เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 957 การท้าทายของสายฟ้า
หลังจากที่ถังเชียนเชียนได้ยินประโยคดังกล่าวของถังเฉา เธอก็ยิ้มหน้าบานราวกับเด็กที่ได้รับอมยิ้ม
เพียงแต่ว่าถังเชียนเชียนที่ไร้เดียงสายังไม่ทราบความขัดแย้งภายในของตระกูลถัง ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นคนของตระกูลถังที่ถังเฉารับมาคนแรก ได้สู้เพื่อสายพระจันทร์ ถังเชียนเชียนจึงไม่รอช้าที่จะโอ้อวดให้คนรอบตัวฟังทันที
หากคำพูดเหล่านี้ถูกพูดต่อหน้าศิษย์พี่น้องของตระกูลถังก็คงไม่มีอะไร แต่ข่าวลือดังกล่าวไปถึงหูของผู้อาวุโสของตระกูลถังอย่างรวดเร็ว
“ ว่าไงนะ! ไอ้เด็กนั่นจะต่อสู้เพื่อสายพระจันทร์และยังพาถังเชียนเชียนเข้าร่วมทีมของเขาด้วย? ”
ข่าวนี้แพร่กระจายไปถึงหูของเหล่าราชวงศ์แห่งตระกูลถังที่เป็นสายอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความโกลาหลในทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลถังรู้สึกแปลกใจใดๆ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนคือ การที่ถังเฉาตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อสายที่เกือบจะหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้อยู้แล้ว
หากเป็นเช่นนั้นจริง มันจะเป็นผลให้อีกสามสายสูญเสียกำลังที่มีประสิทธิภาพไป และเพิ่มศัตรูขึ้นมาอีกคน เห็นได้ชัดว่าบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลถังมิอาจยอมรับเรื่องแบบนี้ได้
เพียงแต่ว่าก่อนที่ผู้อาวุโสของตระกูลถังจะจัดการกับเรื่องนี้ ข่าวลือบางอย่างก็แพร่กระจายในหมู่ศิษย์พี่น้องของตระกูลถังอีกครั้ง
วันนี้ ถังเชียนเชียนฝึกศิลปะการต่อสู้ที่สนามตามเช่นเคย
ตามหลักแล้ว ทุกคนในครอบครัวถังมีสิทธิ์ในการฝึกซ้อมมวยภายในชนิดนี้ของครอบครัวถังอยู่แล้ว แต่ตอนที่ถังเชียนเชียนกำลังฝึกซ้อมอยู่นั้น ก็มีผู้หณิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอและมองหน้าถังเชียนเชียนแล้วพูดว่า
“ เธอเป็นองค์รัชทายาทของสายพระจันทร์ในตำนานใช่ไหม? ต้องรู้ว่าสายพระจันทร์เป็นสายที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วทำไมเธอยังมาฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ที่ต่ำต้อยนี้กับเราอีกล่ะ? ”
“ เราไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาทแห่งสายพระจันทร์อย่างเธอหรอก เธอไปฝึกที่อื่นเถอะ จะได้ไม่ต้องถูกพวกเราขัดจังหวะเหมือนตอนฝึกตรงนี้ ”
“หากถังเชียวของคุณรู้เรื่องนี้เข้ามันจะไม่กลายเป็นเรื่องโตเหรอ?”
