เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 149
สายตาของหลินอวี่จับจ้องไปที่กู้จิ้งเจ๋อทันทีที่เขาเดินเข้ามา แล้วทันใดนั้นหญิงสาวก็รีบผุดลุกขึ้น
หลินโหย่วไฉเองก็รีบตรงเข้าไปทักทายด้วยเช่นกัน
“คุณกู้ครับ วันนี้เรามาเยี่ยมหลินเช่อ เรารู้สึกโล่งใจมากที่ได้เห็นเธออยู่อย่างสบายแบบนี้”
หลินเช่อกลอกตา
แต่หลินโหย่วไฉทำเป็นไม่เห็นและพูดกับกู้จิ้งเจ๋อต่อว่า
“นี่คือหลินอวี่ พี่สาวของหลินเช่อครับ”
ดวงตาของหลินอวี่เป็นประกายระยิบเมื่อเธอมองดูเขาอย่างเขินอาย “ท่านประธานกู้”
กู้จิ้งเจ๋อเพียงแต่ปรายตามองเฉยๆ ก่อนจะหันไปเรียกหลินเช่อ “มานี่สิ”
หลินเช่อรีบเดินเข้ามาและมองหน้าชายหนุ่ม “พ่อฉันมีปัญหาน่ะค่ะ ก็เลยมาหาฉันที่นี่”
หลินโหย่วไฉเห็นว่าได้จังหวะพอดีจึงรีบแทรกเข้ามาทันที “ใช่แล้วละครับ หลินอวี่ของเราน่ะ ลูกคนนี้ช่างเป็นคนซื่อตรงแล้วก็รักนวลสงวนตัวอย่างที่สุด เพราะอย่างนี้ตอนที่ออกไปเอนเตอร์เทนลูกค้า เธอก็เลยไปล่วงเกินบางคนเข้า เพราะหมอนั่นอยากลวนลามแต่เธอปฏิเสธ ก็เลยกลายเป็นเรื่องขึ้นมานี่แหละครับ…”
หลินโหย่วไฉโอ้อวดคุณสมบัติของหลินอวี่ก่อนที่จะเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
กู้จิ้งเจ๋อตอบกลับมาว่า “ฉันจะให้คนจัดการเรื่องนี้ให้”
“อา รู้อยู่แล้วว่าท่านประธานกู้เป็นคนดี หลินอวี่รีบขอบคุณท่านซะสิ”
หลิวอวี่พูดอายๆ ว่า “ท่านประธานกู้ ฉันไม่รู้ว่าจะขอบคุณยังไงค่ะ…”
กู้จิ้งเจ๋อใช้มือข้างหนึ่งจับมือหลินเช่อเอาไว้และยิ้มให้เธอ ความรู้สึกที่ส่งผ่านสายตาออกมานั้นบ่งบอกว่าหลินเช่อคือสมบัติล้ำค่าที่สุดที่อยู่ในหัวใจเขา เมื่อหลินอวี่ได้เห็น เธอก็แทบจะเรียกได้ว่าหัวใจสลายทีเดียว
การที่คนอย่างหลินเช่อเป็นที่ชื่นชมของผู้ชายอย่างกู้จิ้งเจ๋อเช่นนี้ เป็นเรื่องที่หลินอวี่ไม่มีวันยอมรับได้ ต่อให้เธอต้องตายก็เถอะ
กู้จิ้งเจ๋อตอบอย่างสุภาพว่า “ไม่จำเป็นหรอก ขอบคุณน้องสาวของเธอเถอะ”
ความหมายของชายหนุ่มก็คือ เขายินยอมช่วยคนทั้งสองก็เพราะเห็นแก่หลินเช่อเท่านั้นเอง
หัวใจของหลินอวี่หล่นวูบ ความหดหู่หม่นหมองแล่นเข้าเกาะกุม
การต้องมาขอบคุณนังเด็กผู้หญิงที่เธอไม่เคยคิดว่าเป็นน้องแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่เธอไม่มีวันเต็มใจทำ
กู้จิ้งเจ๋อพูดต่อไปอีกว่า “ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้วละนะ”
หลินโหย่วไฉรีบตอบว่า “ใช่ครับๆ ด้วยความช่วยเหลือของท่านประธานกู้แบบนี้ เราคงไม่ต้องกังวลใจอะไรกันอีกแล้ว ว่าแต่ท่านประธานกู้ ให้เราได้มีโอกาสเลี้ยงอาหารสักมื้อเป็นยังไงครับ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ไม่ต้องหรอก”
“ไม่ได้หรอกนะครับ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แค่กินข้าวกันธรรมดาเท่านั้น”
กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า “ห้องครัวที่นี่มีทุกอย่าง พวกคุณสองคนอยู่กินข้าวซะที่นี่แทนจะดีกว่านะ”
เมื่อหลินโหย่วไฉได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งยินดีกว่าเดิม
แน่ล่ะว่าการได้อยู่ที่นี่และร่วมโต๊ะอาหารย่อมเป็นการดีกว่า
“ท่านประธานกู้ใจดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เกรงใจละนะครับ”
หลินเช่อมองหน้ากู้จิ้งเจ๋อแล้วดึงแขนชายหนุ่มพลางบอกว่า “เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะค่ะ ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ…”
กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้าและปล่อยให้สาวใช้รับหน้าที่ดูแลแขก ในขณะที่ตัวเขาเข้าไปที่ห้องด้านในกับหลินเช่อ
หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างคาดคั้น “ทำไมคุณถึงเชิญให้สองคนนั่นอยู่กินข้าวล่ะคะ”
“ก็พวกเขาอุตส่าห์มาถึงที่นี่ ถ้าฉันไม่เชิญกินข้าวก็จะเป็นการหยาบคายเกินไปน่ะสิ”
หลินเช่อว่า “คุณไม่ต้องทำตัวดีกับสองคนนั่นหรอกค่ะ ฉันบอกได้นะว่าถ้าคุณให้คืบ พวกเขาจะเอาคืนเป็นวาเลยเชียวละ ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าฉันรู้จักพ่อตัวเองดีน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเขาจะได้อะไรจากเรื่องแค่นี้กัน” กู้จิ้งเจ๋อพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หลินเช่อถามด้วยความสงสัยอีกว่า “ว่าแต่ทำไมคุณถึงกลับมาบ้านล่ะคะเนี่ย”
เขามองหน้าเธอ “ก็ถ้าฉันไม่กลับมา พวกเขาจะเลิกก่อกวนเธอมั้ยล่ะ”
“อา…” เธอยิ้มให้เขาอย่างนึกขอบคุณเมื่อได้รู้ว่าเขาอุตส่าห์กลับมาเพื่อช่วยเธอ “แต่ไม่ต้องให้พวกเขาอยู่กินข้าวหรอกค่ะ นี่ฉันพูดจริงๆ นะ…”
หลินเช่อเองก็แอบเห็นสายตาของหลินอวี่ที่มองดูกู้จิ้งเจ๋อ พี่สาวของเธอจ้องเขาตาเป็นมันเลยทีเดียวละ
“ใครจะรู้ว่าสองคนนั้นอาจจะเกิดความคิดอุตริอะไรขึ้นมาอีกบ้าง”
กู้จิ้งเจ๋อดึงเธอเข้าไปหาและบอกว่า “ก็เพราะอย่างนี้ไงล่ะ ฉันถึงจะให้โอกาสพวกเขาได้นำเสนอไอเดียพิลึกที่ว่านั่นน่ะ!”
หลินเช่อยิ้มให้เขา
กู้จิ้งเจ๋อคิดเอาไว้ทั้งหมดแล้วนี่นะ
และเธอก็เชื่อใจที่จะให้เขาเป็นคนจัดการกับปัญหาทั้งหลายเหล่านั้น
ในขณะเดียวกัน สองคนที่กำลังถูกพูดถึงก็มีความคิดอุตริจริงๆ เสียด้วย
หลินอวี่มองดูสองหนุ่มสาวที่พากันเดินหายไปด้วยความหงุดหงิดและพูดขึ้นว่า “ถามจริงๆ เถอะว่า กู้จิ้งเจ๋อมองเห็นอะไรในตัวแม่หลินเช่อนั่นนะ”
หน้าอกของหลินเช่อก็ไม่ใหญ่เท่าเธอสักหน่อย
ถึงแม้ว่าของเธอจะเป็นหน้าอกที่ทำมาก็เถอะน่า
หลินโหย่วไฉรีบปราม “พอทีเถอะ พ่อน่ะอยากให้หลินเช่อช่วยแต่งงานเข้าตระกูลเฉิงแทนแกเมื่อคราวก่อน โชคดีที่หล่อนไม่ได้ยอมเข้าพิธี”
“พ่อยังจะกล้าพูดเรื่องนี้อีกหรือคะ พ่อทำหนูกลัวแทบตายตอนที่บอกให้หนูแต่งงานกับไอ้ปัญญาอ่อนนั่นน่ะ ให้ตายหนูก็ไม่มีทางยอมหรอก” หลินอวี่ต่อว่า
“นังนั่นน่ะควรจะแต่งกับตระกูลเฉิงไปซะ ที่ไม่แต่งก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องโชคดีตรงไหน ถ้าหลินเช่อแต่งกับบ้านนั้นละก็ หนูคงไม่ต้องมาทนเห็นหล่อนทำตัวยโสหัวสูงเป็นคุณนายใหญ่แบบนี้ เห็นแล้วไม่สบอารมณ์เอาซะเลย”
หลินโหย่วไฉกลับแย้งว่า “ลูกจะคิดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ ตอนนี้การที่หลินเช่อได้แต่งเข้าตระกูลใหญ่มันเลยกลายเป็นประโยชน์กับเรา”
