เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 152
ด้วยความแปลกใจ หลินเช่อนึกในใจ หรือว่าเขาจะรู้แล้วว่าเธอแอบชอบเขามาตลอดนะ
“ทะ…ทำไมอยู่ๆ ถึงมาถามอะไรแบบนี้ล่ะจ๊ะ”
ฉินชิงตอบ “ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่คิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนในอดีตมันน่าจะสนิทสนมใกล้ชิดกันมากน่ะ เพราะว่าเราเองก็อยู่ด้วยกันทุกวัน แค่ทำไมเธอถึงไม่เคยชอบฉันบ้างเลย”
หลินเช่อมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่ายและนึกถึงความใกล้ชิดที่เธอและเขามีต่อกันตลอดมา ในฐานะเพื่อน ในฐานะนักเรียนในชั้นเดียวกัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอและเขาก็ไม่ได้ลงเอยกันอยู่ดีนั่นเอง
เพราะเขาไปรักกับหลินลี่
“ถ้าเธอให้โอกาสฉันย้อนเวลากลับไป บางทีฉันอาจจะสารภาพกับเธอก็ได้” หลินเช่อยิ้มให้
แต่โชคร้ายที่สถานะของเธอในช่วงเวลานั้นทั้งต่ำต้อยและปราศจากความมั่นคงใดๆ ทำให้ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอก็ไม่กล้าพอที่จะเปิดเผยความรู้สึกในใจตัวเองให้ฉินชิงได้รู้อยู่นั่นเอง
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายสดใสขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
หลินเช่ออดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ดูสิ ฉันทำเอาเธอกลัวไปเลยใช่มั้ยล่ะ ล้อเล่นนะจ๊ะ ฉันแค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนักน่ะ และถึงยังไงซะ ตอนนี้ทุกอย่างระหว่างเราก็เป็นไปด้วยดีไม่ใช่เหรอ เธอเองก็ได้คบกับหลินลี่ และตอนนี้เราก็เปลี่ยนจากเพื่อนร่วมชั้นมาเป็นญาติกันแล้วไงล่ะ”
ฉินชิงนึกผิดหวังขึ้นมาทันที เขามองดูหลินเช่อ หรือว่าเธอจะไม่เคยนึกชอบเขาเลยจริงๆ
หลินเช่อกำลังใช้นิ้วเล่นผม ส่งยิ้มให้เขา และหลุบตาลงต่ำ
ท่าทีนั้นของเธอทำให้หัวใจฉินชิงอดหวั่นไหวไม่ได้
หญิงสาวโบกมือให้เขา “งั้นฉันไปก่อนนะจ๊ะ มีเรื่องที่ต้องรีบไปทำน่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า ขณะมองเธอเดินจากไป ฉินชิงก็นึกภาพเธอขณะอยู่เคียงข้างกู้จิ้งเจ๋อ แล้วหัวใจเขาก็อดขุ่นมัวไม่ได้กับความคิดนั้น
แต่แล้วความคิดที่เขาไม่คาดฝันมาก่อนก็เริ่มผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง เขาจะขโมยหลินเช่อมาจากกู้จิ้งเจ๋อให้ได้
แต่เขาจะชิงหลินเช่อมาจากผู้ชายที่ทรงอำนาจขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะ
ทำไมถึงต้องเป็นกู้จิ้งเจ๋อด้วยนะ เขาคิดในใจ ถ้าเป็นคนอื่น ต่อให้เป็นใครก็ตามแต่ เขาก็คงทำได้โดยไม่ยากเย็น แต่เมื่อเป็นกู้จิ้งเจ๋อผู้ไม่มีใครเทียบได้ทั้งอำนาจและความมั่งคั่งเช่นนี้แล้ว
ในจังหวะนั้นเอง ฉินชิงมองเห็นบางอย่างกำลังร่วงหล่นลงมาจากด้านบน เจ้าสิ่งนั้นกำลังตรงดิ่งลงมาด้านล่างด้วยความเร็วสูง และคนที่อยู่ข้างล่างนั้นก็คือหลินเช่อนั่นเอง เธอกำลังยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า และมองออกไปข้างหน้า โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น…
“หลินเช่อ หลบไป!”
