เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 958 ไม่เจียมตัว
เหตุผลที่ถังโจ่แสดงความแข็งแกร่งต่อหน้าถังเชียนเชียนนั้น เป็นเพราะเขามีถังเชียนเชียนอยู่ในใจมานานแล้ว
แต่ตอนนี้ผู้หญิงที่เขารักกลับหันไปหาชายแปลกหน้าของตระกูลถัง เขาก็ต้องรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
ถังโจ่จ้องไปที่ถังเฉาและกล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า
“อย่ามาตีหน้าซื่อตรงนี้หน่อยเลย เวลานี้ทุกคนในตระกูลถังรู้เรื่องเกี่ยวกับนายหมดแล้ว และถ้าแน่จริงนายก็ถอดเครื่องมือที่นายใช้เพื่อโกงการต่อสู้ออกสิ ฉันจะคอยดูว่านายจะสามารถทำเป็นต่อหน้าฉันได้อีกไหม ”
“ ถึงแม้ว่าผมจะดูถูกสายพระจันทร์อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามคนของสายพระจันทร์ก็ไม่น่าจะต่ำช้าเหมือนคน ไม่ถึกเลยว่านายจะยังอยากเป็นตัวแทนของสายพระจันทร์อีก หรือนายอยากจะให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนของสายพระจันทร์เป็นพวกไร้ยางอายเหมือนนายทุกคน ใช้เป็นแต่เครื่องมือที่ต่ำช้าเหล่านี้เท่านั้น? ”
ถังเฉารู้โดยธรรมชาติว่า ถังโจ่ที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังพยายามกระตุ้นความโกรธของตัวเองอย่างแน่นอน และถังเฉาไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด เพียงแต่มองไปที่ถังโจ่ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้มที่เฉยเมย
“สมองนายมีพื้นที่สำหรับการคิดเพียงขนาดเล็กนิดเดียวจริงๆ และฉันก็ขี้เกียจที่จะอธิบายหรือพิสูจน์ตัวเองกับนายด้วย ถ้าวันหนึ่งนายสามารถเอาชนะฉันได้แล้วนายค่อยมาพูดจาเช่นนี้กับฉันก็แล้วกัน
แม้ว่าถังเฉาจะไม่ได้ทำอะไร แต่ประโยคสั้นๆ เหล่านี้ของเขากลับทำร้ายเขามากกว่าการโจมตีด้วยหมัดซะอีก
ดังคำกล่าวที่ว่า ระดับความดูถูกเหยียดหยามช่างสู้เหลือเกิน ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างครบถ้วนจากการกระทำของถังเฉาในครั้งนี้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันยังไม่อนุญาตให้นายไป ในเมื่อนายยืนยันว่าตัวเองยอดเยี่ยมขนาดนี้ ได้!ฉันจะเป็นคนที่ทำให้นายได้ดังที่หวังเอง ”
ในขณะที่ถังเฉากำลังจะเดินจากไป ถังโจ่ก็ห้ามถังเฉาและถังเชียนเชียนที่กำลังจะเดินจากไปซะก่อน
“ ถ้านายแน่จริง เรามาประลองฝีมือกันอีกครั้งเถอะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่านายจะสามารถเสแสร้งทำเป็นได้อีกนานแค่ไหมกัน ”
ที่จริงแล้ว เมื่อสักครู่นี้ถังโจ่ได้คอยสังเกตมาโดยตลอดว่าถังเฉาได้พกเครื่องมือใดไว้ในตัวหรือไม่
หลังจากคอยสังเกตได้ประมาณสองสามนาที เขาก็แน่ใจว่าถังเฉาไม่มีอะไรติดตัวแน่นอน
สำหรับเขาแล้วในกรณีที่ถังเฉาไม่ใช้เครื่องมือใด เขาก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะตัวเองได้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงท้าทายถังเฉาประลองฝีมือกับเขาอย่างมั่นอกมั่นใจ
และในขณะนั้นเอง ทุกคนได้ยินคำท้าทายในการต่อสู้ของถังโจ่ บรรยากาศก็ดุเดือดขึ้นมาทันที ทุกคนอยากจะเห็นศิษย์พี่ของตัวเองประลองฝีมือกับถังเฉาอีกครั้ง
“ถังเชียวอย่าเงียบสิ นายกล้าที่จะสู้รบกับฉันอย่างจริงๆ จังๆ หรือไม่ ”
ถังเฉาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็มองหน้าคนอ่อนแอที่อยู่ตรงหน้าเขาและถอนหายใจ
“ ในเมื่อนายอยากจะอับอายขายหน้าต่อผู้คน ฉันจะทำให้คุณได้ดังที่หวังเอง ”
ถังเฉารับคำท้าการประลองฝีมือ และทุกคนไม่ได้ให้ความสนใจกับประโยคสุดท้ายของเขาเลย เพียงแค่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เป็นแรงบันดาลใจให้ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา เพื่อกำจัดถังเฉาคนนี้ทิ้งโดยเร็วที่สุด
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงสังเวียนมวยก็ถูกสร้างเสร็จแล้ว และบรรดาพี่น้องทุกคนของตระกูลถังอยู่ภายใต้สังเวียนมวยเพื่อรอรับชมการต่อสู้ของทั้งสอง
ถังเชียนเชียนรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเธอรู้ว่าถ้าถังเฉาแพ้การต่อสู้ในครั้งนี้ คำพูดของสายพระจันทร์จะไม่มีน้ำหนักใดต่อตระกูลถังอีกต่อไป
แต่ถังโจ่กลับดูมีความมั่นใจมาก เขาหมุนกำปั้นของตัวเองราวกับว่าเขาสามารถฆ่าถังเฉาได้ภายในไม่กี่นาทีเท่านั้น
“ ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้านายถูกฉันฆ่าตาย นายอย่าไปร้องเรียนกับยมทูตก็แล้วกัน”
ถังฉาไม่ได้พูดอะไรสักคำ แค่หลับตาลงอย่างเงียบๆ และรอให้ถังโจ่พุ่งเข้ามาหาเขาก่อน
พูดตามตรง ถังเฉาขี้เกียจที่จะถือสาถังโจ่ด้วยซ้ำ แต่การกระทำนี้ทำให้ถังโจ่คิดว่าถังเฉากำลังดิ้นรนก่อนตาย เพื่อแสร้งทำเป็นครั้งสุดท้าย
เพราะการต่อสู้ในคั้งนี้ ถังโจ่ไม่กะจะไว้ชีวิตถังเฉา แต่วางแผนที่จะฆ่าถังเฉาโดยตรง
ถังเฉาไม่ได้ตอบกลับ ทำให้ถังโจ่รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย และในขณะนี้เวลาการแข่งขันก็มาถึงพอดี
สมาชิกของสายฟ้าเยอะที่สุดในตระกูลถัง ดังนั้นเสียงโห่ร้องของพวกเขาจึงดังที่สุด การแข่งขันในครั้งนี้ไม่ได้ลงแข่งในนำของถังเฉากับถังโจ่เพียงสองคนเท่านั้น
มองชื่อบนกระดานคะแนนอย่างละเอียด ก็ไม่ยากที่จะพบว่าชื่อของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายเขียนไว้ ฝ่ายหนึ่งคือสายฟ้าส่วนอีกฝ่ายก็คือสายพระจันทร์
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงถังเชียนเชียนคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่ฝั่งสายพระจันทร์
ส่วนคนอื่นๆ ที่เป็นสายฟ้าของตระกูลถังทั้งหมดรวมตัวกันอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
“ ยังจะมาหลับตาตอนนี้อีก ฉันว่านายคงเตรียมที่จะน้อมรับความตายแล้วจริงไหม”
“ฉันได้กวาดดูตัวนายอย่างละเอียดแล้ว คราวนี้ฉันแน่ใจว่านายไม่ได้พกเครื่องมืออะไรติดตัวมา มาดูกันว่าฉันจะจัดการกับนายอย่างไร ”
บางทีอาจเป็นเพราะเสียงตะโกนจากด้านล่าง จึงทำให้ถังโจ่เชื่อว่าความแข็งแกร่งของเขาจะสามารถฆ่าถังเฉาได้ภายในเสี้ยววินาทีแน่นอน
และในขณะนั้นเอง ถังโจ่พุ่งไปที่ด้านหน้าของถังเฉาด้วยความเร็วสายฟ้าแลบ
ในช่วงเวลาตอบสนองสั้นๆ ถังโจ่สามารถมองเห็นดวงตาที่ไร้ความหวั่นไหวของถังเฉาได้อย่างชัดเจน
“ คราวนี้นายไม่มีทางรอดแน่นอน ไปตายซเถอะ! ถังเชียว!”
