกไป ไม่ใช่แค่ฉินกวนฉีที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก สีหน้าของฉินเจียนเวย ฉินผู่หยางต่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงเช่นเดียวกัน
พวกเขารู้ว่าเมื่อก่อนถังเฉาทำงานอะไร เขาคนเดียวสามารถนำหน่วยเล็กๆที่มีจำนวนห้าร้อยคนทะลวงกองทัพใหญ่ที่มีนับหมื่นคนเข้าไปได้ ฝ่าเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าและไม่มีใครบาดเจ็บสักคน
เขาสามารถเข้าไปในฐานทัพฝ่ายศัตรูเพียงลำพัง และเด็ดหัวของผู้นำทัพอีกฝ่ายท่ามกลางทหารนับหมื่นโดยไม่มีเลือดเปื้อนเสื้อเลยสักหยด
เขาเป็นที่หวั่นเกรงของสิบแปดประเทศรวมถึงทั้งโลก ตราบใดที่ต้าเซี่ยมีเขาอยู่ก็จะยังอยู่บนจุดสูงสุด
การนำทัพทำศึกเป็นสนามของเขามาโดยตลอด
การเล่นหมากรุกก็เช่นกัน