เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 125
อวี๋หมินหมิ่นหันไปมองผู้ช่วยของตัวเอง “พอเลย หยุดพูดไร้สาระได้แล้วน่า”
จากนั้นเธอก็หันกลับมาหาหลินเช่อ “ฉันก็พอจะมีทักษะการเอาตัวรอดอยู่บ้างหรอก แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น อันนี้ว่ากันตรงๆ นะ”
แต่คนเป็นผู้ช่วยยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ “ยังไงซะฉันก็รู้จักพี่อวี๋มานานแล้ว เขาเป็นตำนานเลยนะ ฉันรู้จักพี่เขามาตั้งแต่ตอนที่พี่เขาเริ่มมาทำอาชีพนี้ใหม่ๆ ฉันอยากเป็นให้ได้อย่างพี่เขา ที่ไม่ว่าใครต่อใครที่ได้รู้จักต่างก็พากันยกนิ้วให้”
“เอาน่า ถ้าเธอปั้นดาราระดับซูเปอร์สตาร์ได้ละก็ ใครๆ ก็จะพากันคิดว่าเธอเป็นคนเก่ง แต่สำหรับฉันแล้ว ไม่ว่าฉันจะเก่งสักแค่ไหน ฉันก็มีชื่ออยู่แค่ในงานด้านนี้เท่านั้น ขยันๆ ทำงานเข้าเถอะ ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน นี่มันเป็นแค่ช่วงเวลาของการเริ่มต้นเท่านั้นเอง”
หลินเช่อคิดว่าอวี๋หมินหมิ่นเป็นนักสู้โดยแท้ เมื่อได้ยินผู้จัดการของตัวเองพูดแบบนั้น ตัวเธอก็เริ่มจะมีไฟในการทำงานลุกโชนขึ้นมาบ้างแล้ว
ในขณะเดียวกัน
โม่ฮุ่ยหลิงกำลังนั่งดูข่าวของหลินเช่ออยู่ที่บ้าน
[บุคลิกแบบสาวหัวช้าแต่น่ารักของหลินเช่อกำลังเป็นที่ชื่นชอบของคนดู เมื่อไม่นานมานี้ หลินเช่อได้เข้าร่วมรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งพร้อมด้วยเพื่อนสาวของเธอ ฉินหวานหว่าน และถูกทีมงานบุกเข้ามาแอบถ่ายแบบไม่ทันได้ตั้งตัวถึงในห้อง เธอถูกถ่ายภาพในหน้าสดและรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอปรากฏตัวในสภาพยับเยินต่อหน้าทุกคน จนดาราสาวคิดว่าอาชีพการแสดงของเธอคงจบสิ้นลงแล้ว]
“แสดง…นังนั่นกำลังแสดงชัดๆ” โม่ฮุ่ยหลิงปารีโมตทีวีอย่างหัวเสีย
นังหลินเช่อนั่นต้องเสแสร้งแบบนี้ต่อหน้ากู้จิ้งเจ๋อด้วยแน่ๆ จากที่เขาไม่ชอบหน้าหล่อนก็เลยกลายเป็นว่าเขาหันมาปฏิบัติกับหล่อนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
แล้วอยู่ๆ ก็มีใครบ้างคนก้าวเข้ามาจากด้านนอกและร้องบอกว่า “คุณคะ ที่ดินผืนนี้ถูกเรียกเก็บภาษีค่ะ นายท่านบอกว่าถ้าคุณไม่ย้ายกลับบ้านไปละก็ คุณจบเห่แน่ค่ะ”
“ฉะ…ฉันไม่ย้าย ฉันไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น ใครกันที่อยากมาเก็บภาษีที่ตรงนี้ งั้นก็เก็บฉันไปด้วยเลยสิ” หญิงสาวตะเบ็งเสียงด้วยความเกรี้ยวกราด ปฏิเสธที่จะออกจากบ้าน
เธอต้องการอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าดูกู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อ จะได้คอยป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ของคนคู่นั้นมีโอกาสพัฒนาไปมากกว่านี้
ยิ่งคิดโม่ฮุ่ยหลิงก็ยิ่งโกรธ การที่เธอถูกไล่ที่แบบนี้มันจะต้องไม่ใช่เรื่องปกติแน่ ทำไมอยู่ๆ บ้านหลังนี้ถึงจะถูกเรียกเก็บภาษีขึ้นมาได้นะ นี่มันไปกีดขวางการทำถนนสายสำคัญเข้าหรือยังไง เป็นไปไม่ได้น่า
นี่ต้องเป็นการเล่นตลกของนังหลินเช่อแน่ เป็นแผนชั่วของนังนั่นน่ะแหละที่พยายามขับไล่เธอออกไป
โม่ฮุ่ยหลิงได้ยินเสียงสาวใช้ด้านนอกพยายามที่จะคัดค้าน หญิงสาวจึงลุกพรวดพราดออกไปและเดินตรงดิ่งไปที่คฤหาสน์ตระกูลกู้ในทันที
สาวใช้ในบ้านโม่ฮุ่ยหลิงอยากรีบวิ่งตามออกไปแต่ก็ไม่กล้า พวกเธอได้แต่มองดูนายจ้างของตัวเองตรงดิ่งไปจนถึงประตูคฤหาสน์กู้ ก่อนจะถูกขัดขวางเอาไว้
โม่ฮุ่ยหลิงอาละวาดเสียงดัง “นี่พวกแกกล้าห้ามฉันเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ฉันต้องการพบจิ้งเจ๋อ ฉันต้องการเจอเขา นี่ต้องเป็นฝีมือนังหลินเช่อแน่ มันอยากไล่ฉันไปให้พ้นๆ จากที่นี่!”
แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูก็ยังคงปฏิเสธที่จะให้เธอเข้าไปข้างใน
โม่ฮุ่ยหลิงขึ้นเสียงดังขึ้นไปอีก “จิ้งเจ๋อ นี่คุณมองไม่ออกหรือไงว่าตัวจริงของนังหลินเช่อมันเป็นยังไงน่ะ นังนั่นมันเป็นนางแพศยา นังจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ มันสะกดจิตคุณ แล้วก็หลอกล่อให้คุณต้องเลิกกับฉัน ทำไมคุณถึงไม่รู้ตัวนะว่ากำลังโดนหลอก!”
ในห้องทำงาน
คนข้างล่างขึ้นไปรายงานกับกู้จิ้งเจ๋อเรื่องที่โม่ฮุ่ยหลิงกำลังมาอาละวาดอยู่ที่ประตูทางเข้า
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขากำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่ก็ต้องหยุดและยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยหน่าย
“ไล่เธอไปซะ วันนี้ฉันไม่อยากเจอ”
การพบหน้าโม่ฮุ่ยหลิงตอนนี้มีแต่จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก เขาพยายามที่จะช่วยรักษาหน้าเธอแล้ว แต่ดูเหมือนนับวันเธอจะยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นทุกที เพราะฉะนั้นครั้งนี้เขาต้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นโม่ฮุ่ยหลิงก็จะยิ่งกลายเป็นตัวตลกและเสื่อมเสียชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก
ในวงสังคมแบบนี้ ชื่อเสียงของผู้หญิงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อได้รับคำสั่ง คนของเขาก็จัดแจงส่งเธอกลับไปอย่างรวดเร็ว
โม่ฮุ่ยหลิงแม้จะเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองไม่พอใจ แต่เธอก็ยอมล่าถอยไปแต่โดยดี
ทางบ้านตระกูลโม่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเธอดี พวกเขาจึงจับเธอล็อกประตูขังเอาไว้
โม่ฮุ่ยหลิงกรีดร้องอย่างโกรธจัด “นี่ทุกคนกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ ไม่อยากให้หนูแต่งงานเข้าบ้านตระกูลกู้หรือไง หนูจะแต่งงานกับกู้จิ้งเจ๋อได้ยังไงล่ะถ้าพ่อกับแม่ทำกับหนูแบบนี้”
บิดาของเธอได้แต่ส่ายหน้าและมองดูลูกสาว “ยิ่งทำตัวเป็นของง่ายๆ เท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งไม่สนใจเท่านั้น ลูกจะไปไล่ตามผู้ชายแบบนั้นไม่ได้ ไม่รู้หรือไง โง่จริงเชียว แล้วนี่ยังบุกไปก่อเรื่องถึงบ้านเขาอีกต่างหาก นั่งทบทวนตัวเองให้ดีก่อน พ่อถึงจะยอมปล่อยลูกออกไป สิ่งที่ลูกทำไปถือเป็นการรบกวนแล้วก็ล่วงเกินคนตระกูลกู้ ไม่คิดบ้างหรือไงว่าครอบครัวเราจะอยู่กันต่อไปยังไงถ้าลูกยังทำตัวแบบนี้ พ่อจะไม่ยอมให้ตระกูลของเราต้องมาจบสิ้นเพราะลูกหรอกนะ!”
ที่คฤหาสน์ตระกูลกู้
คนงานที่อยู่ด้านล่างรีบขึ้นไปรายงานเรื่องโม่ฮุ่ยหลิงอย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้ว่าหญิงสาวถูกส่งกลับไปยังบ้านตระกูลโม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กู้จิ้งเจ๋อก็โล่งอก
ช่วงนี้หลินเช่อกำลังยุ่งกับงานมากเสียจนไม่มีเวลาสนใจเขาเท่าไหร่ นี่ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
และแล้วเขาก็ได้ยินเสียงเธอกลับมาถึงบ้าน กู้จิ้งเจ๋อรีบลุกขึ้นและเดินออกจากห้อง เขาเห็นหลินเช่อเดินเข้ามา เธอเหลือบมองเขาแล้วเอ่ยทักทาย จากนั้นก็เดินเลยเข้าห้องนอนไป
เขาถามด้วยน้ำเสียงติดจะน้อยใจว่า “หลินเช่อ ทำไมต้องรีบหนีด้วยล่ะ ฉันอยากคุยกับเธอนะ”
เมื่อได้ยิน เธอก็หันกลับมา “มีอะไรเหรอคะ”
กู้จิ้งเจ๋อไม่ทันได้เตรียมตัวว่าจะพูดอะไร จึงถามออกไปว่า “ช่วงนี้เธอยุ่งหรือเปล่า”
“ยุ่งค่ะ”
เขานิ่วหน้า “เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันหลังจากแต่งงาน แต่ตอนนี้เธอกลับเอาแต่สนใจเรื่องงาน ทำอย่างกับเธอลืมเรื่องข้อตกลงการแต่งงานไปแล้วอย่างนั้นแหละ”
หลินเช่อทำหน้าสงสัย “ทำไมดหรอคะ คุณต้องการให้คุณผู้หญิงตระกูลกู้ทำอะไรเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ! เรากำลังจะมีงานเลี้ยงมื้อค่ำของครอบครัวในโอกาสเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง ถ้าเธอไม่เป็นคนเตรียมงาน แล้วเธอจะให้ฉันเป็นคนทำหรือยังไง”
“หา? กินอาหารค่ำของครอบครัวเนี่ยนะคะ อาหารค่ำอะไรกัน ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยสักนิด”
“เราจะไปเที่ยวเกาะภูเก็ตกัน เธอควรเตรียมตัวเอาไว้นะ”
“ว้าว ไกลจังเลยค่ะ ขอโทษทีนะ ฉันไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ ยังไงฉันจะรีบเตรียมตัวนะคะ!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่ากระตือรือร้นด้วยความจริงใจ เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ
เมื่อหลินเช่อเข้าห้องไปแล้ว คนดูแลบ้านก็เอ่ยถามชายหนุ่มขึ้นด้วยความงุนงงว่า “คือว่า ท่านครับ เรามีงานเลี้ยงมื้อค่ำเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงด้วยเหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
กู้จิ้งเจ๋อหันขวับมา จ้องหน้าคนรับใช้ปากสว่างด้วยสายตาราวกับจะกินเนื้อ
เพียงเท่านั้นอีกฝ่ายก็รีบหุบปากฉับไว
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาครอบครัว
“แม่ครับ งานเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงใกล้เข้ามาแล้วนะ ได้เตรียมแผนการอะไรเอาไว้รึเปล่าครับ”
มู่หว่านฉิงตอบว่า [อ้อ แม่กลัวว่าลูกจะงานยุ่งเกินไป ส่วนพี่ชายของลูกน่ะยุ่งอยู่ตลอดอยู่แล้ว ส่วนน้องชายลูกนั่น แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาออกไปไหนอยู่ได้ทุกวัน เพราะงั้นแม่ก็เลยไม่ได้เตรียมแผนการอะไรเอาไว้เลยจ้ะ]
“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับแม่ ครอบครัวเราจะต้องรักษาความสัมพันธ์กันไว้นะครับ ไม่อย่างนั้นก็ห่างเหินไม่ได้เจอหน้ากันเลย”
[ถ้างั้น…เราควรทำยังไงกันดีล่ะจ๊ะ]
“ผมดูสภาพอากาศที่ภูเก็ตช่วงนี้ไม่เลวเลย ทำไมเราไม่ไปพักร้อนกันสักหน่อยล่ะครับ”
[หืม แบบนั้นก็ดีนะ งั้นก็ไปเตรียมการเถอะจ้ะ]
กู้จิ้งเจ๋อวางโทรศัพท์ลงพลางนึกถึงเกาะภูเก็ต เขานึกถึงภาพชายหาดเมืองร้อน ก่อนที่ความคิดจะล่องลอยไปถึงรูปร่างของหลินเช่อ เธอคงจะน่าดูไม่น้อยทีเดียวในชุดบิกินี่