พูดจบ กับที่ ถังโจ่ก็ระดมพลังงานทั้งร่างกายไปที่กำปั้นของเขา และเตรียมที่จะฆ่าถังเฉาด้วยหมัดเดียว
ถังโจ่มีความมั่นใจกับหมัดนี้อย่างมาก และผู้ยอดฝีมือรุ่นเดียวกับเขามีเพียงถังยวนที่สามารถรับหมัดนี้ได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น นอกจากเขาแล้วไม่มีใครอีก
และถ้าตอนนั้นถังยวนหลีกเลี่ยงไม่ทัน ปล่อยให้หมัดของเขากระแทกโดนร่างกายอย่างจริงๆ จังๆ ถังยวนก็จะตายด้วยหมัดของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ถังเฉาไม่ได้หวาดหวั่นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะในสายตาเขาหมัดของถังโจ่ที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่แสนจะเชื่องช้าก็เท่านั้น
จนกระทั่งถังโจ่เกือบจะชกโดนถังเฉา ถังเฉาเพิ่งจะค่อยๆ ลืมตา และเอียงศีรษะของเขาไปอีกด้านหนึ่ง
ถังเฉาไม่ได้ตอบโต้กลับ เพียงแค่เหยียดเท้าออกและวางไว้ข้างหน้าของถังโจ่ จากนั้นถังโจ่ก็เหยียบโดนเท้าของถังเฉา และร่างกายของเขาก็บินออกไปเหมือนสุนัขกินอึ
ทุกคนล้วนคิดว่าคราวนี้ถังเฉาต้องตายแน่นอน แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าเมื่อฝุ่นควันสลายลงแล้วคนที่นอนอยู่กับพื้นกลับเป็น หันมาออกมาเป็นถังโจ่
แต่เนื่องจากความเร็วที่รวดเร็ว ไม่มีใครรู้ว่าถังเฉาทำอะไรกับเขากันแน่ เห็นแต่นาทีที่พวกเขาทั้งสองแยกออกจากกันอีกครั้ง ถังโจ่ก็นอนอยู่บนพื้นแล้ว
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน เหตุใดศิษย์พี่ใหญ่ถึงนอนอยู่บนพื้นได้ล่ะ หรือว่าไอ้หมอนี้เล่นสกปรก? ”
“ มันแน่นอนอยู่แล้ว หมัดเมื่อครู่นี้ของศิษย์พี่ใหญ่รวดเร็วซะขนาดนั้น นายก็เห็นนี่ คนธรรมดาจะต้านทานมันได้อย่างไร? ”
“น่ารังเกียจที่สุด ฉันไม่ชอบขี้หน้าของไอ้ถังเฉาคนนี้มานานแล้ว ไม่นึกเลยว่าวันนี้เขาจะใช้วิธีต่ำช้าแบบนี้”
แน่นอนว่าหลังจากที่ถังเฉาชนะแล้ว พวกเขาก็ยังคงจะพิพากษ์พิจารณ์เช่นนี้ และถังเฉาเพียงแค่ค่อยๆ เดินลงมาจากเวที
เพราะจำนวนคนของสายฟ้านั้นเยอะมาก ดังนั้นถังเฉาจึงไม่ค่อยได้ยินเสียงเชียร์ที่แสนจะตื่นเต้นของถังเชียนเชียนเลย จนกว่าถังเฉาก้าวลงจากเวทีเขาเพื่อจะเห็นถังเชียนเชียนที่กำลังกระโดดอย่างมีความสุข
“พี่ถังเฉาค่ะ คุณช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน ไม่คาดคิดเลยว่าคุณจะล้มศิษย์พี่ใหญ่ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ”