เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 973 เรื่องภายในตระกูลไป๋
“ไป๋ตี๋ คุณมั่นใจในตัวเองได้นะ แต่อย่าดูถูกศัตรูเด็ดขาด หมอนั่นจะต้องมีภูมิหลังอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเจ้าไป๋หู่นั่นก็ซัดเสียหมดเรียบ ศักยภาพของเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาครั้งหนึ่ง
“พ่อครับ ท่านวางใจเถอะ ฝีมือของผมมีแค่ไหนท่านไม่รู้หรือ? เจ้าไร้สมองหวางหวู่นั่นก็เป็นแค่ไอ้สวะคนหนึ่งสำหรับผมเท่านั้น”
“ถึงแม้ว่าพละกำลังของเขาจะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แล้วผมก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริง ๆ แต่ว่าขอเพียงเอากริชให้ผมเล่มหนึ่ง ผมก็สามารถทำให้เขากลายเป็นคนพิการได้เลย”
ไป๋ตี๋เอ่ยสาบานด้วยความหนักแน่น อีกทั้งเขาก็มีความสามารถนี้จริง ๆ แต่ว่านั่นเป็นเพียงก่อนที่หวางหวู่จะมีโทสะ
เห็นเพียงคนอาวุโสส่ายศีรษะ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาว่า
“วันนี้ฉันจะต้องไปตระกูลถังพอดี นายก็ตามฉันไปเยี่ยมด้วยกันเถอะ ถือโอกาสไปดูสักหน่อยว่าเจ้าหมอนั่นมีภูมิหลังอย่างไรกันแน่”
พอไป๋ตี๋ได้ฟังคำพูดประโยคนี้แล้ว บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเบิกบานขึ้นมา
“ครับ คุณพ่อ ผมจะไปด้วย ผมเองก็อยากจะดูว่าคนที่ถูกเล่าต่อ ๆ กันมาว่าพิสดารเป็นที่สุดคนนี้มีบทบาทอย่างไรกันแน่?”
“และก็ถือโอกาสให้เขาได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อยว่าที่จริงแล้วอาวุธของตระกูลไป๋แข็งแกร่งเพียงใด”
ท่านไป๋มองดูไป๋ตี๋ที่สาบานอย่างหนักแน่นเช่นนี้ ก็เพียงแค่ส่ายศีรษะเบา ๆ
และตลอดทั้งเช้าถังเฉาก็อยู่ท่ามกลางการประจบประแจงของพวกศิษย์น้อง
สุดท้ายแล้วพลังอำนาจก็สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของคนคนหนึ่งได้จริง ๆ
คิดถึงตอนแรกตอนที่ถังเฉาเพิ่งจะเข้ามา ถ่อมตนเป็นอย่างยิ่ง กลับทำให้บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องเหยียดหยาม ถึงขั้นที่ยังต่อว่าถังเฉาอีกว่าเป็นผู้น้อยเลวทรามต่ำช้าที่ใช้วิธีการคดโกงคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ถังเฉาได้เป็นทายาทของตระกูลถัง ลูกศิษย์ตระกูลถังที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละอย่าง ประสบสอพลอถังเฉาอย่างต่อเนื่อง
นี่ไง ถังโจ่ที่กำเริบเสิบสานมาตลอดก็เดินเข้ามา
“ถังเชียว พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ ถึงอย่างไรทุกคนก็สนิทสนมกันขนาดนี้แล้ว”
