เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 137
หลินเช่อถามอย่างสงสัย “งานเลี้ยงอะไรคะ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ก็แค่งานเลี้ยงการกุศลกันเป็นการภายในน่ะ ฉันต้องพาคู่ควงไปด้วย”
หลินเช่อจึงย้อนให้ว่า “งั้นคุณก็พาคู่ควงไปสิคะ”
“ก็ฉันมีเมีย ยังจะต้องไปหาคู่ควงที่ไหนอีกล่ะ”
หลินเช่อหัวเราะ “ก็ได้ค่ะ งั้น…ฉันจะไปกับคุณ”
แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าเธอถูกบังคับ แต่จริงๆ แล้วหลินเช่ออดดีใจไม่ได้
ได้ไปร่วมงานเลี้ยงกับกู้จิ้งเจ๋อแบบนี้
เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้ทำมาก่อนเลย…
ไม่ช้า คนดูแลก็โทรมาหาหลินเช่อและบอกว่าจะส่งรถมารับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผม เพื่อให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงได้อย่างไม่ต้องร้อนใจ
ตกเย็น
กู้จิ้งเจ๋อมาถึงก่อนล่วงหน้าและเข้ามาหาหลินเช่อในห้องสตูดิโอแต่งหน้าส่วนตัว ปกติแล้วช่างแต่งหน้าฝีมือเยี่ยมคนนี้จะมีคิวจ้างแต่งหน้ายาวเหยียดทีเดียว อวี๋หมินหมิ่นเองก็เคยอยากได้หล่อนมาช่วยแต่งหน้าให้หลินเช่อเมื่อครั้งขึ้นไปรับรางวัล แต่ก็ไม่อาจแทรกคิวยาวที่จองเอาไว้ก่อนแล้วได้ ทว่าวันนี้ เพราะกู้จิ้งเจ๋อ หลินเช่อจึงได้ครอบครองสตูดิโอแต่งหน้าทั้งหมดนี้แต่เพียงผู้เดียว
ช่างแต่งหน้าไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างกู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อ แต่หล่อนก็มีจรรยาบรรณทางอาชีพมากพอที่จะไม่ถาม หล่อนไม่นินทาใครและปฏิบัติกับหลินเช่อด้วยความสุภาพ
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อมาถึง หล่อนก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้นไปอีก
ใครที่กล้าเอาเรื่องของเขาไปพูดก็เท่ากับรนหาที่ตายนั่นล่ะ
หลินเช่อที่แต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วหันกลับมาหาชายหนุ่ม เธออยู่ในชุดสีแดงที่ไม่ได้ทำให้ดูเซ็กซี่ยั่วยวน ทว่าขับให้ดูสดชื่นเหมือนดอกไม้แรกแย้มหลังฝน บริสุทธิ์และสะอาด
ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมว่า “คุณหลินสวยมากและผิวก็ดีมากด้วยค่ะ จากบรรดาทุกคนที่ฉันเคยแต่งหน้าให้ คุณหลินผิวดีที่สุดเลย”
หลินเช่อหันมายิ้มอายๆ เธอยกชายกระโปรงขึ้นแล้วถามเขาว่า “ฉันดูเป็นยังไงบ้างคะ สวยรึเปล่า”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มให้ก่อนพยักหน้า “อืม ฉันว่าเธอสวมชุดแล้วก็ช่วยทำให้ชุดดูสวยขึ้นดี”
“…” หลินเช่อบุ้ยปาก เธอรู้อยู่แล้วละว่าเขาคงไม่พูดอะไรดีๆ หรอก!