“หนูไม่เห็นอยากได้ประโยชน์อะไรจากแม่นั่น ใครจะรู้ล่ะว่าหล่อนใช้เล่ห์เพทุบายอะไรบ้างถึงได้กลายเป็นคนโชคดีอย่างนี้ได้ ไม่อย่างนั้นใครกันเขาจะมาหลงรักคนอย่างมันคะ”
“อา หลินอวี่ ลูกต้องคิดใหม่นะ ตอนนี้หลินเช่อได้ดิบได้ดีแล้ว เพราะอย่างนี้ลูกถึงได้มีโอกาสมาพบกู้จิ้งเจ๋อที่คฤหาสน์ตระกูลกู้ได้อย่างนี้ ลูกจะต้องอาศัยโอกาสนี้…” สีหน้าของหลินโหย่วไฉพยายามบอกใบ้บางอย่างกับลูกสาว
หลินอวี่เข้าใจได้ในทันที
ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้เธอมีโอกาสได้เข้าถึงตัวกู้จิ้งเจ๋อแล้วนี่นะ
อีกอย่าง เขาทั้งหล่อเหลาและทรงเสน่ห์ออกขนาดนี้
เธอจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้
เมื่อได้เวลารับประทานอาหาร สาวใช้ก็จัดการจัดโต๊ะ นำเอาถ้วยชามงดงามมาวางเตรียมไว้บนโต๊ะอาหารตัวใหญ่ อาหารทุกจานล้วนดูโอชะยิ่งนัก หลินอวี่และหลินโหย่วไฉต่างรู้สึกทึ่งจัด นี่คือชีวิตของคนรวยๆ เขาสินะ
แล้วหลินเช่อกับกู้จิ้งเจ๋อก็เดินเข้ามา
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อจูงมือหลินเช่อมาถึงโต๊ะ เขาก็ช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้เธอก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง
“อาหารบ้านๆ ธรรมดาทั้งนั้น หวังว่าจะไม่ถือนะ” กู้จิ้งเจ๋อว่า
ถ้านี่เรียกว่าเป็นอาหารบ้านๆ สองพ่อลูกก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่า แล้วอาหารอย่างหรูของคฤหาสน์ตระกูลกู้จะเป็นอย่างไร
หลินโหย่วไฉรีบบอก “แค่นี้ก็ดีมากแล้วละครับ ดีมากแล้ว”
ระหว่างมื้ออหาร หลินโหย่วไฉพยายามมองหน้าหลินเช่อที่เอาแต่ทำเฉยเมยใส่ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น
ในที่สุดทุกคนก็รับประทานจนเสร็จ และไม่มีเหตุผลที่จะให้อ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ต่อ หลินโหย่วไฉจึงรีบหันไปบอกหลินเช่อว่า “หลินเช่อ พ่ออยากจะขอพูดอะไรด้วยตามลำพังหน่อยน่ะ”
หลินเช่อหันไปมองผู้เป็นบิดา
เธอวางช้อนลงและเดินตามเขาออกไป
หลินโหย่วไฉหันขวับมามองหน้าลูกสาว
ทางด้านหลินอวี่นั้นรีบนั่งตัวตรงแน่ว เธอทั้งกังวลและตื่นเต้นเมื่อมองไปยังกู้จิ้งเจ๋อที่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ
แต่เธอไม่ทันสังเกตเห็นแววเย็นชาในดวงตาของชายหนุ่ม
เมื่อออกมาด้านนอก หลินเช่อก็ถามว่า “พ่อคะ ปัญหาก็แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ยังจะมีอะไรต้องคุยกันอีกเหรอ”
หลินโหย่วไฉบอกว่า “ท่าทางกู้จิ้งเจ๋อนี่จะดีกับแกอยู่มากนี่นะ”
หลินเช่อตอบ “ใช่ค่ะ”
ผู้เป็นพ่อจึงพูดต่อไป “หลินเช่อ กว่าจะเลี้ยงแกมาจนโตได้ขนาดนี้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ลองคิดดูสิ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหลิน แกจะได้เป็นอย่างที่แกเป็นทุกวันนี้หรือเปล่า พอปีกกล้าขาแข็งแล้ว แกจะมาบินหนีไปดื้อๆ แล้วก็ลืมครอบครัวแบบนี้ไม่ได้นะ”
“พ่อคะ พ่อพยายามจะพูดอะไรกันแน่ ช่วยพูดมาตรงๆ เลยดีกว่า”