เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 159
ไม่ช้าหลินเช่อก็เดินกลับเข้ามา
เมื่อเห็นว่าเฉินอวี่เฉิงหายตัวไปแล้ว เธอจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “นี่หมอเฉินกลับไปแล้วเหรอคะ”
แต่แล้วเธอก็มองเห็นกู้จิ้งเจ๋อกำลังพินิจดูเธออยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ สายตาของเขาลึกล้ำและดื่มด่ำราวกับว่ามีบางอย่างอยู่บนตัวเธอ เป็นสายตาที่ทำให้หลินเช่อเริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูก
“ทำไมคะ มีอะไรอีกเหรอ”
เขามองดูสิ่งที่หญิงสาวกำลังถือไว้ในมือ “พอที ที่บ้านเรามีสาวใช้ตั้งเยอะแยะ ทำไมเธอถึงเอาแต่ทำเรื่องแบบนี้โดยไม่มีเหตุผลอยู่เรื่อย”
หลินเช่อยกมือขึ้นลูบหัว “ก็ฉันไม่ค่อยมีอะไรทำนี่คะ พอเห็นคุณหมอเฉินวุ่นวายดูแลคุณ แต่ฉันกลับช่วยอะไรเขาไม่ได้ ก็มีแต่เรื่องช่วยหยิบจับพวกนี้เท่านั้นเองที่พอจะทำได้”
ชายหนุ่มนิ่วหน้า “พอได้แล้ว วางลงเถอะ เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอยากทำ” เธอว่า
“ก็ฉันบอกให้วางลงไงล่ะ” กู้จิ้งเจ๋อแย่งถาดจากมือที่ถือเอาไว้ แล้วมองดูเธอด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ยิ่ง
หลินเช่อชะงักเมื่อได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เขาคว้าถาดไปจากมือเธอและวางลงข้างเตียง หลังจากดึงแขนเธอ “มาที่เตียงนี่เถอะ”
หลินเช่อนั่งลงบนเตียง แล้วกู้จิ้งเจ๋อก็ดึงร่างเธอให้นอนลง
“คุณจะทำอะไรน่ะ นี่มันกลางวันแสกๆ นะคะ…”
“มานอนเถอะ”
“แต่…”
“นอนกับฉัน”
“ไม่มีทางค่ะ…ฉัน…”
โดยไม่ฟังเสียงทักท้วง กู้จิ้งเจ๋อยกแขนขึ้นโอบร่างหลินเช่อและรั้งเธอเอาไว้กับเตียง ยังไม่พอ เขายังกดแขนเธอเอาไว้ด้วย เมื่อหลินเช่อยังพยายามจะขยับหนี คนตัวโตกว่าก็ชักสีหน้าเป็นเชิงเตือนและสั่งให้หยุดดิ้นรน
หญิงสาวจึงทำได้แต่เพียงนอนตัวแข็งอยู่อย่างนั้น “ฉันไม่อยากนอนนี่คะ อาการของคุณ…”
“ฉันสั่งให้นอนก็นอนสิ” เขากดเธอแน่นไว้กับเตียง เมื่อเห็นสีหน้าหลินเช่อที่ยังพยายามจะขัดขืน เขาก็ก้มลงไปถามเธอว่า “ทำไมรึ”
“ก็ฉันไม่ได้เหนื่อยอะไรสักหน่อยนี่คะ แล้วทำไมฉันถึงต้องนอนด้วย”
“ถ้าเป็นแบบนั้น จะให้ฉันช่วยหาวิธีทำให้เธอเหนื่อยเอามั้ยล่ะ” ขณะพูด กู้จิ้งเจ๋อก็ทำท่าจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างเธอ
หลินเช่อรีบร้องห้าม “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ฉันจะนอน แค่นอนก็โอเคแล้วใช่มั้ยคะ”
หลินเช่อรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างจนมิดชิด ชายหนุ่มมองดูอยู่เงียบๆ ก่อนจะเอนหลังลงนอนบ้าง
อันที่จริงแล้ว หลินเช่อรู้สึกเพลียมากทีเดียว แต่เธอกลัวว่าจะไม่มีใครมาคอยอยู่ดูแลอาการป่วยของกู้จิ้งเจ๋อ ความพะว้าพะวนทำให้อะดรีนาลินในร่างของเธอหลั่งเสียจนไม่รู้สึกง่วงนอนแต่อย่างใด
แต่ตอนนี้เมื่อหัวถึงหมอน ความเหนื่อยล้าสะสมจากคืนที่ผ่านมาก็แล่นปราดเข้ามายังสมอง และในไม่ช้าหญิงสาวก็ผล็อยหลับไป
กู้จิ้งเจ๋อมองดูคนที่ชิงหลับไปก่อนพลางส่ายหน้า หลินเช่อบอกว่าไม่เหนื่อยแต่กลับหลับลึกอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลินเช่อตื่นขึ้นมา กู้จิ้งเจ๋อก็ไม่อยู่แล้ว
เธอรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นและวิ่งออกไปนอกห้อง หลังจากพยายามมองหาทั่วทุกแห่งแล้ว แต่เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่ม
แต่แล้วเธอก็บังเอิญพบกับเฉินอวี่เฉิงที่ประตูทางเข้า เมื่อเห็นว่านายแพทย์หนุ่มยังอยู่ที่นี่ หญิงสาวก็โล่งใจ เธอรีบดึงตัวเขาเข้ามาถามว่า “กู้จิ้งเจ๋อไปไหนละคะ แล้วอาการป่วยของเขาดีขึ้นหรือยัง”
เฉินอวี่เฉิงตอบ “เขาดีขึ้นมาแล้ว ไม่มีไข้สูงแล้ว แต่ร่างกายยังคงอ่อนเพลียอยู่”
“แล้วนี่เขาหายไปไหนเสียล่ะ”
“เขาเป็นคนเข้มงวดกับตัวเองน่ะ พออาการดีขึ้นหน่อย ก็เริ่มทำงานทันทีเลย”
“โอ๊ย ให้ทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ”
หลินเช่อรีบเข้าไปที่ห้องทำงานเพื่อตามหากู้จิ้งเจ๋อ เพียงมองปราดเดียวก็ได้เห็นชายหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารและทำงานบางอย่างอยู่ในห้องนั้น
หลินเช่อรีบพูดขึ้นทันที “นี่ คุณยังไม่หายดีเลยแต่กลับมาทำงานแบบนี้ ถ้าเกิดเป็นลมล้มพับไปอีกจะว่ายังไงละคะ”
กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้า “ฉันสบายดีแล้ว ฉันยังมีงานสำคัญที่ต้องสะสาง ไปนั่งรอฉันตรงโน้นก่อนไป เดี๋ยวอีกสักพักค่อยออกไปกินข้าวกัน”
“ไม่มีทาง คุณจะมาทำงานตอนนี้ได้ยังไงกันคะ”
หลินเช่อเดินพรวดพราดเข้ามา “คุณยังต้องนอนพักอีกสองสามวันเพื่อให้ฟื้นจากอาการปอดบวม ถ้าขืนหักโหมทำงานแบบนี้ เดี๋ยวไข้ก็กำเริบอีกหรอกค่ะ”
“ฉันรู้จักร่างกายตัวเองดีน่า ถ้าฉันอดทนได้ มันก็จะไม่เป็นไร” กู้จิ้งเจ๋อบอก “ว่าง่ายๆ ไปนั่งรอตรงโน้น หาอะไรอ่านไปก่อนตกลงมั้ย” เขายื่นแขนออกมาแล้วใช้นิ้วเคาะหน้าผากเธอ
แม้ว่าเสียงเขาจะแหบพร่าเพราะอาการไข้ แต่มันกลับทำให้รู้สึกเย้ายวนอย่างน่าประหลาด
ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่กระทั่งในยามที่เขาพยายามจะไล่ใครสักคน
แต่ถึงกระนั้น หลินเช่อก็ยังยืนกรานในหลักการ “ไม่ได้ค่ะ คุณไม่ได้เห็นนี่ว่าก่อนหน้านี้อาการคุณแย่แค่ไหน แต่ฉันน่ะเห็นคนเห็นนะคะ คุณจะมาทำงานแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้ามองหลินเช่อ เธอกำลังยกมือเท้าเอว จ้องหน้าเขาอย่างไม่พรั่นพรึง มุมปากของกู้จิ้งเจ๋อกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ “ทำไม นี่เธอเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ”
“…” หลินเช่อพูดอะไรไม่ออก “ฉัน…ฉันก็ต้องห่วงคุณสิคะ อย่างน้อยคุณก็เป็นสามีของฉันนี่นา ฉันยังไม่อยากเป็นม่ายตอนนี้ซะหน่อย”
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายระยับเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก่อนเหตุการณ์เมื่อคืนจะเกิดขึ้น การพูดถึงการเป็นหม้ายดูจะเป็นเพียงเรื่องตลก แต่เมื่อหลินเช่อพูดมันออกมาในเวลานี้ มันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
กู้จิ้งเจ๋อลุกขึ้นยืนทันทีและโน้มตัวเข้ามาใกล้
หญิงสาวตกใจเมื่อร่างใหญ่โน้มเข้ามาหา สายตาของเขาดูคลุมเครือบอกไม่ถูก ชายหนุ่มยกมือเสยผมและพูดเบาๆ ว่า “อย่ากังวลไปเลยน่า ฉันไม่ยอมให้เธอเป็นม่ายหรอก”
แม้จะเป็นคำพูดธรรมดา แต่หลินเช่อก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอแดงร้อน หัวใจเองก็เต้นผิดจังหวะ
กู้จิ้งเจ๋อเงียบและพูดต่อไปว่า “เอาละ ฉันจะหยุดทำงานแล้วก็พาเธอไปกินอาหารเช้าก่อนก็แล้วกัน”
หลินเช่อชะงักและมองดูเขา
เขาเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว
ดูท่าทางกู้จิ้งเจ๋อจะอารมณ์ดีทีเดียว และในไม่ช้าเขาก็เดินอออกจากห้องทำงาน
เฉินอวี่เฉิงเห็นคนทั้งคู่เดินออกมาจากห้องพร้อมกันจึงเอ่ยถามว่า “ท่านประธานกู้ จะทำอะไรเหรอครับ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการใช้ยา หมอเฉินก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถาม”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง
หลินเช่อจึงช่วยตอบแทนให้ว่า “เราจะออกไปกินอาหารข้างนอกกันน่ะค่ะ”
เฉินอวี่เฉิงมองหน้าหลินเช่อ “คุณเป็นคนแรกเลยนะครับที่ลากเขาออกมาจากโต๊ะทำงานได้น่ะ”
หลินเช่อมองหน้านายแพทย์ “จริงเหรอคะ ไม่มีทางหรอก ฉันไม่คิดว่าเขาจะบ้างานอะไรขนาดนั้น”
เฉินอวี่เฉิงส่ายหน้า “เฮ้อ คุณไม่เข้าใจหรอกว่าคนอื่นเขามองกู้จิ้งเจ๋อว่าเป็นยังไง เชื่อผมเถอะครับ ผมรู้จักเขามาสิบกว่าปีแล้ว”
“…”
กู้จิ้งเจ๋อกลับออกมาจากห้อง เมื่อได้เห็นหญิงสาวและนายแพทย์หนุ่มกำลังสนทนากัน เขาก็ตรงเข้ามาลากตัวเธอออกไปทันที “ไปกันเถอะ”
“โอ๊ย ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลยนะคะ”
“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ยังไงก็มีฉันเห็นอยู่คนเดียว แล้วฉันก็ไม่เห็นว่าไอ้ที่ใส่อยู่มันจะแย่ตรงไหน”
“…”
แล้วเขาก็ลากเธอหลุนๆ ออกไปทั้งอย่างนั้น
เฉินอวี่เฉิงที่มองตามหลังส่ายหน้าและพูดว่า “ให้ตายเถอะ ผ่อนคลายหน่อยเถอะ ยังจะกลัวอะไรอีก ผมยังไม่อยากเปิดเผยความลับของคุณตอนนี้หรอกนะครับ”
กู้จิ้งเจ๋อจูงหลินเช่อออกมาและนั่งรถออกจากคฤหาสน์ตระกูลกู้
ส่วนเฉินอวี่เฉิงนั้นยังจะต้องอยู่ที่นั่นไปอีกสองสามวันเพื่อเฝ้าดูอาการป่วยของกู้จิ้งเจ๋อ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายจ้างดูจะเฉยเมยใส่และไม่ต้องการเขาอีกต่อไป นายแพทย์หนุ่มก็จัดการเก็บข้าวของ เตรียมตัวกลับบ้าน
แต่ในขณะที่เขากำลังเก็บข้าวของเตรียมจะออกจากบ้านนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในห้อง
เมื่อเขาตรวจดูโทรศัพท์ของตัวเองดู ก็ไม่พบว่ามีสายโทรเข้ามา เขาจึงหันมองไปรอบๆ และในที่สุดก็เห็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งกำลังสั่นอยู่บนโซฟา ดูเหมือนว่าจะเป็นโทรศัพท์ของหลินเช่อนั่นเอง ในตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจ แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นชื่อบนหน้าจอที่เขียนว่า เฉินโยวหราน