คนที่พูดจาก้าวร้าวคนนี้เป็นถังฉู่ฉู่ซึ่งเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลถัง
ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วถังฉู่ฉู่คนนี้เหมือนเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสา แต่ถ้าสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว ก็จะสามารถมองเห็นล่องลอยของความดุเดือดรุนแรงจากสายตาของเธอได้
และเธอเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของสายฟ้า ซึ่งเป็นสายที่สามัญที่สุดในตระกูลถัง
เห็นได้ชัดว่าถังเชียนเชียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ในการโต้เถียงของผู้หญิงเหล่านี้ แม้จะรู้ดีว่าถังฉู่ฉู่กำลังเยาะเย้ยตัวเองอยู่ แต่ถังเชียนเชียนก็ทำอะไรไม่ได้
ถังเชียนเชียนที่ไม่มีทางเลือกทำได้แค่เดินถอยออกมาและไปฝึกซ้อมกับศิษย์พี่น้องคนอื่นๆ
แต่แม้ว่าเธอจะทำเช่นนี้มันก็มิอาจสู้การบุกโจมตีของทุกคนได้
สาเหตุนั้นไม่ได้เป็นเพราะว่ารูปลักษณ์ของถังเชียนเชียนไม่น่ารัก แต่เเป็นเพราะเหล่าศิษย์พี่หลงใหลความงามของถังเชียนเชียน แต่ถังเชียนเชียนกลับไปเป็น ศิษย์น้องของถังเฉา ดังนั้นความหึงหวงของพวกเขาจึงทำให้พวกเขาปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้
“ เธอนี่ก็ตลกเนาะ! มีศิษย์พี่น้องตั้งมากมายสามารถให้เธอเลือกมาฝึกทักษะได้ แต่เธอกลับเข้าร่วมทีมของคนขี้โกง แถมยังช่วยกันปกป้องสายพระจันทร์อะไรนั่นอีก ถามจริงเถอะ เธอรู้หรือเปล่าว่าสายพระจันทร์คืออะไร? ”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเตือนถังเชียนเชียน เพื่อบอกให้ถังเชียนเชียนรู้ว่า ผู้ยอดฝีมือคนสุดท้ายของสายพระจันทร์นั้นอนาถเพียงใด
แต่มองกลับไปที่ถังเชียนเชียน ถังเชียนเชียนแน่วแน่อย่างมากราวกับว่าคำพูดของคนรอบตัวไม่มีผลกระทบต่อเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ถังเชียนเชียนพูดกับคนกลุ่มนี้ด้วยความโกรธว่า
“ พลังงานของแต่ละสายย่อมมีเหตุผลการดำรงอยู่ของมันเอง ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณพูดสักหน่อย และฉันฝึกวิชาของสายพระจันทร์แล้วไง? ฉันเป็นคนของสายพระจันทร์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เบ้าตาของถังเชียนเชียนก็แดงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปากของเธอเพียงคนเดียวไม่สามารถที่จะสู้คำพูดนับพันคำของคนอื่นได้หรอก เมื่อเผชิญกับการใส่ร้ายและเยาะเย้ยของผู้คน ถังเชียนเชียนมิอาจยับยั้งความโกรธในใจได้ แต่ถึงกระนั้น เธอจะทำอย่างไรกับมันได้ล่ะ ?
ในขณะนั้นเอง ถังโจ่เดินเข้ามาพอดี และยืนกั้นถังเชียนเชียนให้อยู่ด้านหลังเขา ดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนถังเชียนเชียน
“ พวกแกว่างมากหรือไง? ยังไม่รีบไปฝึกทักษะอีก นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาการแข่งขันรอบคัดเลือกอยู่แล้ว พวกแกยังมีอารมณ์มาพูดจาไร้สาระอยู่ตรงนี้อีกหรือ? ”
แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ก็คือศิษย์พี่ใหญ่วันยังค่ำ และคำพูดเดียวของ ถังโจ่ทำให้ทุกคนเงียบลงทันที
เมื่อถังเชียนเชียนเห็นถังโจ่ที่เปรียบเสมือนพี่ชายของเธอ เธอค่อยรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาน้อย เธอคิดในใจว่าในที่สุดก็มีคนที่เข้าใจตัวเองสักที
แต่ในขณะนั้นเอง ถังโจ่หันกลับมามองหน้าถังเชียนเชียนและกล่าวว่า
“ศิษย์น้อง แม้สิ่งที่พวกเขากล่าวว่าจะไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่พวกเขาพูดคือความจริงทั้งหมดนะ เธอไม่จำเป็นสู้เพื่อสายพระจันทร์เพราะไอ้หมอนั่นหรอก ตอนนี้สายที่แข็งแกร่งที่สุดคือสายฟ้า”
“ หากเธอจะบอกว่า สายที่แข็งแกร่งที่สุดในอดีตคือสายพระจันทร์ และมีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำของตระกูลถังด้วย แต่นั่นมันเป็นแค่อดีตไม่ใช่ปัจจุบัน เธอควรพัฒนาก้าวหน้าไปตามยุคสมัยนะ ”
เห็นได้ชัดว่า ถังโจ่กำลังช่วยศิษย์พี่น้องพวกนั้นสั่งสอนถังเชียนเชียนด้วยเหตุผลที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นความจริงที่ถูกต้อง ซึ่งทำให้ถังเชียนเชียนรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิมทันที
ถังเชียนเชียนผลักถังโจ่ที่อยู่ตรงหน้าเธอและตะคอกว่า
“ใครบอกคุณว่าปัจจุบันสายพระจันทร์ไม่ได้เรื่องเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันจะบอกให้รู้ไว้ว่าตอนนี้ในสายพระจันทร์ยังคงมีคนที่แข็งแกร่งอยู่คนหนึ่ง เพียงแต่คุณไม่ทราบเท่านั้น ”
ถังเชียนเชียนเกือบจะพูดเรื่องของถังเยว่เหมยแห่งสายพระจันทร์ออกมาอย่างห้ามใจไม่ได้
โชคดีที่ ถังเชียนเชียนตระหนักได้ซะก่อน เธอจึงหุบปากเพื่อไม่ปล่อยให้ตัวเองเล่าเรื่องเกี่ยวกับถังเยว่เหมยแห่งออกมา
ควรรู้ไว้ว่า ข้อมูลเกี่ยวกับถังเยว่เหมย แม้แต่คนในตระกูลถังคงรู้แค่สถานที่ แต่ไม่เคยรู้ว่าถังเยว่เหมยเป็นคนของสายไหน
“เชียนเชียน เธอหมายความว่าไง? ตามในสิ่งที่เธอพูดสายพระจันทร์เป็นสายที่แข็งแรง ถ้าอย่างนั้นเรามาประลองฝีมือกันไหมล่ะ และมาดูกันว่าวิชากังฟูของใครยอดเยี่ยมที่สุด ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังเชียนเชียนก็กัดฟันรับคำท้า
เห็นได้ชัดว่า ถังโจ่สามารถบดขยี้ถังเชียนเชียนได้โดยที่ไม่ต้องออกแรงแม้แต่นิดเดียว
แม้ว่าเมื่อเผชิณกับถังเฉาแล้วถังโจ่เป็นเพียงเศษสวะเท่านั้น แต่สำหรับศิษย์พี่น้องทั้งหลายแล้ว ถังโจ่ยังคงเป็นสิ่งมีอยู่ที่มีพลังมหาศาลคนหนึ่ง
ตามที่คาดว่า ถังเชียนเชียนพ่ายแพ้ถังโจ่ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
และในเวลาเดียวกัน ถังโจ่เดินเข้ามาพูดเรื่องไร้สาระกับเธอ
“เห็นไหมศิษย์น้อง สายพระจันทร์ไม่มีค่าอะไรเลย ไม่เป็นผลต่อการสู้รบเลยสักนิด เธอกลับมาฝึกวิชาสายฟ้ากับฉันเถอะ “
แน่นอนว่าถังเชียนเชียนไม่ยอมง่ายๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอได้พ่ายแพ้ไปแล้ว ไม่ว่าเธอจะหงุดหงิดแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ขณะที่ ถังโจ่หัวเราะเยาะถังเชียนเชียนอย่างสะใจนั้น ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังถังโจ่
“ไงถังโจ่ รอบที่แล้วนายเพิ่งจะถูกฉันบดขยี้ในเสี้ยววินาที วันนี้ก็มาแสร้งทำเป็นตรงนี้อีกแล้วเหรอ?”
คนคนนี้ก็ถังเฉานั่นเอง และวินาทีที่ถังเชียนเชียนได้ยินเสียงของถังเฉา ก็เหมือนกับฟ้าหลังฝน ขี้เถ้าบนใบหน้าของเธอถูกลบออกจนหมดจดโดยไม่ต้องยกมือไปปัดมันออก
“ พี่ถังเฉา คุณมาแล้วเหรอ ”
หลังจากที่ถังเชียนเชียนได้ยินประโยคนี้ เธอก็วิ่งไปยืนด้านข้างของถังเฉาทันที ส่วนใบหน้าของถังโจ่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นอับอายเร็วอย่างกับพลิกหนังสือ