เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 158
“อาการไข้ของคุณถูกกระตุ้นจากอาการปอดบวม เมื่อวานคุณแค่มีไข้นิดหน่อยเท่านั้น แล้วทำไมพอตกกลางคืนถึงได้ไข้ขึ้นสูงแบบนั้นได้ล่ะ ผมมั่นใจว่าจ่ายยาให้ในจำนวนที่พอเหมาะแน่ๆ เพราะฉะนั้นมันไม่น่าจะมีปฏิกิริยาข้างเคียงมากขนาดนี้ได้”
หลินเช่อพลันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขึ้นมาทันที หญิงสาวเงยหน้า เหลือบมองไปทางกู้จิ้งเจ๋อ แล้วใบหน้าเธอก็เริ่มแดงเรื่อ
ทางด้านกู้จิ้งเจ๋อเองก็มีอาการเดียวกัน เขาเหลียวมองหลินเช่อที่นั่งอยู่ข้างตัว
อากัปกิริยาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเฉินอวี่เฉิงไปได้
นายแพทย์มองดูคนทั้งคู่สลับกันไปมาและฉีกยิ้มกว้าง “ผมก็ไม่ได้อยากจะตำหนิหรอกนะครับ ท่านประธานกู้ แต่ตอนนี้ร่างกายของคุณไม่สู้แข็งแรงเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นผมขอว่าอย่าออกแรงมากเกินไป เรื่องบางอย่างก็เอาไว้ทำตอนอื่นก็ได้”
“…”
กู้จิ้งเจ๋อถามเสียงเขียวว่า “นายพูดว่าไงนะ”
ทว่าเมื่อใบหน้าที่มักจะเย็นชาและปราศจากอารมณ์อยู่เป็นนิจของกู้จิ้งเจ๋อหันไปมองใบหน้าแดงก่ำของหลินเช่อที่อยู่ข้างๆ ที่แดงลงไปยันต้นคอ ความดุดันทั้งปวงที่เคยมีก็พลันมลายหายไปจนหมด
เฉินอวี่เฉิงหันไปมองหลินเช่อก่อนกระแอมออกมาเบาๆ “เอาละ งั้นผมจะให้น้ำเกลือเอาไว้ก็แล้วกัน อาการคงไม่หนักหนาไปกว่านี้แล้วละ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมก็อยู่ที่นี่ตลอดเวลานั่นแหละ”
เฉินอวี่เฉิงจัดแจงเก็บเครื่องมือลงกล่อง ขณะที่กำลังจะเดินออกไป นายแพทย์ก็หันกลับมาพูดว่า
“อ้อ จริงสิ ผมยังไม่แนะนำให้มีกิจกรรมทางร่างกายช่วงนี้นะ โดยเฉพาะไอ้ประเภทที่ต้องออกแรงหนักๆ จนทำให้ต้องเสียทั้งเวลาแล้วก็พลังงานน่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อคว้าหนังสือแล้วขว้างผลุงเข้าใส่คนพูด
แต่ก่อนที่หนังสือจะไปถึงตัว คนเป็นหมอก็รีบเหวี่ยงประตูเปิดแล้วเผ่นลิ่วไปก่อนเสียแล้ว
ใบหน้าของหลินเช่อยังคงแดงจัด เธอยืนดึงทึ้งเสื้อผ้าที่สวมอยู่จนตะเข็บผ้าเริ่มลุ่ยออกมา แต่เจ้าตัวก็ยังไม่สังเกตเห็น
กู้จิ้งเจ๋อนิ่งเงียบขณะที่หันไปมองเธอ
หน้าของหลินเช่อแดงจัดและดวงตาก็เหลียวมองว่อกแว่กไปทั่วทุกทิศเพื่อหลบสายตาเขา
ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ไปนอนเสียก่อนสิ”
หลินเช่อเงยหน้า “ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่เป็นไร ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย”
“ฉันบอกให้ไปนอนก็ไปสิ” เขาสั่ง
แต่อีกฝ่ายยังเถียง “ก็บอกว่าไม่จำเป็นไงละคะ ฉันควรจะอยู่ดูแลคุณที่นี่มากกว่า เพราะถึงยังไงคุณก็ยังเป็นคนป่วยอยู่นะคะ”
“ฉันไม่ได้ป่วยถึงขนาดขยับตัวทำอะไรไม่ได้สักหน่อย”
“แต่…”
“หลินเช่อ!”
“เมื่อคืนคุณถึงขั้นเป็นลมหมดสติด้วยซ้ำ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นนั่นแหละค่ะ” หากเธอยืนกรานจะเล่นบทคนหัวรั้นขึ้นมาละก็ หลินเช่อก็รั้นได้แบบสุดๆ
เธอไม่ยอมฟังใครทั้งนั้น
“นี่เธอ…” กู้จิ้งเจ๋อเหลือบมองร่องรอยบนเนื้อตัวอีกฝ่ายแล้วก็ก้มหน้าลง เขารู้สึกว่า บางอย่างไม่ควรจะหลีกเลี่ยง และก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“เอ่อ เมื่อคืนนี้…” ชายหนุ่มไม่เคยต้องรับมือกับเรื่องแบบนี้มาก่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อาจเป็นเพราะเขากำลังป่วยจนจิตใจไม่เข้มแข็ง และสุดท้ายก็ไม่สามารถหักห้ามตัวเองเหมือนปกติ ด้วยสาเหตุดังกล่าวเรื่องราวจึงออกมาเป็นเช่นนี้
กู้จิ้งเจ๋อตั้งใจจะบอกว่า เขาไม่อาจทำเหมือนกับว่าเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นได้
แต่แล้วเขากลับได้ยินหลินเช่อพูดขึ้นด้วยความร้อนรนเสียก่อนว่า “อ๊ะ ฉันเข้าใจค่ะ คุณไม่ได้ตั้งใจ ฉันรู้ คุณคงจะไข้สูงมากจนไม่รู้สึกตัว คุณก็เลยไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปจนเลยเถิดกลายเป็นแบบนั้น ฉันไม่ใส่ใจหรอกค่ะ”
“…” สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อเปลี่ยนไปทันที สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอ
หลินเช่อพูดต่อไปว่า “ยังไงเราก็โตๆ กันแล้วนี่คะ เวลามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันก็แค่เกิดขึ้น เราต้องคิดอย่างเหตุเป็นผล เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลใจไปหรอกค่ะ ฉันไม่ถือ ตอนนี้อาการป่วยของคุณสำคัญที่สุด เอาไว้รอให้คุณหายดีก่อนเราค่อยมีพูดถึงเรื่องนี้กันอีกทีดีกว่านะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าอีกฝ่ายเขม็งจนทำให้หลินเช่อเริ่มรู้สึกสับสน
“ทำไมคะ มีอะไรอยู่บนหน้าฉันหรือคะ”
“เปล่าหรอก ฉันแค่พยายามจะคิดให้ออกว่าในสมองเธอนี่มันเป็นยังไงกันแน่น่ะ”
ทำไมหลินเช่อถึงได้มีความคิดอะไรประหลาดอย่างนี้ ทั้งที่ภายนอกเธอก็ดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปนี่เอง
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะศีรษะ “อะไรนะคะ นี่ฉันยังแสดงความเห็นใจคุณไม่พออีกเหรอ ดูสิว่าฉันอุตส่าห์คิดถึงคุณขนาดไหน คุณไม่โดนว่าอะไรสักคำ หนำซ้ำยังกล้ามาตำหนิฉันอีกเหรอคะ”
กู้จิ้งเจ๋อยังคงมองหน้าหญิงสาว นี่มันอะไรกันแน่เนี่ย นี่เป็นเพราะว่าหล่อนเข้าใจจริงๆ หรือเพียงแค่เพราะว่าหล่อนไม่แคร์
หรือเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากจะเข้ามาเกี่ยวพันในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับเขา
“พอเถอะ เธอไม่ต้องพูดอะไรแล้วละ ฉันเข้าใจ หลินเช่อ”
สำหรับตอนนี้ หลินเช่อแค่อยากจะหนีไปจากตรงนี้ เธอไม่กล้าที่จะมองตาเขา ไม่รู้ด้วยว่าจะรับมือกับเขาอย่างไร
“อ้อ ฉันจะไปเอาน้ำให้คุณดื่มนะคะ” เธอรีบเดินออกไปโดยเร็ว กู้จิ้งเจ๋อนั่งอยู่บนเตียง มองดูประตูที่ปิดตามหลังอีกฝ่าย สีหน้าของชายหนุ่มดูเคร่งขรึมกว่าทุกที
ไม่ช้าหลินเช่อก็กลับเข้ามา
เธอส่งแก้วน้ำให้เขาและพูดว่า “นี่ค่ะ ดื่มน้ำมากๆ นะคะ คุณเสียเหงื่อเยอะเลยเพราะพิษไข้น่ะ”
เขาเหลือบมองเธอ “ฉันไม่ได้เหงื่อออกเพราะเป็นไข้ ฉันเหงื่อออกเพราะทำอย่างอื่นต่างหากล่ะ”
“…” หลินเช่อเข้าใจได้ในทันทีว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
แต่พูดตามตรงแล้ว เมื่อคืนนี้…ก็ทำเขาเหงื่อออกเยอะจริงๆ นั่นแหละ
“กู้จิ้งเจ๋อ นี่คุณพูดเหลวไหลอะไรน่ะ!” หลินเช่อเอ็ด
เขามองหน้าอีกฝ่าย และยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เขาดื่มน้ำอึกใหญ่ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ก็เธอพูดเองนี่ เราโตๆ กันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมล่ะ คนโตๆ กันแล้วเขายังจะพูดจาอ้อมค้อมเรื่องพรรค์นี้กันอยู่อีกหรือไง”
“ฉัน…” หลินเช่อไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร เธอจึงหันไปแหวใส่เขาว่า “ฉันแค่กลัวว่าเรื่องนี้มันจะไปทำลายความภาคภูมิใจของคุณเข้าต่างหากล่ะ! ก็ใครกันที่เป็นลมล้มพับไปหลังจากนั้นน่ะ! คราวหน้า ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวเองจะอึดพอ ก็ทำแค่เท่าที่มีแรงทำไหวสิ!”
ยัยนี่กล้าดียังไงมาหาว่าเขาอึดไม่พองั้นเหรอ
กู้จิ้งเจ๋อหรี่ตา “เอาละๆ ฉันจะไม่ใส่ใจก็แล้วกันเพราะว่าตอนนี้ฉันยังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เธอควรจะจำสิ่งที่ตัวเองพูดเอาไว้วันนี้ให้ดีก็แล้วกัน เพราะหากถึงเวลาฉันเอาจริงขึ้นมา เดี๋ยวจะทำให้เธอรู้ว่าตกลงแล้วความอึดของฉันมันมากหรือน้อยแค่ไหนกันแน่”
หน้าของหลินเช่อแดงก่ำขึ้นมาทันควัน “ใครขอให้คุณเอาจริงไม่ทราบ ฮึ”
ขณะมองดูหลินเช่อที่หมุนตัวหนีไปทั้งที่ใบหน้ายังแดงเรื่อ กู้จิ้งเจ๋อก็ก้มลงสำรวจร่างกายตัวเอง
ใครกันนะที่บอกว่าเขาต้องการเธอเพียงเพราะว่าเขายังไม่ได้ครอบครองเธอ
จนถึงตอนนี้ที่เขาได้ลิ้มรสเธอแล้ว แล้วทำไมร่างกายเขาถึงยังถูกปลุกเร้าเพราะเธอได้อีกล่ะ
ไม่นานหลังจากนั้น เฉินอวี่เฉิงก็เข้ามาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้ชายหนุ่ม
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อมองตามหลินเช่อที่เดินออกจากห้องไปแล้ว เขาก็หันมาถามนายแพทย์ประจำตัวว่า “เมื่อไหร่ฉันถึงจะหายสนิท”
เฉินอวี่เฉิงยิ้มและเลิกคิ้วมองคนป่วย “คุณจะอยากหายดีไปทำไมกัน ผมว่าท่านประธานกู้ป่วยอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ คุณจะได้มีโอกาสเพลิดเพลินกับการดูแล ‘เป็นพิเศษ’ ของคุณผู้หญิงให้นานกว่านี้หน่อยไงล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันควัน “เฉินอวี่เฉิง ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานนี้นายก็ตั้งใจที่จะไม่ยอมมาที่นี่สินะ”
นายแพทย์หนุ่มหัวเราะคิก “ผมก็แค่อยากจะหาโอกาสให้พวกคุณสองคนเท่านั้นเอง อาการไข้ของคุณน่ะไม่ได้หนักหนาอะไรหรอก แล้วคุณผู้หญิงก็ดูแลคุณได้อย่างถูกต้องเสียด้วย เธอช่วยเช็ดตัวคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วมันก็คงบังเอิญพลาดไปโดนเข้าตอนที่เช็ดเอา ‘ลำกล้อง’ ของคุณเข้านั่นแหละ”
“…” กู้จิ้งเจ๋อพูด “เฉินอวี่เฉิง ฉันคิดว่านายน่าจะทำงานนี้มามากพอแล้วนะ”
“นี่ๆ ท่านประธานกู้ คุณจะปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าผมเองก็มีส่วนช่วยให้เหตุการณ์เมื่อวานเกิดขึ้นน่ะ จะมาหลอกใช้กันแล้วเขี่ยทิ้งหลังจากที่ได้สมใจแล้วแบบนี้ไม่ได้นะ”
กู้จิ้งเจ๋อถาม “บอกหน่อยสิ เมื่อวานนี้หลินเช่อช่วยเช็ดตัวให้ฉันงั้นหรือ”
ชายหนุ่มพอจะจำเหตุการณ์ในตอนต้นได้ แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น…
เขาหมดสติไปเสียก่อน
เฉินอวี่เฉิง “ใช่ครับ คุณนายกู้น่ะดีกับคุณมากทีเดียว ผมบอกให้เธอคอยดูแลคุณตลอดทั้งคืน และเมื่อผมมาถึง ก็ได้เห็นห่อน้ำแข็งกับน้ำที่วางอยู่ข้างเตียง แล้วก็มีผ้าเช็ดตัวอยู่ในมือคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คุณอยู่ไม่ขาด นั่นน่ะช่วยให้อาการไข้ของคุณทุเลาลงได้มากเลยทีเดียวนะครับ มันอาจจะไม่ได้ช่วยมากเท่ายา แต่มันก็ทำให้คุณรู้สึกสบายตัวขึ้นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นก็คงครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ไม่หาย”
กู้จิ้งเจ๋อมองออกไปนอกห้อง ในชั่วขณะนั้น สายตาของชายหนุ่มก็ฉายแววล้ำลึกบางอย่างและเป็นประกายวาบขึ้นในทันที