เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 975 มองพวกที่ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างหยิ่งยโส
ประโยคนี้ทำให้ไป๋ตี๋และยังมีท่านไป๋ หัวเราะเสียงดังอย่างครื้นเครงขึ้นมา
“พี่ถังนี้มีอารมณ์ขันเสียจริง ทั้งในราชวงศ์ต้าเซี่ย มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าศักยภาพของอาวุธที่พวกเราใช้ดีกว่าของใครใด ๆ ในราชวงศ์ต้าเซี่ยอีก ถ้าหากว่าคุณจะเทียบกันด้านอาวุธกับพวกเราแล้วละก็ สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างน่าอนาถ”
เมื่อก่อนประโยคนี้เป็นความจริงจริง ๆ แต่หลังจากที่ถังเฉามาแล้ว เรื่องเรื่องนี้ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ในตอนนี้ถังเฉาได้เรียนรู้วรยุทธ์บนตำราที่ล้ำค่าหากยากนั่นแล้ว ทั้งยังเรียนจนถึงเทคนิคการใช้อาวุธในนั้นมาบ้าง
ยอดฝีมือสูงสุดคนหนึ่งที่ใช้อาวุธ ถังเฉาตื่นเต้นว่าจะไม่ทันกาล จะหวาดกลัวได้อย่างไร
“ไม่ต้องแล้ว ท่านไป๋ พี่ไป๋ พวกเราเริ่มกันเลยเถอะ ในเมื่อพูดว่าจะใช้อาวุธก็จะใช้อาวุธ ไม่จำเป็นจะต้องพูดเยอะ”
เห็นถังเฉายืนกรานเช่นนี้ คนของตระกูลไป๋เองก็ทำได้แค่ยิ้มรับทางเลือกนี้
“ไป๋ตี๋ อีกสักพักจะต้องเก็บกวาดหมอนี่ เอาให้มันตาย ถึงยังไงมันก็ถืออาวุธอยู่ ถ้าหากแกไม่ทำให้มันแพ้อย่างรวดเร็วละก็ นั่นจะขายหน้ามากไปหน่อยนะ”
ท่านไป๋เดินไปอยู่ข้าง ๆ ไป๋ตี๋ แอบพูดอยู่ข้าง ๆ หูของเขา
เพียงแต่ไป๋ตี๋มีความไม่พอใจอยู่เต็มใบหน้า มองออกว่าถังเฉานั้นปลิ้นปล้อน
“เจ้าหมอนี่ร้ายกาจมาก ถ้าหากว่าเขาได้ใช้อาวุธแล้วละก็ ต่อให้พวกเราชนะเขาไปได้ เขาเองก็สามารถพูดได้ว่า ถึงอย่างไรตระกูลของพวกเราก็ชำนาญการใช้อาวุธ เรื่องแพร่ออกไปก็ไม่ถึงกับขายหน้ามาก แผนสูงจริง ๆ”
ไป๋ตี๋เอ่ยอย่างโกรธเคือง ส่วนถังเฉาที่อยู่อีกด้านหนึ่งแอบฟังคำพูดของไป๋ตี๋ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของไป๋ตี๋แล้ว เขากลับมีท่าทางช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็คิดที่จะใช้วิธีการที่ตระกูลไป๋เชี่ยวชาญโจมตีตระกูลไป๋ให้พ่ายแพ้ นึกไม่ถึงว่าจะมีเกมจิตวิทยามากขนาดนั้น
ว่าแล้วไป๋ตี๋กับถังเฉาก็เดินขึ้นไปยังเวทีประลอง
“พี่ถัง ในมือของคุณถือมีดบินสองเล่ม กำลังล้อผมเล่นอยู่หรือ? คุณก็รู้ว่าต่อให้นี่เป็นกระสุนที่ยิงเข้ามา ผมก็สามารถหลบไปได้ง่าย ๆ แต่คุณกลับถือมีดบินอยู่ในมือ มันแตกต่างจากของเล่นตรงไหนกัน?”