หญิงสาวยังคงกวาดสายตามองหา แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของกู้จิ้งเจ๋อ แล้วเธอก็ได้ยินฉินชิงตะโกนอย่างสุดเสียงจากทางด้านหลัง ทำให้เธอต้องรีบหันไปมอง แล้วเธอก็ได้เห็นร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเธออย่างเร่งร้อน ก่อนที่หลินเช่อจะทันได้ขยับตัว ร่างของฉินชิงก็โถมเข้าใส่เธออย่างเต็มรัก ส่งให้ร่างของทั้งสองลงไปกองอยู่กับพื้น
หลินเช่อตกตะลึง กว่าจะรู้ตัว ร่างของฉินชิงก็หล่นลงมากองทับร่างเธอเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ท่ามกลางความตระหนกนั้นเอง หลินเช่อมองเห็นโคมไฟแก้วขนาดมหึมาหล่นลงมาจากด้านบน กระแทกลงสู่พื้นเบื้องล่างและร่างกายของฉินชิงโดยแรง
“ช่วยด้วยค่ะ…ช่วยเขาด้วย…”
หลินเช่อไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เธอรีบประคองร่างฉินชิงที่นอนพังพาบอยู่กับพื้นและร้องตะโกนด้วยเสียงดังลั่น
อีกด้านหนึ่ง
กู้จิ้งเจ๋อที่ยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าได้พักใหญ่แต่ก็ไม่ยักเห็นหลินเช่อเดินออกมา
ยัยนั่นหายไปไหนอีกแล้วนะ
เขายกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเธอ แต่ก็พบว่าหญิงสาวปิดเครื่องเสียนี่
ยัยผู้หญิงเจ้าปัญหาคนนี้ คราวนี้ไปก่อเรื่องอะไรเข้าอีกล่ะเนี่ย
ในขณะเดียวกัน…
ณ โรงพยาบาล หลินเช่อเต็มไปด้วยความห่วงพะวงเมื่อมองดูร่างของฉินชิงที่ถูกใส่เปลหามเข้ามา
ขณะที่ร่างของชายหนุ่มนอนคว่ำอยู่นั้น นายแพทย์ก็พยายามที่จะดึงเศษแก้วออกจากร่างของเขาทีละชิ้น ทีละชิ้น
เลือดสดๆ ไหลเปื้อนไปทั่วแผ่นหลัง เป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งเมื่อหลินเช่อได้เห็น
เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้รับสาย มือของฉินชิงก็คว้ามือเธอเอาไว้แน่น
หญิงสาวไม่มีทางเลือก เมื่อเสียงโทรศัพท์ยังดังขึ้นไม่ขาดสาย หลินเช่อจึงจัดการปิดเครื่องซะ
ภาพของฉินชิงที่ได้เห็นในตอนนี้ทำให้หัวใจเธอยิ่งปั่นป่วนวุ่นวายเสียยิ่งกว่าเรื่องที่พูดคุยกันก่อนหน้า เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะตัดสินใจช่วยเธอไว้จากเหตุการณ์หายนะครั้งนี้ ในใจหลินเช่อทั้งเศร้าและรู้สึกผิดไปพร้อมกัน เขาทำแบบนี้ทำไมนะ ดูเอาเถอะว่ามันเจ็บมากแค่ไหน
รถของกู้จิ้งเจ๋อจอดอยู่ด้านนอกห้างสรรพสินค้า บอดี้การ์ดของเขาเดินเข้าไปและรายงานว่า “คุณผู้หญิงไม่ได้ออกไปกับใครหลังจากงานเลิกแล้วครับ เธอเดินมาที่ประตูทางเข้าเพื่อจะมารอท่าน จากที่ได้ยิน คุณผู้หญิงเดินมาพร้อมกับคุณชายรองของตระกูลฉินครับ”
คุณชายรองของตระกูลฉิน…
ฉินชิงน่ะรึ
สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงในทันที บอดี้การ์ดของเขานึกเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจนักว่า “ท่านครับ ถ้าเป็นแบบนี้…”
“เราจะกลับกัน”
กู้จิ้งเจ๋อบุ้ยปากและส่งสัญญาณให้หมุนกระจกรถขึ้น
กระจกหน้าต่างรถค่อยๆ เลื่อนขึ้นอย่างช้าๆ
พนักงานขับรถพูดขึ้นว่า “ท่านครับ เราต้องใช้ถนนเส้นหลังแทน เพราะถนนด้านหน้าถูกปิดเนื่องจากมีอะไรบางอย่างหล่นลงมาจากด้านบนและโดนคนจนได้รับบาดเจ็บเข้าน่ะครับ”
“หือ”
ไม่ว่าจะใช้ถนนเส้นไหน ตอนนี้เขาแค่อยากจะกลับบ้านเท่านั้น
ที่โรงพยาบาล
หลินเช่อยังคงนึกถึงสายเรียกเข้าของกู้จิ้งเจ๋อก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความกังวลใจนั้นเอง หญิงสาวไม่รู้ว่าจะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟังว่าอย่างไร ด้วยเหตุนี้เธอจึงเลือกที่จะยังไม่รับสาย จนกระทั่งได้เห็นว่าฉินชิงอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว ตอนนี้เขายังคงนอนคว่ำ แต่ได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ได้รับยา และให้น้ำเกลือเป็นที่เรียบร้อยจนกระทั่งอาการทรงตัวดีแล้ว หญิงสาวจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ต่อสาย ฉินชิงก็ส่งเสียงร้องเรียกออกมาว่า “หลินเช่อ หลินเช่อล่ะ”