ถังโจ่โอบบ่าของถังเฉาอย่างแสร้งทำเป็นคุ้นเคย เอ่ยอย่างเต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ
ถึงแม้ว่าถังเฉาจะไม่ได้คิดที่จะกำจัดเขา แต่ว่าบ่าของถังเฉาไม่ใช่ของที่จะให้ใครมาจับมั่ว ๆ ได้ มือของถังโจ่เพิ่งจะยื่นออกมา ก็ถูกถังเฉาตีกลับไป
ถังโจ่มองเห็นศิษย์น้องมากมายขนาดนั้นกำลังมองตนเอง ตอนแรกว่าจะแสร้งทำเป็นดี แสร้งทำเป็นว่าความสัมพันธ์ของตนเองกับถังเฉาดีมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมาน้อย ๆ ทันที
“แกหมายความว่าอย่างไร? ถังเฉา ฉันให้เกียรติแก แกไม่อยากได้เกียรติใช่ไหม ถ้าแกยังเสแสร้งกับฉันอีก ระวังฉันจะกำจัดแก”
หลังจากที่ถังโจ่พูดประโยคนี้จบ ถังเฉาก็ยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ เดินเข้าไปหาถังโจ่
แต่ปกติถังโจ่เคยชินกับการจองหองพองขนอยู่ในตระกูลถังแล้ว พูดประโยคนี้กับใครต่อใครไปทั่ว ดังนั้นตอนที่เขาเห็นถังเฉาในตอนนี้ ก็ลืมศักยภาพของถังเฉาไปในทันที พูดออกมาด้วยความเคยชิน
แต่ว่าหลังจากตอนที่ได้เห็นถังเฉามองมายังตนเองแล้ว ถังโจ่ก็รู้ว่าตนผิดไปแล้ว
ตามศักยภาพของถังเฉาในเมื่อวาน หากจะสังหารเขาในชั่วพริบตา นั่นไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำไป ถ้าหากว่าตนไปยุแหย่ให้คนคนนี้โกรธเข้า ถึงตอนนั้นแล้วคนที่จะเสียเปรียบก็ต้องเป็นตนเองแล้ว
ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “นี่ฉันล้อเล่นน่า ฉันรู้ว่านายไม่ชอบให้คนอื่นแตะไหล่ที่สุด ไปกัน พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”
ยังดีที่สมองเล็ก ๆ ของถังโจ่รู้จักพลิกแพลงอย่างว่องไว ตอบโต้ขึ้นมาได้ทันที ทั้งยังแก้ไขคำพูด กลับไปมีท่าทีประจบสอพลออีกครั้ง
ถังเฉากลับไม่ใส่ใจ กลับไปโรงอาหารด้วยกันกับถังโจ่
ภายในโรงอาหาร แน่นอนว่าต้องมีคนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับถังเฉาที่เป็นดาวดวงใหม่ของตระกูลถัง
“ถ้าหากว่าถูกเขาชอบพอเข้าละก็ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะได้เป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลถังแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“เธอเพ้อเกินไปแล้ว ต่อให้ชอบขึ้นมาจริง ๆ ก็ต้องชอบฉัน”
บรรดาผู้หญิงที่อยู่ในโรงอาหารเหล่านั้น พอเห็นว่าถังเฉาเดินเข้ามา ปากก็พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด แน่นอนว่าขาดความริษยาจากผู้ชายคนอื่น ๆ ไปไม่ได้ แต่คนที่ตำแหน่งสูงและมีอำนาจมากคนหนึ่งเช่นนี้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องเหล่านั้นจะกล้าปากมากได้อย่างไร?
ทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินมาอยู่ข้าง ๆ ถังเฉา นึกไม่ถึงว่าจะแสร้งหกล้มทำถาดหล่นใส่ถังเฉา
กลอุบายที่จอมปลอมเช่นนี้ ถังเฉาแค่มองก็ดูแล้ว
ถ้าหากว่าถังเฉาจะรับชามข้าวนี้ก็จะต้องรับได้แน่ แต่ว่าถังเฉาจงใจที่จะหลบ ให้ชามข้าวนั้นกระแทกลงบนพื้น
จะต้องรู้ว่า ระหว่างการบำเพ็ญเพียร การทานอาหารถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรการฝึกฝนที่เข้มข้นมาก ๆ ถ้าหากไม่ได้กินอิ่ม เช่นนั้นพอถึงเวลาฝึกร่างกายก็จะรับไม่ไหว
ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าถังเฉาไม่ได้รับชามข้าวของตัวเองเอาไว้ ในดวงตาก็ปรากฏความประหลาดใจ
เมื่อวานตอนที่แข่งขันต่อสู้ มองเห็นความเร็วของถังเฉารวดเร็วเหนือกว่าความเร็วที่ชามข้าวตกลงสู่พื้นไปมากโข แต่ถังเฉากลับจงใจที่จะไม่รับ ยั่วให้ผู้หญิงคนนี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ ในทันที แต่เป้าหมายของเธอก็กลับเป็นการเข้าใกล้ถังเฉา
ถังเฉามองผู้หญิงคนนี้ที่มีท่าทางวุ่นวายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ รู้สึกตลกอยู่บ้าง เพียงแต่ก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ฉากนี้เองก็ถูกถังเชียนเชียนที่อยู่ในที่ไม่ไกลมองเห็นเข้าแล้ว เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ถังเชียนเชียนจะไม่รู้ความคิดของผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร เห็นฉากนี้แล้วก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน เอาอาหารน้อยนิดของตัวเองส่งให้กับผู้หญิงคนนั้น
“ศิษย์พี่ ของฉันยังไม่ได้กินน่ะ ของพี่ถ้าหากว่าหกไปแล้วก็กินของฉันเถอะค่ะ ถึงอย่างไรฉันก็ไม่หิว”
ผู้หญิงที่คิดเอาเองว่าหน้าตาดีคนนี้รอถังเฉาเอ่ยปากมาโดยตลอด ก็ยังคิดเองว่าถังเฉาจะต้องช่วยเหลือตนสักหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าถังเชียนเชียนจะมาทำให้แผนเธอเสียเสียแล้ว
การเอ่ยปากของถังเชียนเชียนครั้งนี้ทำให้ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จะเชื่อฟังใครดี
“ไม่เป็นไร ศิษย์น้อง เธอกินเองเถอะ ฉันไม่หิว”
ถังเชียนเชียนเองก็เดาได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องพูดเช่นนี้ พยักหน้าครั้งหนึ่ง แล้วก็หัวเราะคิก ๆ นั่งลงข้าง ๆ ถังเฉา
“พี่คะ ทำไมวันนี้พี่ถึงมากินข้าวในโรงอาหารด้วยกันได้ล่ะ ปกติพี่ไม่ได้กินที่นี่นี่นา”
ประโยคง่าย ๆ ประโยคเดียว ถังเชียนเชียนกลับกลายเป็นศัตรูของหญิงสาวมากมาย
“ถังเชียนเชียนนั่นมีอะไรดีตรงไหน หรือว่าเพราะว่าเธอเป็นลูกสาวของอาจารย์ถังเย่อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว ช่วยไม่ได้ เส้นใหญ่ก็มีโอกาสมากกว่า ใครใช้ให้ถังเชียนเชียนมีความสัมพันธ์กับเขากันล่ะ”
พวกผู้หญิงรู้แล้วว่าไม่มีความหวังแล้ว จึงถอยออกมาด้วยตนเอง แต่ว่าถังเชียนเชียนกลับปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นในใจของพวกเธอ
“เธอจำไว้เลยนะถังเชียนเชียน เธอมันกะหรี่แอ๊บใส เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
หลังจากที่ผู้หญิงพูดกระซิบกระซาบอยู่ในใจแล้วก็จากไปในทันที
ถังเฉารู้ชัดเจนในใจดี ถังเชียนเชียนเข้ามาเพื่อที่จะแก้ไขการปิดล้อมให้กับตน ก็มองถังเชียนเชียนด้วยรอยยิ้ม
“ยังดีที่เธอเข้ามา ไม่อย่างนั้นฉันยังไม่รู้เลยว่าจะจบเรื่องได้ยังไง”
ถังเชียนเชียนผิดหวังอยู่บ้าง และก็รู้สึกดีใจอยู่บ้าง สุดท้ายก็เลือกที่จะพูดกับถังเฉาว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปสภาพการณ์แบบนี้ฉันจะมาขวางไว้ให้พี่เอง”