เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 150
หลินโหย่วไฉหัวเราะหึ “หลินเช่อ ความรู้สึกที่ผู้ชายมีน่ะมันเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกนะ ยิ่งเป็นความรู้สึกที่มีต่อผู้หญิงด้วยแล้ว บางครั้งพอเวลาผ่านไป เขาก็อาจเบื่อเอาได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ชายอย่างกู้จิ้งเจ๋อ นี่ไม่ได้พูดถึงแค่พวกแกสองคนหรอกนะ ฉันแค่เป็นห่วงว่าเขาจะเลิกชอบแกขึ้นมาวันไหนสักวัน และเมื่อถึงเวลานั้นเขาอาจจะทอดทิ้งแกไปไม่ไยดีเลย เพราะฉะนั้นให้พี่สาวแก…ได้ติดต่อเขาเอาไว้ด้วยจะดีกว่า เขาจะได้ช่วยคอยดูแลแทนแก…”
หลินโหย่วไฉทิ้งท้ายประโยคไว้อย่างคลุมเครือ กระนั้นเมื่อหลินเช่อได้ยินเขาว่า เธอก็เข้าใจได้ทันที
“พ่อคะ พ่อหมายความว่ายังไงน่ะ นี่พ่อยังจะอยากให้หลินอวี่ไป…ไป… นี่พ่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อเป็นคนยังไงกันแน่คะ!”
หลินโหย่วไฉเองก็นึกอายอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรหลินอวี่ก็เป็นลูกรัก พวกเขาไม่สามารถเชื่อใจหลินเช่อได้มากเท่าหลินอวี่ พวกเขาอยากมั่นใจว่าหลินอวี่จะมีอนาคตที่ดี
หลินเช่อหมุนตัว ทำท่าจะเดินหนีไป แต่หลินโหย่วไฉรีบร้องเรียกเอาไว้แล้วบอกว่า “นี่ หลินเช่อ ทำไมแกถึงได้ใจดำอย่างนี้นะ”
“หนูเนี่ยนะคะใจดำ”
“ก็ใช่น่ะสิ แกทนเห็นพี่สาวได้ดีไม่ได้หรือยังไง หรือแกอยากสบายคนเดียวจนไม่คิดถึงคนอื่นบ้างเลย”
หลินเช่อรู้สึกได้ว่าความเชื่อทั้งหมดที่เธอมีแทบจะถูกทุบทิ้งจนพังทลายไม่เหลือดีจากผู้เป็นพ่อแท้ๆ ของเธอนี่เอง
ในขณะเดียวกัน ที่ห้องอาหาร
เมื่อหลินอวี่แน่ใจแล้วว่าทั้งบิดาและหลินต่างเช่อเดินพ้นออกไปแล้ว
หญิงสาวก็หันไปทางกู้จิ้งเจ๋อด้วยสายตาที่ชัดเจนว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม
แม้เธอจะเพียงแค่มองเขาอยู่แบบนี้และไม่เคยที่จะได้รู้จักกับเขามาก่อนเลย แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่ใครจะไม่ตกหลุมรักบุรุษผู้นี้ได้
หลินอวี่พินิจดูเส้นขอบแข็งแรงของร่างกาย ทุกสัดส่วนล้วนบ่งชัดถึงความเป็นบุรุษเพศ ไม่มีความนุ่มนวลใดๆ เจือปนอย่างที่ผู้ชายส่วนใหญ่สมัยนี้มักจะมีกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดูดีเหลือเกิน มันทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะห้ามใจ
ดีเอ็นเอของตระกูลกู้นั้นดีเยี่ยมเสียจริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมครอบครัวนี้ถึงได้มีทั้งนักแสดงหนุ่มคนดังอย่างกู้จิ้ิ้งอวี่และประธานาธิบดีที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาเขย่าหัวใจไม่น้อย กระทั่งกู้จิ้งเจ๋อที่พยายามทำตัวโลว์โปรไฟล์มาตลอดเองก็หล่อเหลาไม่แพ้พี่น้องด้วยเช่นกัน
หลินอวี่ดึงคอเสื้อเชิ้ตของเธอให้ต่ำลงมาอีกหน่อยโดยเจตนาที่จะได้เผยให้เห็นเนินอกถนัดตามากขึ้น เธอหันไปมองกู้จิ้งเจ๋อแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านประธานกู้คะ บ้านของคุณใหญ่โตมากจริงๆ แล้วก็สวยมากด้วยค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงหวานเชื่อมของสตรีที่ร่วมโต๊ะด้วยกัน กู้จิ้งเจ๋อก็เงยหน้าขึ้นมองเธอโดยไม่กะพริบตา “จริงเหรอ”
หลินอวี่รีบบอก “ก็จริงน่ะสิคะ ฉันละอิจฉาหลินเช่อจริงๆ ค่ะที่ได้อยู่ที่นี่”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองดูหลินอวี่
หลินอวี่ยังพูดต่อไป “การรักษาความปลอดภัยของที่นี่ก็น่าประทับใจด้วยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ฉันพยายามจะเข้ามาที่นี่ พวกเขาก็ดึงเสื้อผ้าฉันจนขาดเลยละค่ะ”
ขณะที่พูด เธอก็ดึงเสื้อผ้าส่วนที่มีร่องรอยเสียหายเล็กน้อยให้ดูและถือโอกาสนี้ขยับคอเสื้อให้ต่ำลงอีกหน่อย
ทว่าแม้กู้จิ้งเจ๋อจะมองมาทางเธอ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มองมาที่เธอแต่อย่างใด
หลินอวี่ครุ่นคิดอย่างไม่มั่นใจ ตกลงนี่เขาเห็นหน้าอกเธอมั้ยนะ
รูปร่างของเธอนั้นจัดได้ว่าดีเยี่ยม กรรมพันธุ์ของตระกูลหลินเองก็ใช่ว่าจะแย่ เห็นได้ชัดจากหลินเช่อที่โตขึ้นมากลายเป็นสาวสวยได้ขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้หลินอวี่จึงเต็มไปด้วยความมั่นใจในรูปโฉมและเรือนร่างของตัวเอง
กู้จิ้งเจ๋อวางถ้วยในมือลงและมองมาอย่างไม่ใคร่เอาใจใส่นัก
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ถึงกับเย็นชาแต่ก็ไม่ได้อบอุ่นอะไรว่า “มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาน่ะ พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่สร้างความพอใจให้ใคร หวังว่าเธอคงจะเข้าใจเรื่องนี้”
หลินอวี่หน้าเสีย
เธอคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อเป็นคนไม่ค่อยโรแมนติกเอาเสียเลย
หลินอวี่คิดว่าเธออาจจะรุกไม่มากพอ เวลาที่ผู้หญิงต้องการไล่ตามไขว่คว้าผู้ชายสักคน มันก็มีเพียงม่านบางๆ มาขวางเอาไว้เท่านั้น ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะสามารถต้านทานความเย้ายวนใจของเรือนร่างผู้หญิงได้หรอก
เมื่อหลินอวี่คิดได้ดังนั้น เธอก็ลุกขึ้นและเดินตรงเข้าไปหาในขณะที่จ้องมองกู้จิ้งเจ๋อไปด้วย “ท่านประธานกู้คะ ฉันไม่เข้าใจค่ะ ท่านประธานควรจะต้องชดใช้เรื่องเสื้อผ้าที่เสียหายให้กับฉันนะคะ…ฉัน…”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้เห็นดวงตาที่หรี่มองมาของเขา ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าถึงตัวชายหนุ่ม จู่ๆ ก็มีผู้ชายหลายคนโผล่พรวดเข้ามาล้อมตัวเธอไว้และผลักเธอให้ล้มลงกับพื้น
น้ำเสียงอ่อนหวานของหลินอวี่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง ใบหน้างามของเธอถูกกดแนบพื้น ตัวเธอเองก็ถูกตรึงเอาไว้จนไม่อาจขยับได้ จนเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่นั่นแหละ หญิงสาวจึงได้คิดว่าสภาพเธอในตอนนี้คงจะดูน่าเกลียดน่าชังอย่างที่สุด หลินอวี่อับอายและภาวนาว่าเธอไม่ควรจะมาที่นี่เลย
“ปล่อยนะ…พวกแกเป็นใครน่ะ แก…ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้”
หญิงสาวดิ้นรนพยายามที่จะลุกขึ้น แต่คนพวกนั้นไม่รู้เลยสักนิดว่าควรจะปฏิบัติกับผู้หญิงด้วยความนุ่มนวลอย่างไร พวกเขากดเธอติดพื้นเอาไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
จังหวะนั้นเองที่หลินเช่อและหลินโหย่วไฉรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความเร่งร้อน
หลินโหย่วไฉหน้าถอดสีทันทีที่ได้เห็นลูกสาวในสภาพนั้น
ทำไมหลินอวี่ถึงไม่ได้ดังใจเอาเสียเลยนะ ทำไมเธอถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้…
เขารีบหันไปถามอย่างร้อนใจ “ท่านประธานกู้ครับ ท่านประธานกู้ ได้โปรดเมตตาด้วย ทำไมหลินอวี่ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะครับ”
หลินเช่อปรายตามองเป็นแวบเดียวก็เข้าใจได้ หญิงสาวจึงได้แต่เพียงมองอย่างไม่ใส่ใจและเดินไปยืนเคียงข้างชายหนุ่ม
กู้จิ้งเจ๋อมองดูสองพ่อลูกอย่างใจเย็น ก่อนจะยกมือขึ้นและสั่งว่า “นี่พวกแกทำอะไรกันน่ะ ปล่อยสิ เร็วเข้า”
เพียงเท่านั้น บรรดาบอดี้การ์ดก็ปล่อยตัวหลินอวี่ที่กำลังหมดสภาพในทันที
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มน้อยๆ แม้ปากจะบอกว่าขอโทษ แต่จากสุ้มเสียงที่ได้ยินกลับไม่ได้มีความรู้สึกนั้นเจือปนอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ต้องขอโทษด้วย บอดี้การ์ดพวกนี้ค่อนข้างจะอ่อนไหวนิดหน่อยน่ะ นอกจากคนที่พวกเขาคุ้นหน้าแล้ว พวกเขามักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีคนแปลกหน้าพยายามจะเข้าใกล้ฉัน นี่ก็ตำหนิกันไปหลายครั้งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยอะไรเลย”
ใบหน้าของหลินโหย่วไฉบ่งบอกถึงความอับอายเมื่อเข้าไปช่วยพยุงหลินอวี่ให้ลุกขึ้น
ทางด้านหลินอวี่เองก็ได้แต่คิดว่าเธอไม่ควรมาที่นี่เลย หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองใคร จึงได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความเจ็บช้ำอยู่อย่างนั้น
หลินโหย่วไฉไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีนอกจาก “ต้องปลอดภัยไว้ก่อนนั่นแหละครับ ปลอดภัยไว้ก่อน เป็นเรื่องที่ดีแล้ว”
หลินโหย่วไฉพยุงหลินอวี่ให้ลุกขึ้น พลางมองดูหลินเช่อ ตอนนี้เขาไม่อาจจะพูดอะไรได้ถนัดปากนัก จึงทำได้แต่เพียงแช่งชักบุตรสาวคนเล็กอยู่ในใจ
นังแพศยานี่ชักจะจองหองพองขนมากขึ้นทุกวันแล้วนะ
หลินเช่อทรยศพวกเขาจริงๆ แล้วหล่อนก็ดูไม่แคร์ด้วยว่าพวกเขาจะเป็นยังไงต่อไป
หลินโหย่วไฉได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันแล้วล่ะ เราไม่รบกวนท่านประธานกู้ต่อแล้วละครับ ขอตัวกลับก่อนล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มแล้วตอบว่า “ตกลง หลินเช่อกับฉันก็มีเรื่องอื่นต้องทำ เราคงไม่ขอให้คุณอยู่ต่อด้วยเหมือนกันนั่นแหละ”
หลินโหย่วไฉตวัดสายตามองหลินเช่ออย่างชิงชังก่อนจะหมุนตัวและกลับออกไป
เมื่อออกมาถึงด้านนอกตัวบ้าน หลินอวี่ก็สลัดมือบิดาทิ้ง
“ให้ตายสิ นี่มันความผิดพ่อชัดๆ เลยที่ให้หนูถ่อมาถึงที่นี่ แล้วดูสิ ดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
หลินโหย่วไฉเองก็นึกขัดใจที่ลูกสาวไม่ได้ดั่งใจตามที่มาดหมายไว้เสียเลย “พอที เป็นเพราะแกเองนั่นแหละทีไม่รู้จักคว้าโอกาสไว้ให้ดี ว่าแต่แกพอจะมองเห็นแววอะไรบ้างมั้ย ไอ้ผู้ชายนั่นมันสนใจในตัวแกบ้างหรือเปล่า ต่อให้ไม่ได้ใกล้ชิดอะไรกันแต่แกก็น่าจะพอบอกได้นี่”
“นี่พ่อยังจะพูดเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ หนูว่าเขาไม่มีปัญญาทำอะไรหรอก เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองดูด้วยซ้ำ เฮอะ”
“แกก็พูดเป็นเด็กๆ ไปได้ จะเป็นไปได้ยังไงที่ว่าเขาทำไม่ได้น่ะ ก็เขากับหลินเช่อ…”
“หลินเช่อ…หลินเช่อ นี่หนูด้อยกว่านังนั่นได้ยังไงกันคะ นายกู้จิ้งเจ๋อนี่จะต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ไม่อย่างงั้นทำไมเขาถึงอยากได้มันแทนที่จะเป็นหนูล่ะ!”
หญิงสาวหันกลับไปดูคฤหาสน์อันโอฬารแห่งนั้น เมื่อนึกถึงหลินเช่อที่ได้อาศัยอยู่ที่นั่น เธอก็ไม่อาจหักห้ามโทสะเอาไว้ได้อีกต่อไป
แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อกู้จิ้งเจ๋อไม่แม้แต่จะเหลียวแลเธอเลยสักนิด
ในบ้าน
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นบิดากลับไปแล้ว หลินเช่อก็พูดขึ้นอย่างหัวเสียว่า “สองคนนั่นไร้ยางอายสิ้นดี”
กู้จิ้งเจ๋อปลอบ “เอาน่า พวกเขากลับไปแล้ว เธอก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
หลินเช่อนึกอายที่ทำให้เขาต้องมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้
“ฉันขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้”
“ต่อไปเธอควรจะบอกฉันล่วงหน้านะ” กู้จิ้งเจ๋อแตะปลายจมูกเธอเบาๆ “ดูจากความฉลาดของเธอแล้วไม่มีทางหรอกที่จัดการกับเรื่องแบบนี้ได้น่ะ ให้ฉันเป็นคนรับมือเองจะดีกว่า”