หญิงสาวรีบวางโทรศัพท์และเดินเข้าไปหาทันที
“ฉินชิง เกิดอะไรขึ้นน่ะ เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ฉินชิงรีบคว้ามือเธอไว้ หลินเช่อไม่ทันได้คิดอะไร เพราะตอนที่ให้ยาเขาก่อนหน้านี้ ฉินชิงก็ทำแบบนี้เช่นกัน เขาจับมือเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย อาจจะเป็นเพราะอาการบาดเจ็บทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีที่ได้มีคนที่คุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ ก็เป็นได้
เขามองหน้าเธอ “อย่าไปนะ”
“ตกลงจ้ะ ตกลง ฉันไม่ไปไหนหรอก ฉินชิง เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านเธอเบอร์อะไรล่ะ ฉันควรจะโทรบอกพวกเขาเสียหน่อย อาการของเธอตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก อาจจะเสี่ยงกับการติดเชื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้เราอยู่ในโรงพยาบาลของเมือง ซึ่งก็ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด เธออยากจะโทรหาที่บ้านเพื่อถามพวกเขาว่าจะให้ทำยังไงกันต่อไปรึเปล่าจ๊ะ”
“ไม่ ฉันแค่ต้องการอยู่กับเธอ”
“…” หลินเช่อถามออกไปอย่างพาซื่อ “แต่ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้วไงล่ะ”
“ไม่ใช่ หลินเช่อ…ฉันแค่อยาก ฉันแค่อยากอยู่กับเธอสองคน”
“…” หัวใจของหลินเช่อชะงักงัน เธอก้มลงมองเขา “ฉินชิง นี่เธอ…”
ชายหนุ่มกุมมือเธอเอาไว้ในมือเขาแนบแน่น “หลินเช่อ ฉันเพิ่งมีความกล้าขึ้นมาเมื่อครู่เดียวก่อนหน้านี้นี่เอง ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันสามารถทำทุกอย่างเพื่อเธอได้ เธอว่าแบบนี้มันแปลกหรือเปล่า…”
หลินเช่อนึกตกใจ “นี่เธอกำลังพูดอะไรเนี่ย…”
ฉินชิงยังคงว่าต่อไป “ฉันรู้ว่ามันคงไม่ดีที่จะมาพูดกันตอนนี้ แต่หลินเช่อ อยู่ๆ ฉันก็นึกเสียใจขึ้นมาน่ะ บางทีที่ผ่านมาฉันน่าจะดีกับเธอให้มากกว่านี้ ไม่อย่างงั้นเธอคงไม่ต้อง…ไม่ต้องไปอยู่กับกู้จิ้งเจ๋อ”
ในใจหลินเช่อเต็มไปด้วยความสับสนขึ้นมาทันทีและรีบปล่อยมือจากเขา
ฉินชิงผงะและมองดูหญิงสาวตรงหน้า “เธอ…”
หลินเช่อรู้ดีว่าเธอแอบรักเขามานาน นานมากเหลือเกิน
แต่การที่อยู่ๆ เขากลับมาสารภาพรักกับเธอแบบนี้ มันกลับทำให้เธอช็อกสนิท และด้วยความประหลาดใจของเธอ หลินเช่อกลับพบว่ามันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเป็นสุขกับการได้รักเขาอีกแล้ว
วัยเยาว์ที่ผ่านพ้นมาคือเครื่องแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ผ่านพ้นเลยไป และทำให้เราได้รู้ว่ามันสายเกินไปเสียแล้วที่จะทำอะไรในตอนนี้
และสิ่งที่หลงเหลือเอาไว้ก็คือความตื่นตระหนก ไม่มีความประหลาดใจอันน่ายินดีใดๆ แม้แต่น้อย “ฉินชิง เธอมีหลินลี่แล้วนะ เธอเป็นคู่หมั้นของพี่สาวฉัน เป็นพี่เขยของฉัน”
หัวใจของชายหนุ่มเจ็บร้าว ในช่วงเวลาแห่งความรวดร้าวอันเย็นยะเยือกนั้น เขามองหน้าหลินเช่อ “ฉันคิดว่าอย่างน้อยที่ผ่านมาเธอก็เคยชอบฉันบ้าง นี่เธอไม่เคยนึกชอบฉันบ้างเลยสักนิดงั้นเหรอ”
ในเมื่อเธอได้ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปแล้วเมื่อครู่ ก็น่าจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่หันหลังกลับไปอีกครั้ง
หลินเช่อจึงส่ายหน้าและตอบว่า “ไม่เลย”
ฉินชิงหน้าเสีย แต่เมื่อนึกถึงกู้จิ้งเจ๋อแล้ว ในใจของเขาก็พอจะเข้าใจได้ ว่าคงไม่มีทางใดที่เขาจะเทียบชายผู้นั้นได้ติดเลย