แต่จะช่วยชมหน่อยไม่ได้หรือไงนะ
กู้จิ้งเจ๋อดึงแขนหญิงสาว “ไปกันเถอะ”
บนรถ หลินเช่อถามเขาว่า “งานเลี้ยงคืนนี้ใหญ่มั้ยคะ ทำไมคุณถึงได้เชิญฉันล่ะ มันจะไม่เป็นไรเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ใครๆ ก็พาคู่ควงกันมาทั้งนั้นนั่นแหละ ไม่มีใครถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราหรอก นี่เป็นงานใหญ่ เป็นงานเลี้ยงการกุศลประจำปีน่ะ”
“อ้อ แต่ฉันไม่เคยไปออกงานเลี้ยงอะไรกับคุณมาก่อนเลยสักงานนะคะ” หลินเช่อถามด้วยความสงสัย
กู้จิ้งเจ๋อบอกเรียบๆ ว่า “ก็ใช่น่ะสิ ปกติแล้วฉันจะใช้คนของฉันให้ไปร่วมงานแทนมากกว่าไปเองน่ะ”
“จริงเหรอคะ ฉันนึกว่ามันจะเหมือนกับที่เคยเห็นในทีวีเสียอีก ที่พวกนายทุนอย่างคุณจะต้องเดินไปรอบๆ งานเลี้ยงแล้วก็เที่ยวคุณเจ๊าะแจ๊ะอวดโน่นนี่กันใหญ่ ดูแล้วน่าสนุกออกค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า “นั่นเธอกำลังพูดถึงพวกนายทุนจากบริษัทเล็กๆ น่ะสิ พวกนั้นต้องพยายามไต่เต้าขึ้นไปให้สูงขึ้นอีก ไม่อย่างนั้นก็ต้องคอยออกงานอยู่เรื่อยๆ แบบนี้”
“…”
นี่เขาหมายถึงตำแหน่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้หรือเปล่านะ ที่ไม่จำเป็นต้องออกไปพบปะหรือสังสรรค์กับใครอีกต่อไปแล้วน่ะ
กู้จิ้งเจ๋อนี่…จะหาทางชมตัวเองทุกครั้งที่เขามีโอกาสเลยหรือยังไงกัน
หลินเช่อหันมองเขาโดยไม่พูดอะไร พอดีกับที่โชเฟอร์หยุดรถลงตรงหน้าทางเข้าโรงแรมระดับเจ็ดดาว
หลินเช่อตามเขาลงจากรถ เมื่อมองไปข้างหน้าก็เห็นผู้คนมากมายกำลังรอต้อนรับพวกเธออยู่
“ท่านประธานกู้มาถึงแล้ว”
“ยินดีต้อนรับค่ะท่านประธานกู้”
“ท่านประธานกู้ เชิญด้านในเลยครับ”
เมื่อตามกู้จิ้งเจ๋อเข้าไป เธอก็เริ่มได้รับความสนใจไม่น้อยเช่นกัน ไม่มีใครกล้าถามว่าเธอป็นใคร แต่ทุกคนเห็นกู้จิ้งเจ๋อเป็นฝ่ายจูงมือเธอเดินเข้างาน ชุดของหลินเช่อนั้นสวยมาก มันเป็นชุดสีไวน์แดง ยาวลากพื้น ดูสวย งามสง่าอย่างยิ่ง
ผู้คนที่อยู่ด้านหลังเริ่มซุบซิบกัน “ดูสิ! นั่นกู้จิ้งเจ๋อนี่นา”
“ทั้งปีเราแทบจะไม่เคยเจอหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ”
“เขามากับใครน่ะ”
“คงจะเป็นคู่ควงนั่นแหละ เธอดูหน้าคุ้นๆ อยู่นะ เหมือนจะเป็นดารา”
ทุกคนต่างพากันมองหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาด้วยท่าทีริษยา ทั้งสองเดินไป ทิ้งให้บรรดาผู้คนที่เดินผ่านพากันร้องอุทานไม่ขาดปาก ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหน เขาก็เป็นจุดสนใจของทุกคน
“แต่เห็นมีข่าวว่าเขาคบหาอยู่กับลูกสาวของตระกูลโม่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมากับผู้หญิงคนนี้ได้ล่ะ”
“แต่ไม่เคยมีใครเห็นกู้จิ้งเจ๋อพาเธอออกงานเลยนะ”
สองสามคนยังคงถกเถียงกันเรื่องนี้โดยมีโม่ฮุ่ยหลิงนั่งอยู่ข้างหลัง เธอกำลังยกแก้วเครื่องดื่มด้วยสีหน้าเกลียดชัง
เธอรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่ากู้จิ้งเจ๋อจะมาร่วมงานเลี้ยง ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเพราะนี่เป็นงานเลี้ยงการกุศลประจำปีที่ใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นกู้จิ้งเจ๋อก็น่าจะเดินทางมาร่วมเพื่อบริจาคเงินด้วย
แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมาพร้อมนังหลินเช่อนั่น
ที่ทุกคนพูดก็ถูก กู้จิ้งเจ๋อไม่ค่อยพาเธอออกงานต่อหน้าสาธารณชนมากนัก
เพราะเขาเองก็ไม่ชอบที่จะตกเป็นเป้าสนใจของคนอื่น ด้วยเหตุนี้ในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน เขาจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาอย่างจริงจังนัก
แน่ละว่าโม่ฮุ่ยหลิงก็อยากจะออกงานกับเขา แต่เธอกลัวจิ้งเจ๋อจะมองว่าเธอพยายามพาเขาออกไปเปิดเผยให้ใครต่อใครรู้จัก หญิงสาวจึงพยายามหักห้ามใจตัวเองมาโดยตลอดไม่ให้ทำตามความปรารถนาของตัวเอง
แต่กลายเป็นว่าเขากลับพาแม่หลินเช่อนั่นออกงาน…
โม่ฮุ่ยหลิงกัดฟันขณะมองคนทั้งคู่เดินผ่านไป สายตาของเธอเชยมองตาม
หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อได้ที่นั่งที่ชั้นบนของห้องจัดเลี้ยง ทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นงานเลี้ยงได้ทั้งงาน แต่คนที่อยู่ในงานไม่อาจมองเห็นพวกเขาได้
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเช่อมีโอกาสได้มาร่วมงานเลี้ยงใหญ่แบบนี้ เธอจึงควักเอาโทรศัพท์ออกมา “ฉันจะพยายามถ่ายรูปดูสักหน่อยนะคะ ฮิๆ”
กู้จิ้งเจ๋อมองโดยไม่พูดอะไร “นี่เธอจะถ่ายเซลฟี่ตัวเองกับทุกอย่างเลยงั้นหรือไง”
หลินเช่อแย้ง “ก็นานๆ จะมีโอกาสได้มาสักทีนี่คะ เดี๋ยวพอฉันโพสต์ลงเวยป๋อนะ แฟนๆ จะต้องยกย่องฉันแน่ที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้น่ะ ฉันไม่ได้เอาไม้เซลฟี่มาด้วย คุณช่วยถ่ายให้หน่อยสิคะ”
กู้จิ้งเจ๋อถึงกับอึ้ง “นี่เธอ…”
นี่เดี๋ยวนี้เธอไม่กลัวเขาแล้วหรือไงนะ จากที่เคยถ่ายรูปเอง มาตอนนี้กลับใช้เขาถ่ายให้หน้าตาเฉยแบบนี้
หลินเช่อทำสายตาวิงวอนน่าสงสาร “ช่วยหน่อยนะคะ ได้โปรดเถอะ แค่กดปุ่มเองค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อไม่มีทางเลือก โชคดีที่ไม่มีใครมองเห็นพวกเขา เพราะถ้ามีคนมาเห็นเขาพยายามช่วยเธอถ่ายเซลฟี่แบบนี้ละก็…คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
เขารับโทรศัพท์มาแล้วมองหน้าหลินเช่อ ก่อนจะกดถ่ายให้เธอสองสามภาพ เมื่อหญิงสาวรับโทรศัพท์คืนไป เธอก็มองดูผลงานที่ได้ด้วยท่าทีท้อแท้ใจ เธอจึงขอใหม่อีกรอบ “กู้จิ้งเจ๋อ…นี่คุณไม่เคยถ่ายรูปหรือไงคะ คุณต้องถ่ายให้เห็นแบ็กกราวน์เป็นงานทั้งงานข้างล่างด้วยสิ ที่คุณถ่ายมานี่เหมือนฉันกำลังนั่งดื่มอยู่ที่บาร์มืดๆ ในโรงแรมยังงั้นแหละ ใครจะไปรู้ว่านี่เป็นงานเลี้ยงสุดหรูกันล่ะ”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องถ่ายรูปให้เธออีกรอบ แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจอยู่ดีนั่นเอง
“กู้จิ้งเจ๋อ ฉันละเชื่อคุณเลยนะเนี่ย นี่คุณไม่มีเซนส์ความงามบ้างเลยหรือไงคะ เซนส์ความงามน่ะค่ะ! ทำไมหน้าฉันถึงเบี้ยวไปหมดแบบนี้ล่ะ”