เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 132
“ฉันชอบคนซื่อบื้อแบบเธอมากกว่า” กู้จิ้ิ้งอวี่หันมาลูบหัวเธอ
“โอ๊ย คุณนั่นแหละซื่อบื้อ พวกคุณก็ซื่อบื้อกันทั้งบ้านนั่นแหละ!” หลินเช่อแหวออกมาเสียงดังสนั่น
ไม่ช้ารถก็มาถึงจุดหมาย กู้จิ้ิ้งอวี่ส่งเธอลงข้างถนนแล้วขับออกไป
เมื่อเข้าบ้านมา หญิงสาวก็พบว่ากู้จิ้งเจ๋อกำลังรอเธออยู่ เขานั่งอยู่บนโซฟา ยกเท้าขึ้นพาดโต๊ะ ก้มหน้าอ่านหนังสือ
เมื่อเห็นหลินเช่อกลับบ้านตั้งแต่เพิ่งจะสามทุ่ม เขาก็ลุกขึ้นแล้วถามขึ้น “ทำไมถึงกลับมาเร็วนักล่ะ ฉันคิดว่าจะต้องรอจนสี่ทุ่มเสียอีก”
หญิงสาวไม่รู้จะตอบยังไง เป็นความผิดของกู้จิ้ิ้งอวี่นั่นแหละ ที่อยู่ๆ ก็ลากเธอกลับบ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อาหารไม่ค่อยอร่อยน่ะ ก็เลยกลับเร็ว”
“แล้วนี่ได้กินอะไรหรือยัง”
“กินแล้วละค่ะ ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
กู้จิ้งเจ๋อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปคว้าเสื้อโค้ตและพูดว่า “เดี๋ยวฉันไปเอารถ แล้วเราออกไปหาอะไรกินกัน”
“อา แต่นี่ดึกแล้วนะคะ…”
“ไปเถอะ” เขาออกเดินไปที่ประตูและลากหลินเช่อตามไปด้วย
เธอเดินตามไปพลางแหงนหน้ามองไปพลาง และถามว่า “เราจะไปกินอะไรกันคะ ฉันไม่รู้จะกินอะไรดี”
“คิดสิ เราจะกินอะไรก็ได้ที่เราอยากกิน” เขาตอบ
หลินเช่อนิ่งคิดอย่างไม่แน่ใจนัก “ฉัน…ฉันอยากกินซุปหมาล่าน่ะค่ะ คุณอาจจะไม่ชอบ…”
“อะไรนะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “มันคืออะไรน่ะ”
หลินเช่ออธิบาย “มันเป็นอาหารว่างชนิดหนึ่ง”
กู้จิ้งเจ๋อยังไม่หายสงสัย “ฟังดูไม่น่าจะเข้าท่าเลย…”
“งั้นก็ช่างเถอะค่ะ…” เธอก็คิดอยู่เหมือนกันแหละว่าเขาคงไม่กินอาหารแบบนี้ “กินอะไรก็ได้ค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอนิ่งนานก่อนจะจูงเธอให้เดินต่อ “ไปกันเถอะ แล้วเราจะไปหาซุปหมาล่ากินได้ที่ไหนล่ะ ฉันเองก็อยากลองเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินเช่อก็รีบตอบด้วยความยินดี “โอเคเลย ตกลงค่ะ ฉันรู้จักร้านอร่อย ชอบไปกินบ่อยๆ ตอนที่ยังเรียนหนังสือ มันเป็นร้านริมถนนแถวโรงเรียนฉันน่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะและยอมตามเธอไปแต่โดยดี
เขาขับรถรวดเดียวก็มาถึงย่านขายอาหารริมถนนใกล้โรงเรียน พวกเขามองเห็นกลุ่มนักเรียนที่ยืนห้อมล้อมกันอยู่เต็มหน้าร้านได้แต่ไกล หลินเช่ออวดอย่างภูมิใจว่า “เจ๋งไปเลยใช่ไหมละคะ แค่มาอยู่ตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลย”
กู้จิ้งเจ๋อมองตาม บรรยากาศบริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัยเยาว์จริงๆ เสียด้วย เขาจอดรถเลยออกไปหน่อยเพื่อที่ผู้ติดตามของเขาจะได้สามารถตามมาห่างๆ ได้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นอาจเกิดเหตุการณ์แตกตื่นโกลาหลที่ได้เห็นบอดี้การ์ดคณะใหญ่
เมื่อจอดรถเรียบร้อย ทั้งสองก็พากันเดินไปตามถนน หลินเช่อเล่าว่า “โรงเรียนของฉันเคยอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ เห็นมั้ยคะ นั่นโรงละครของโรงเรียน นั่นมหาวิทยาลัยประจำเมือง ส่วนโน่นก็มหาวิทยาลัย H แล้วก็มหาวิทยาลัย Q ตั้งเรียงอยู่ตลอดถนนเส้นนี้ทั้งเส้น ที่นี่ก็เลยมีคนพลุกพล่านมาก”
กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้า ถนนแม้จะไม่ค่อยสะอาดนักแต่ก็มีชีวิตชีวาดี ขณะเดินเคียงกันไป พวกเขาก็แลเห็นบรรดานักศึกษาชายหญิงเดินพูดคุย กินอาหาร จับมือ หัวเราะคิกคักกัน ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่พิเศษมาก
หลินเช่อถามขึ้น “คุณคงไม่เคยเจออะไรแบบนี้ตอนที่ไปเรียนต่างประเทศสินะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ใช่ ส่วนใหญ่ฉันใช้เวลาอยู่แต่ในมหาวิทยาลัยน่ะ ไม่ค่อยได้ออกมาเดินเตร็ดเตร่นักหรอก”
หลินเช่อถากถาง “พวกเด็กเรียนก็แบบนี้แหละ อ่า…ฉันน่ะโดดเรียนออกไปหาอะไรกินเป็นประจำเลยค่ะ แล้วก็ไม่ได้สนใจจะกลับเข้าชั้นเรียนต่อด้วย” พูดจบหญิงสาวก็รีบยกมือปิดปาก ทำหน้าขัดเขิน “ฉันหมายถึง นานๆ ครั้งฉันก็โดดเรียนบ้างน่ะค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อส่ายหน้า “เอาเถอะ ไม่ต้องมากลบเกลื่อนหรอก ด้วยสติปัญญาอย่างเธอน่ะ ฉันว่าถึงเรียนไปก็คงไม่ได้ซึมซับอะไรหรอก เสียเวลาเปล่าๆ”
“นี่ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยนะคะ…” หลินเช่อทำตาขวางใส่
แล้วหนุ่มสาวคู่หนึ่งก็เดินผ่านมา เด็กสาวนั้นถือไอศกรีมและกำลังมองฝ่ายชายด้วยสายตาเว้าวอน ต่างฝ่ายต่างก็หัวเราะต่อกระซิกต่อกันไม่แคร์สายตาคนอื่น ราวกับไม่มีใครอื่นใดอีกแล้วในโลกนี้
สองมือสอดประสานเกาะกุมกันแนบแน่น
กู้จิ้งเจ๋ออดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง มือของหลินเช่อกำลังแกว่งไปมาอยู่ข้างตัวเขาไม่ยอมอยู่นิ่งๆ แถมบางครั้งเธอก็ยังเร่งฝีเท้าจนเร็ว บางทีก็ผ่อนจนช้า ท่าทางสบายอกสบายใจยิ่งนัก
มือของเขาแตะโดนมือเธอ ร่างกายของเขาสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะก้มลงมอง แต่แล้วในจังหวะต่อมา มือเธอก็ขยับห่างออกไปอีก
เขาอยากจับมือเธอ แต่ก็รู้สึกเขินอาย
ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ของเธอและเขาก็ออกจะประหลาดอยู่ และการทำอะไรที่อบอุ่นนุ่มนวลแบบนี้ก็ดูจะไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ หลินเช่อยังคงเหลียวซ้ายแลขวา โฉบไปดูโน่นมองนี่ขณะพยายามอธิบายถึงอาหารประเภทต่างๆ ให้เขาฟัง
กู้จิ้งเจ๋ออยากจะเอื้อมไปจับมือเธอ แต่เขาก็ใจฝ่อเสียก่อน แถมยังไม่กล้าพยายามอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อจ้องมองหลินเช่อ สีหน้าของเขาจึงดูท้อแท้ทีเดียว
หลินเช่อร้องถาม “นี่ เป็นอะไรไปคะ คุณไม่ชอบที่นี่เหรอ ถ้าอย่างนั้นเราไปที่อื่นกันก็ได้นะคะ ที่นี่ออกจะหนวกหูไปหน่อยน่ะ”
“ไม่ใช่หรอก…ไปหาร้านที่เธอพูดถึงกันดีกว่า”
หลินเช่อรีบตอบ “อ้อ มันอยู่ข้างหน้านี่เองค่ะ ตามมาสิคะ”
เธอพูดพลางเดินพุ่งไปข้างหน้า
ทันใดนั้น รถคันหนึ่งก็แล่นปราดเข้ามา ชายหนุ่มรีบคว้าตัวหลินเช่อที่กำลังรีบร้อนเดินจนไม่ทันได้สนใจอะไรไว้
หลินเช่อตกใจเมื่อถูกกระชากเข้าหาอ้อมแขนของกู้จิ้งเจ๋อและเหลียวมองรถที่พุ่งเฉียดเธอไปเพียงนิ้วมือเดียว หวุดหวิดจะชนเธอจนล้มลง
“โอ๊ยตายจริง เกือบไปแล้ว” เธอยกมือขึ้นทาบอก
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้วและมองดูเธอ “ทำไมเดินไม่รู้จักดูทางบ้าง ถ้ายังเดินแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เกิดเรื่องอีกหรอก”
“รถคันนั้นต่างหากละคะที่เป็นปัญหา ที่นี่มีคนเดินกันออกขวักไขว่ ทำไมถึงขับเร็วนักก็ไม่รู้”
“ถ้าเธอโดนชนจนล้มไป มันยังจะมีประโยชน์อยู่มั้ยที่จะมาเถียงกันว่าใครผิดน่ะ มาเถอะ อย่าวิ่งอีกล่ะ ระวังโดนชน” เขาบอกก่อนก้มลงแล้วจับมือเธอเอาไว้แน่น จากนั้นก็จูงให้เดินต่อ
หลินเช่อตกใจ จนกระทั่งข้ามถนนมาแล้วเรียบร้อย เขาก็ยังไม่ปล่อยมือ เพียงแต่ขยับเปลี่ยนตำแหน่งทว่ายังคงจับมือเธอไว้อย่างนั้น แล้วทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันไป
หลินเช่ออดไม่ได้ที่จะก้มลงมองมือใหญ่ที่กุมอยู่รอบมือเล็กๆ ของเธอเสียจนมิดแทบมองไม่เห็น ความอบอุ่นจากมือเขาเริ่มที่จะจู่โจมเข้ามาถึงหัวใจเธอด้วย มุมปากของหญิงสาวขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายด้วยความสุข
กู้จิ้งเจ๋อยังคงจูงมือเธอเดินไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นและรู้สึกได้ถึงความรื่นรมย์รอบตัว ชายหนุ่มไม่อาจกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้ มันเหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
สองหนุ่มสาวเดินไปราวกับว่าถนนเส้นนั้นช่างยาวไกลนัก และต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากให้มันสิ้นสุดลง พวกเขาหวังว่าถนนนั้นจะทอดยาวออกไปเรื่อยๆ และพวกเขาจะได้กุมมือกันเดินแบบนี้ตลอดไป…
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพากันหันมอง และได้เห็นสองหนุ่มสาวเดินจูงมือกัน
กู้จิ้งเจ๋อที่เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับยิ้มกว้างราวกับเด็กหนุ่ม ความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมาจากคนทั้งคู่นั้นดูจะมากมายเสียยิ่งกว่าคู่รักหนุ่มสาวที่เดินกันอยู่เต็มถนนเสียด้วยซ้ำ มันช่างเรียบง่าย บริสุทธิ์และงดงาม