ถังเฉาเพียงแค่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“ต่อให้ไม่ได้เอาอันนี้มาแข่งขันต่อสู้ ก็ยังสามารถเอามาใช้เป็นกริชได้นะ ไม่ต้องกังวลไป ผมจะกวัดแกว่งมันจนให้ผลอย่างน่ามหัศจรรย์เลยล่ะ”
เห็นฉากนี้แล้ว ไป๋ตี๋ก็โมโหหนักกว่าเดิม นี่เห็นได้ชัดว่ากำลังยั่วยุตนเองอยู่ ทั้งยังเล่นเกมจิตวิทยากับตนเองด้วย
“พี่ถัง ถ้าหากเป็นเช่นนี้ผมก็ชนะแล้ว คุณเป็นคนที่ชนะโดยไม่ต้องต่อสู้โดยสมบูรณ์ก็จริง แต่มันจะมีความหมายอะไรล่ะ ทุกคนล้วนแต่รู้ว่าพวกเราตระกูลไป๋ใช้อาวุธ แต่ยอดฝีมือแนวหน้า ถ้าหากว่าคุณไม่ใช้อาวุธยังมีความเป็นไปได้ที่จะสู้กับผมได้สักหน่อย ถึงอย่างไรผมก็ไม่ค่อยเข้าใจวิถีหมัดของคุณเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณใช้อาวุธจริง ๆ ละก็ นั่นก็เป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนแล้ว”
เป็นเช่นนี้จริง ๆ ถ้าหากตอนนี้ใช้หมัดต่อยกับถังเฉาละก็ เป็นไปได้ว่าไป๋ตี๋จะจริงจังสักหน่อย แต่ว่าสิ่งที่ถังเฉาถืออยู่ในมือคืออาวุธ ไป๋ตี๋มีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถทำลายกระบวนท่าของอาวุธชิ้นนี้ได้ทั้งหมด
ส่วนถังเฉาพอได้ฟังไป๋ตี๋พูดเองเออเองก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาทันที
“พี่ไป๋ ถ้าหากคุณไม่อยากจะแข่งละก็ คุณก็ยอมรับความพ่ายแพ้ไปตรง ๆ เถอะ อย่ามาเสียใจภายหลังในตอนที่แพ้การแข่งขันไปแล้วเลย”
สำหรับถังเฉาแล้ว ไป๋ตี๋ก็เป็นแค่ผู้ที่อ่อนแอที่มาทดสอบกังฟูที่ตนเรียนมาจากตำราสายพระจันทร์ล้ำค่าอย่างสมบูรณ์ ต่อให้กังฟูในนั้นจะเป็นของปลอม ถังเฉาก็ไม่ถึงกับถูกไป๋ตี๋ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้สู้จนพ่ายแพ้
แต่ในใจของถังเฉา ศักยภาพที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้ ในสมองของไป๋ตี๋กลับเปลี่ยนเป็นสับสนวุ่นวายอย่างหาใดเปรียบ
แต่นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลไป๋ถึงได้ใช้อาวุธได้อย่างแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่ใช้ในการประลองอาวุธก็คือไหวพริบปฏิภาณ บางครั้งความคลาดเคลื่อนเดียว ความผิดพลาดเดียวก็สามารถที่จะดับชีวิตได้เลย ดังนั้นสมองของคนตระกูลไป๋ล้วนแต่ละเอียดเป็นพิเศษ
ไป๋ตี๋ถูกยั่วให้โมโหอย่างถึงที่สุดในทันที หยิบดาบที่อยู่ข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปในทันที
เพียงแค่มองดูแวบเดียว ท่านไป๋ก็คิดไปว่าแยกแพ้ชนะได้แล้ว เพราะว่าจะอาศัยแค่อาวุธลับสองชิ้นนั้น ไม่สามารถต้านทานพลังโจมตีของดาบนี้ได้แน่
แท้จริงแล้วฝีมือดาบของไป๋ตี๋แข็งแกร่งกว่าฝีมือดาบของบรรดานักฆ่าที่ถังเฉาได้เจอมาข้างนอกเหล่านั้นเยอะ เพียงแต่สำหรับกระบวนท่าการแก้อาวุธในตำราสายพระจันทร์ล้ำค่านั้น ทักษะดาบของไป๋ตี๋มีข้อบกพร่องมากมาย
ถังเฉาเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าถ้าหากกังฟูในตำราล้ำค่าเช่นนั้นเป็นของปลอมจริง ๆ ละก็ เรื่องที่ตนเองจะทำต่อไปนี้ก็จะโง่เขลาอย่างหาใดเปรียบไม่ได้ และก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงแม้ว่าถังเฉาจะเริ่มสงสัย แต่พอถึงเวลาที่พอเหมาะพอดี ถังเฉาก็เชื่อสนิทใจว่าตำราล้ำค่าเล่มนี้คือของจริง
ถังเฉาหมุนตัวเล็กน้อย ชักอาวุธลับออกมา ตอนที่ซัดไปทางไหล่ขวาของไป๋ตี๋นั้น อาวุธลับอีกชิ้นหนึ่งก็กลิ้งจากคมดาบไปที่บริเวณกล่องเสียงของไป๋ตี๋โดยตรง
การกระทำที่คล่องแคล่วพลิ้วไหวจนแทบทุกคนล้วนแต่มองเห็นได้ไม่ชัดเจน รู้เพียงแต่ตอนที่มันหยุดลง ถังเฉาได้ใช้อาวุธของตัวเองสกัดกล่องเสียงของไป๋ตี๋เอาไว้แล้ว
“เกิดอะไรขึ้น? ตกลงนายทำอะไรกันแน่? ทำไมดาบของฉันถึงกลายเป็นไม่มีพลังใด ๆ ในชั่วพริบตาแบบนี้ได้?”
เห็นได้ชัดว่าไป๋ตี๋ไม่กล้าจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยสิ้นเชิง ถึงอย่างไรเมื่อกี้ถังเฉาก็ใช้พลังทั้งร่างแกว่งดาบ ถ้าหากว่านี่ไม่ได้ทำให้ถังเฉาได้รับบาดเจ็บอะไรเลยละก็ อาวุธอื่น ๆ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ถังเฉาวางมีดในมือตัวเองลงอย่างช้า ๆ เพียงแค่เอ่ยอย่างเยือกเย็นประโยคเดียว
“นี่คือกระบวนท่าสี่ตำลึงปาดพันชั่ง กระบวนท่าที่ยิ่งใหญ่ของคุณจะใหญ่กว่านี้อีกแล้วจะอย่างไร อาวุธลับของผมจะเล็กกว่านี้อีกแล้วจะอย่างไร ขอเพียงผมแทงเบา ๆ พลังที่คุณเอามาอยู่ข้างบนก็จะถูกผมกำจัดออกทั้งหมด”
ที่จริงแล้วถังเฉาพูดไปอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าไป๋ตี๋เก้อเขินมาก ตอนแรกที่สาบานด้วยความหนักแน่น ยังนึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงว่าตนจะถูกลงโทษง่าย ๆ ขนาดนี้
ทันใดนั้นท่านไป๋ที่เดิมทีคิดที่จะให้ไป๋ตี๋ขึ้นไปเป็นทายาทก็เปลี่ยนการตัดสินใจในทันที
“ช่างเถอะ ๆ ในเมื่อแพ้แล้วก็มาเถอะ ถึงอย่างไรพอถึงเวลาตอนที่คุณแข่งขันต่อสู้กับตระกูลไป๋ของพวกเรา เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ”
ไป๋ตี๋มองออกไปด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ นึกไม่ถึงเลยว่าประโยคนี้ของท่านไป๋หมายความว่าอย่างไร
“เกิดอะไรขึ้น? พ่อ? ท่านไม่ได้พูดหรอกหรือว่าผมสิถึงจะเป็นทายาทของตระกูลไป๋น่ะ?”
แต่ท่านไป๋กลับมองไป๋ตี๋ด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยกลับไปคุยกันอีกที ฉันกลับไปแล้วจะอธิบายกับแก ตอนนี้อยู่ที่ของคนอื่น แกอย่ามาทำให้ฉันต้องขายหน้า”
ท่านไป๋ยิ้มแล้วเอ่ยกับไป๋ตี๋เสียงเบา แต่เห็นได้ชัดว่าไป๋ตี๋รู้สึกได้ถึงความโมโห จึงไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
ถังเฉาสู้ชนะไป๋ตี๋ไปอย่างง่ายดาย ทุกคนในตระกูลถังล้วนแต่เห็นสถานการณ์เช่นนี้จนชินตากันแล้ว
ถึงอย่างไรก็มีเพียงคนตระกูลถังเท่านั้นที่รู้ศักยภาพที่แท้จริงของถังเฉา