เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 148
หลินเช่อมองดูผู้เป็นบิดาและพี่สาวต่างมารดาด้วยความประหลาดใจ
ทั้งสองคนมาที่นี่ทำไมกัน
หลินโหย่วไฉยกมือขึ้นลูบศีรษะที่เกือบจะล้านเลี่ยนแล้วยิ้มให้หลินเช่อพลางพูดว่า
“พี่สาวแกไปมีเรื่องเข้าน่ะ ตอนนี้ก็เลยทำได้แค่พาหล่อนมาที่นี่เพื่อขอร้องแก แกต้องช่วยพวกเรานะ เรื่องนี้สำคัญมาก ช่วยทำอะไรสักอย่างเพื่อเห็นแก่พี่สาวของแกเถอะนะ”
หลินโหย่วไฉมองหน้าหลินเช่อและคิดว่าเขาทำถูกแล้วที่มาที่นี่ หลินเช่อคงไม่มีทางช่วยแน่ถ้าพวกเขาไม่เป็นฝ่ายมาหาถึงที่
เขาเห็นแล้วว่าหลินเช่อไม่ได้มีท่าทีอนาทรร้อนใจใดๆ เพราะฉะนั้นก็สมควรแล้วที่เขามาขอร้องหล่อนด้วยตัวเอง
ไม่อย่างนั้นหลินเช่อก็คงจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและปล่อยให้พวกเขาต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง
หลินเช่อนี่ก็แปลก พี่สาวทั้งคน ทำไมถึงไม่รีบหาทางช่วยเหลือเลยนะ
หลินเช่อมองดูบุคคลทั้งสองที่ยืนขวางทางเอาไว้
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนถึงตอนนี้หนูก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
หลินโหย่วไฉรีบเล่า “ตอนที่พี่สาวแกไปสังสรรค์กับลูกค้าน่ะ ตาผู้จัดการเฒ่านั่นพยายามจะเข้ามาล่วงเกิน แต่แน่ละว่าพี่แกไม่ยอม หลินอวี่มีสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นและไม่ยอมตกลงด้วย พี่สาวแกก็เลยตบหมอนั่นเข้า ตอนนี้เขาเลยประกาศสงครามกับเราและพยายามทำทุกอย่างให้เราอาศัยอยู่ในเขต B นี่ไม่ได้อีกต่อไป ฉันเองก็กังวลใจ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี พี่สาวแกกำลังอยู่ในช่วงวัยสำคัญ ไม่ควรต้องถูกทำลายชื่อเสียงแบบนี้”
หลินเช่อถาม “แล้วพี่ไปล่วงเกินใครเขากันแน่ บอกชื่อเขามาก่อนสิคะ”
หลินโหย่วไฉกระทุ้งหลินอวี่จนเธอยอมตอบอย่างเสียไม่ได้ว่า “หมอนั่นชื่อเฉินจิ่งเสียน ตาแก่อ้วนอัปลักษณ์ที่น่าขยะแขยงที่สุด ฉันไม่มีทางยอมเข้าใกล้ตานั่นเด็ดขาด มันไม่เคยส่องกระจกดูสารรูปตัวเองเลยว่าคู่ควรกับฉันแค่ไหนแต่กลับกล้าลวนลามฉันงั้นเรอะ แค่ยอมลดตัวไปร่วมสังสรรค์ด้วยก็ถือว่ามากเกินพอแล้วนะ ฉันไม่มีวันยกโทษให้มันที่พยายามแตะต้องฉันเป็นอันขาด”
หลินเช่อขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “ถ้าไม่อยากยุ่งกับเขาก็ไม่ควรจะออกไปสังสรรค์กับเขาสิ แต่นี่พี่ดันไปให้ความหวังเขาแล้วมาปฏิเสธทีหลังแบบนี้ ถ้าพี่ทำตามหลักการของตัวเองเสียตั้งแต่ต้น เขาก็คงไม่พยายามหาทางเข้าใกล้พี่หรอก ที่เขามีโอกาสได้พาพี่ออกไปกินอาหารค่ำนั่นมันก็ชัดอยู่แล้วว่าเขามีเจตนาอะไร ทำไมพี่ถึงไม่รู้ล่ะ พี่ควรจะปฏิเสธเขาไปตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ”
หลินเช่อเองก็เคยได้รับคำเชิญแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอไม่เคยกล้าที่จะตอบรับคำเชิญประเภทนี้
เจตนาของคนพวกนี้ชัดเจนอยู่แล้วในสายตาตั้งแต่แรก ไม่จำเป็นต้องอธิบายเป็นคำพูด เพราะแบบนี้หลินเช่อจึงปฏิเสธแข็งขันมาโดยตลอด
บางทีอาจจะเพราะแบบนี้ หลายๆ คนจึงคิดว่าเธอเป็นคนไม่มีอัธยาศัยและเข้าถึงยากจนทำให้เธอต้องเสียโอกาสในหน้าที่การงานไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงกระนั้นหลินเช่อก็ไม่เคยนึกเสียใจเลย
เธอโชคดีมากที่ได้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างอวี๋หมินหมิ่น หล่อนไม่เคยฝืนใจหลินเช่อให้ต้องออกไปดื่มกินสังสรรค์กับคนเหล่านี้เลย อวี๋หมินหมิ่นเองก็มีหลักการของเธอในการจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยเหมือนกัน
หลินอวี่ตอบว่า “ก็แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ เขาเป็นผู้จัดการใหญ่ ฉันไม่กล้าปฏิเสธหรอก ถ้าฉันไม่ออกไปกินข้าวกับเขา ฉันจะได้บทมาแสดงได้ยังไงล่ะ”
ได้งานจากการกินข้าวด้วยเนี่ยนะ ง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หลินเช่อรู้ดีว่าไม่มีอะไรที่พูดไปแล้วจะช่วยเรื่องนี้ได้ เธอจึงทำได้แต่เพียงเหลือบตามองดูผู้เป็นพี่สาว
หลินโหย่วไฉรีบตะล่อมต่อ “เอาล่ะ เอาไว้เราค่อยพูดเรื่องนี้กันทีหลังเถอะนะ ว่าแต่ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ อา หลินเช่อ ทำไมแกถึงไม่เชิญเราเข้าไปนั่งในบ้านล่ะ เราก็อยากเข้าไปเองอยู่หรอก แต่คนรับใช้ที่ประตูนั่นไม่ยอมให้เราเข้าไป แกต้องบอกพวกเขานะ”
หลินหวี่รีบแทรกขึ้นมา “นั่นสิ เร็วเข้าเถอะ แล้วก็ไล่พวกมันออกไปให้หมดซะ”
หลินเช่อตอบว่า “พวกเขาทำเฉพาะในสิ่งที่ได้รับคำสั่งให้ทำเท่านั้น เพราะอย่างนี้พวกเขาถึงไม่ยอมพ่อเข้าไป”
อีกอย่าง ใช่ว่าใครหน้าไหนจะเข้านอกออกในคฤหาสน์ตระกูลกู้ได้อย่างอิสระ หลินเช่อเองก็ต้องระมัดระวังอย่างมากเวลาจะพาใครมาบ้าน แต่ตอนนี้ทั้งพ่อและพี่สาวของเธอกลับเป็นฝ่ายพาตัวเองมาที่นี่เสียเอง พ่อของเธอไม่แม้แต่จะทักทายเธอด้วยซ้ำ หลินเช่อหน้านิ่ว ไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรดี
แต่แล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยก็วิ่งตรงเข้ามาจากข้างในบ้าน
“คุณผู้หญิงครับ เราแจ้งให้ท่านทราบแล้ว ท่านบอกว่าคุณสามารถพาพวกเขาเข้าไปรอข้างในได้ ท่านจะกลับมาในไม่ช้านี้ครับ”
พวกเขาได้รับคำสั่งให้รีบรายงานให้กู้จิ้งเจ๋อรู้ทันทีที่หลินเช่อต้องเจอกับปัญหาไ
ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นหลินเช่อกลับมาถึงบ้านและถูกดึงตัวเพื่อให้เจรจาอยู่ตรงนี้ พวกเขาจึงรีบแจ้งผู้เป็นนายให้รู้ในทันที
ทันทีที่ได้ยินคนในบ้านเรียกหลินเช่อว่า ‘คุณผู้หญิง’ หลินโหย่วไฉก็รู้ได้ในทันทีว่าตัวเขาจะต้องมีสถานะที่ดีไม่น้อยทีเดียวในบ้านตระกูลกู้แห่งนี้ ส่วนทางด้านของหลินอวี่นั้นกลับทำสีหน้าเยาะหยันในความหน้าไม่อายของหลินเช่อ ตอนที่ย้ายเข้ามาที่นี่ในฐานะภรรยา แม่หลินเช่อนี่คงจะบังคับคนในบ้านให้เรียกตัวเองว่า ‘คุณผู้หญิง’ ละสินะ
แต่ถึงกระนั้น เมื่อได้เห็นบรรดาพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้ว หลินอวี่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าพวกเขาดูสมกับเป็นคนของคฤหาสน์ตระกูลกู้โดยแท้ ดูเป็นมืออาชีพและมีฝีมือเยี่ยมทีเดียว
เมื่อหลินเช่อได้ยินว่ากู้จิ้งเจ๋อรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว เธอก็หันมาบอกบิดาว่า “งั้นก็เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
หลินโหย่วไฉมีท่าทียินดีปรีดาขึ้นมาทันควัน เขาพูดกับหลินเช่ออย่างชื่นชมว่า “ดีมาก แกต้องพูดกับกู้จิ้งเจ๋อให้เป็นเรื่องเป็นราวล่ะหลังจากนี้”
ขณะเดินเข้าไป สองพ่อลูกก็พากันเหลียวดูการตกแต่งอันวิจิตรตระการตาของตัวคฤหาสน์กันอย่างตื่นเต้น ทั้งหลินโหย่วไฉและหลินอวี่ต่างก็พากันทึ่งจัด
แน่ล่ะว่านี่คือบ้านของกู้จิ้งเจ๋อ มันหรูหราแต่ไม่ได้ดูเวอร์วังอลังการ ทว่าถูกตกแต่งอย่างมีรสนิยมทีเดียว
ตัวบ้านนั้นใหญ่โตจนแทบจะเอาบ้านตระกูลหลินมาใส่ไว้ในนี้ได้อีกหลายหลัง เมื่อคิดว่าหลินเช่อได้อยู่ที่นี่แล้ว หลินอวี่ก็อดริษยาขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ หญิงสาวคิดอย่างชิงชังว่า ทำไมคนอย่างนังหลินเช่อถึงได้โชคดี กลายเป็นผู้หญิงที่กู้จิ้งเจ๋อติดตาต้องใจขึ้นมาได้อย่างนี้นะ
จะดีสักแค่ไหนถ้าเธอได้มาอยู่ที่นี่บ้าง
หลินอวี่อยากถ่ายรูปเก็บเอาไว้โอ้อวด
แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ตามติดเป็นเงาตามตัวคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอไปเสียก่อน
หลินอวี่ร้องขึ้นอย่างโกรธจัด “นั่นแกทำอะไรน่ะ”
หลินเช่อตอบให้ว่า “นี่ พี่จะถ่ายรูปในนี้ไม่ได้นะ”
“แล้วทำไมแกถึงถ่ายได้ล่ะ อย่างกับว่าฉันไม่เคยเห็นแกถ่ายรูปอวดพวกเพื่อนๆ ของแกอย่างงั้นแหละ”
หลินเช่อหันไปมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เป็นฝ่ายตอบคำถามเสียเองว่า “คุณผู้หญิงสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ แต่สำหรับบุคคลภายนอกที่ไม่มีใครรับประกันแล้วไม่สามารถถ่ายรูปได้ ขอโทษด้วย เราต้องยึดโทรศัพท์ของพวกคุณไว้”
“อะไรนะ”
หลินอวี่แทบจะกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความขุ่นเคือง
หลินเช่อเหลือบดูผู้เป็นพี่สาวและพุดว่า “เอาล่ะ เข้าไปกันเถอะ”
หลินอวี่เดินตามมาพลางร้องถามอย่างขัดใจว่า “นี่แกจะยอมให้เขายึดโทรศัพท์ฉันไปแบบนี้น่ะเหรอ ฉันเป็นพี่สาวแกนะ ถ่ายรูปแค่นี้จะเป็นอะไรไป”
“มันเป็นงานของพวกเขา ฉันไม่มีหน้าที่อะไรไปสั่ง”
“เฮอะ งั้นแกคงเป็นได้แค่นี้สินะ ในบ้านตระกูลกู้นี่น่ะ เพราะแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยยังทำอะไรข้ามหัวแกได้เลยนี่นา”
หลินอวี่ตั้งใจที่จะยั่วโมโห
แต่หลินเช่อตอบว่า “เราทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง พวกเขาไม่ได้ข้ามหัวฉัน พวกเขาแค่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มงวดเพื่อที่เราจะได้ปลอดภัยกัน ฉันว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ”
“นี่แก…”
หลินอวี่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะเธอเองก็ยังไม่มีปัญญาแม้แต่จะจัดการกับสาวใช้ในบ้านด้วยซ้ำ
ไม่ช้าทุกคนก็เดินมาถึงห้องนั่งเล่น มันเป็นห้องกว้างที่มีสาวใช้เดินขวักไขว่ไปมา คอยเตรียมผลไม้และน้ำชาเอาไว้รับแขก สองพ่อลูกยิ่งทึ่งจัดกว่าตอนแรกยิ่งนัก สาวใช้มากมายนับไม่ถ้วนเหล่านี้คอยทำหน้าที่บริการรับใช้หลินเช่ออย่างนั้นเหรอ ชีวิตของหลินเช่อที่นี่ดูจะสบายเกินไปเสียแล้ว
เมื่อทั้งสามนั่งลง ไม่ช้าพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากประตูด้านนอก
กู้จิ้งเจ๋อกลับมาถึงบ้านแล้ว
เขาเดินเข้ามาทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงาน ชุดสูทนั้นขับเน้นความเย็นชาในแววตา ร่างสูงดูทรงอำนาจยิ่งราวกับจะสลักเอาไว้ทั่วร่างว่าอย่าได้หาญกล้าเข้ามาใกล้ รังสีแห่งความรู้สึกคุกคามที่แผ่กระจายออกมา ทำให้ชายหนุ่มยิ่งดูเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดใจ