เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 160
เฉินอวี่เฉิงเลิกคิ้วทันควัน เขารีบเดินไปหยิบโทรศัพท์และกดรับสาย
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร เขาก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังขึ้นเสียก่อน
[หลินเช่อ นี่ฉันจะทำยังไงดี ฉันโทรไปหาอีตาโจวหมินฮั่นเวรนั่น พอมาตอนนี้ครอบครัวของหมอนั่นเลยลากฉันมาสถานีตำรวจ ถ้าฉันโทรบอกพ่อละก็ฉันต้องตายแน่ ฉันจะทำยังไงดี…]
“…” ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้มีแต่จะสร้างปัญหาได้ไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ
“ขอประทานโทษด้วย แต่ดูเหมือนเพื่อนรักของคุณจะไปออกเดตอยู่นะ ผมเกรงว่าเธอคงจะไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยคุณได้” เฉินอวี่เฉิงกรอกเสียงลงในโทรศัพท์
เสียงที่ปลายสายเงียบไป
ก่อนที่เฉินโยวหรานจะเปลี่ยนน้ำเสียงจากวิตกกังวลและหวาดกลัวมาเป็นเสียงขู่แฟ่ดๆ แทน
[เฉินอวี่เฉิง ทำไมคุณถึงมารับโทรศัพท์ของหลินเช่อได้!]
“ทำไมน่ะเหรอ นี่ผิดหวังมากใช่มั้ยล่ะที่เป็นผม การทำร้ายร่างกายคนอื่นน่ะเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ คุณก็สมควรจะอยู่ที่สถานีตำรวจนั่นแหละ จะได้รับบทเรียนซะที”
[คุณนี่…เหอะ ฉันไม่ได้ขอความช่วยเหลือคุณสักหน่อย จะมายุ่งด้วยทำไม ที่จริงฉันก็โทรมาเล่าให้ฟังไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย]
เมื่อได้ยินน้ำเสียงดื้อดึงยืนกรานเช่นนั้น เฉินอวี่เฉิงก็ถามด้วยน้ำเสียงเยาะหยันว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้วคุณโทรมาทำไมล่ะ”
[บอกหลินเช่อด้วยก็แล้วกันว่าฉันโทรมา อีกสองสามวันหลังจากนี้ ฉันคงต้องนอนอยู่ที่สถานีตำรวจนี่แหละ แล้วก็คงจะรับสายเขาไม่ได้ ฝากหลินเช่อช่วยโกหกพ่อฉันหน่อยว่าฉันพักอยู่กับเขาก็แล้วกัน! แค่นั้นแหละ]
เมื่อพูดจบ เฉินโยวหรานก็ตัดสายไปทันที
นายแพทย์หนุ่มส่ายหน้าพลางมองดูโทรศัพท์แล้วโยนมันลงบนโซฟาตามเดิม
ที่สถานีตำรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังออกคำสั่งให้เฉินโยวหรานกลับเข้าห้องขัง
หญิงสาวกำโทรศัพท์อย่างหม่นหมองพลางก่นด่าว่า “อีตาเฉินอวี่เฉิงเฮงซวย อีตาบ้าของแท้เลย เรื่องอะไรมารับโทรศัพท์คนอื่นแบบนี้ หน้าไม่อายที่สุด”
“พอได้แล้ว เราอนุญาตให้คุณติดต่อญาติแล้ว แต่ในเมื่อติดต่อไม่ได้ก็กลับเข้าห้องขังซะ ไปๆ” เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่ง
เฉินโยวหรานอยากร้องไห้เป็นกำลัง เธอเงยหน้าขึ้นอธิบาย “คุณตำรวจคะ ฉันทำไปเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้นจริงๆ นะคะ”
“ต่อให้เป็นแบบนั้นมันก็เป็นการป้องกันตัวเองที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี เอาไว้คุณค่อยมาแก้ตัวอีกทีตอนที่ผลการตรวจร่างกายออกมาก็แล้วกันนะ” แม้จะอ้อนวอนแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ยังไม่ใจอ่อนกับหญิงสาวอยู่ดี เขาผลักเธอกลับเข้าไปในห้องขังและพูดว่า “คุณควรจะคิดถึงใครที่พอจะช่วยหาทนายให้คุณได้มากกว่านะ”
หญิงสาวคิดอย่างโกรธแค้น คนอย่างเธอจะไปรู้จักทนายที่ไหนได้ยังไงกันเล่า
ยิ่งตอนนี้ ความหวังเดียวของเธอก็ยังถูกทำลายลงไปแล้วเพราะอีตาบ้าเฉินอวี่เฉิงนั่นอีก…
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ประตูห้องขังก็เปิดออก
ทนายเดินเข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินตามหลังเข้ามา เขาเอ่ยขึ้นว่า “เฉินโยวหราน ทนายมาประกันตัวคุณแล้ว”
หญิงสาวรีบเงยหน้า “หา จริงเหรอคะ” ทนายคนนั้นหันมองหน้าเธอและพูดว่า “ตามผมมาเถอะครับ”
เฉินโยวหรานประหลาดใจปนยินดีอย่างที่สุด เธอรีบถามทนายผู้นั้นว่า “นี่หลินเช่อขอให้คุณมาเหรอคะ ใช่มั้ย”
แต่ทนายกลับให้คำตอบที่สร้างความงุนงงให้เธอเป็นที่ยิ่ง “เปล่าครับ เขาเป็นผู้ชาย”
เธอเดินตามเขาออกนอกประตูมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่เดินเข้ามา
จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ นอกจากเฉินอวี่เฉิง…
รอยยิ้มบนหน้าของเฉินโยวหรานหุบฉับลงทันที
เธอถลึงตาใส่เขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“ทำไมล่ะ ไม่อยากเจอหน้าผมที่นี่เหรอ” แล้วหันไปพูดกับทนายความว่า “งั้นก็ช่างมันเถอะ ฉันคงจำผิดไปน่ะ ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ เราคงไม่ต้องประกันเธอออกมาแล้วละ”
“เฮ้ๆๆ นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ” เธอรีบรั้งตัวทนายความเอาไว้ ก่อนจะหันไปทำตาเขียวปั้ดใส่นายแพทย์หนุ่ม
เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายว่า ฝ่ายผู้เสียหายมีข้อเรียกร้องสองอย่างจากเฉินโยวหราน หนึ่งคือค่าทำขวัญ และสองคือคำขอโทษ
แม้ว่าเฉินโยวหรานจะไม่สู้เต็มใจ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมขอโทษคนรักเก่า
ด้วยเหตุนี้เฉินอวี่เฉิงจึงเป็นคนขับรถพาเธอยังโรงพยาบาล
โจวหมินฮั่นยังคงนอนร้องครวญครางไม่หยุด เมื่อเห็นเฉินโยวหรานเดินเข้ามา เขาก็รีบผุดลุกขึ้นนั่ง “โยวหราน ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะ…”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างโจวหมินฮั่นคือมารดาของเขา เมื่อหล่อนเห็นเฉินโยวหรานเดินเข้ามา หล่อนก็รีบสั่งห้ามลูกชายที่กำลังร้อนรนด้วยความรู้สึกผิดของตัวเองทันที
“นี่แก นังตัวดี ยังจะกล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีกเหรอ ไม่เห็นหรือไงว่าแกทำหมินฮั่นของเราเจ็บหนักขนาดไหนน่ะ”
โจวหมินฮั่นรีบห้ามมารดา “แม่ครับ โยวหรานกับผมแค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“เข้าใจผิดเหรอ นังนี่เกือบจะทำแกตาย แล้วก็เกือบทำให้เราไม่มีผู้สืบทอดสกุลเลยนะยะ แกเป็นทายาทรุ่นที่สามของเรา ถ้าแกไม่มีลูกละก็…” เมื่อเอ็ดตะโรลูกชายเสร็จ หล่อนก็หันมาจ้องหน้าเฉินโยวหรานอย่างแค้นเคือง “ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ จ่ายค่าทำขวัญมา!”
ไม่มีผู้สืบทอดสกุลงั้นเรอะ…
เฉินอวี่เฉิงชะเง้อมองอยู่ทางด้านหลัง ชายที่นอนอยู่บนเตียงนั่นมีปากแดงบวมเจ่อ และฟันที่ดูเหมือนจะถูกฟาดเข้าอย่างแรง เมื่อไล่สายตาไปตามสารรูปของโจวหมินฮั่นแล้ว นายแพทย์หนุ่มก็กระแอมออกมาเบาๆ
เฉินโยวหรานย้อนกลับให้ว่า “ทำไมคุณไม่ถามลูกชายตัวเองล่ะ ว่าเขาพยายามจะทำอะไร ที่ฉันทำมันก็แค่ป้องกันตัวเท่านั้นเอง”
“ป้องกันตัวบ้าบออะไรกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงอย่างแกชอบใส่กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋แล้วก็เดินยั่วผู้ชายไปทั่ว หมินฮั่นของเราจะไปลงไม้ลงมืออะไรกับแก ฉันว่านะ ท่าทางตัวแกเองก็ดูจะต้องการแบบนั้นด้วยเหมือนกันนี่ ไม่อย่างนั้นจะแต่งตัวอย่างกับผู้หญิงบริการแบบนี้ทำไม หมินฮั่นของเราน่ะเป็นเด็กซื่อ พอเห็นผู้หญิงดูง่ายอย่างแกก็เลยพลอยหลงลมไป เพราะอย่างนี้เขาถึงได้อยากจะมีอะไรกับแกไงล่ะ”
“ฉัน…” เฉินโยวหรานโกรธจนสุดจะทน ขณะที่มองดูมารดาของคู่กรณีที่เธอไม่อยากจะเอ่ยปากขอโทษเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เฉินโยวหรานทำได้เพียงแค่พยายามนึกถึงเหตุผลที่เธอไม่สามารถกระหน่ำเตะเขาจนไม่สามารถมีลูกชายสืบสกุลได้ ในขณะที่แม่ของเขาเอาแต่พูดจายโสโอหังใส่เธออยู่แบบนี้
แต่แล้วกลับเป็นเฉินอวี่เฉิงที่เดินเข้ามาและยกมือขึ้นแตะหลังของเฉินโยวหรานเอาไว้ “คุณผู้หญิงครับ กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้นะครับว่าคุณสามารถไปล่วงเกินผู้หญิงเพราะเสื้อผ้าที่พวกเธอสวมใส่ได้น่ะ ต่อให้เฉินโยวหรานแก้ผ้าไม่ได้สวมอะไรเลยเดินอยู่บนถนน ถ้ามีใครเข้าไปกระทำอนาจารกับเธอโดยที่เธอไม่ยินยอมละก็ นั่นก็เป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ดี อืม เฉินโยวหราน คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าเขาทำมิดีมิร้ายกับคุณน่ะ”
เฉินโยวหรานรีบพยักหน้าทันที “แน่นอนค่ะ เขากระโจนเข้าใส่แล้วก็จูบฉัน!”
จากทางด้านหลัง โจวหมินฮั่นเพิ่งสังเกตเห็นเฉินอวี่เฉิง ยิ่งเห็นว่าชายหนุ่มที่มาด้วยแตะเนื้อต้องตัวเฉินโยวหราน โจวหมินฮั่นก็โพล่งถามออกไปทันที “แกเป็นใคร แล้วเป็นอะไรกับโยวหราน”
เฉินอวี่เฉิงกำลังจะตอบ “ฉัน…”
“เขาเป็นแฟนฉันเองน่ะ ทำไม แฟนฉันจะมาด้วยไม่ได้หรือไง” เฉินโยวหรานขัดจังหวะเขาด้วยการตอบเสียเอง
“…” นายแพทย์หนุ่มถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
โจวหมินฮั่นร้องลั่นอย่างไม่เชื่อ “ไม่มีทาง ฉันไม่เชื่อหรอก!”
โจวหมินฮั่นหันไปมองเฉินอวี่เฉิงที่ทั้งสูงและหล่อเหลา เสื้อผ้าที่ใส่ นาฬิกาที่ข้อมือ รองเท้าหนังที่สวม… ทุกอย่างล้วนเป็นของชั้นดีราคาแพง
ผู้ชายแบบนี้น่ะรึ จะลดตัวลงมายุ่งอะไรกับผู้หญิงอย่างเฉินโยวหราน
“อย่ามาโกหกหน่อยเลย!”
เฉินโยวหรานโต้ตอบอย่างไม่ลดละ “ฉันไปโกหกเธอเมื่อไหร่กัน นี่แฟนฉันจริงๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่าฉันจะแต่งตัวแบบไหน ฉันก็แต่งให้เขาดูไม่ใช่ให้นายดูสักหน่อย เลิกหลงตัวเองซะทีเถอะ นี่ยังคิดว่าฉันพยายามจะยั่วนายอยู่อีกเหรอ จะต้องยั่วไปทำไมในเมื่อนายก็ทำตัวหื่นกามแบบนี้อยู่แล้วน่ะ”
“…” เฉินอวี่เฉิงก้มลงมองผู้หญิงที่อยู่ข้างตัว เฉินโยวหรานขยับเข้ามาคล้องแขนเขาอย่างแนบเนียนเป็นธรรมชาติ
ยัยผู้หญิงคนนี้นี่นะ…
นายแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ก็ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เรายังจะต้องขอโทษอยู่อีกหรือเปล่าไม่ทราบ เพราะถ้าคุณทำมิดีมิร้ายกับเฉินโยวหรานจริงละก็ เราคงจะต้องไปเจอกันในศาล เราจะฟ้องคุณโทษฐานทำเรื่องลามกอนาจาร”
“อะไรนะ”
“นี่มันยังจะมีความยุติธรรมอะไรหลงเหลืออยู่อีกล่ะเนี่ย เธอเป็นคนทำร้ายเรา แล้วนี่เธอยังจะมาฟ้องร้องเราอีก…”
เมื่อเฉินอวี่เฉิงพูดจบ เขาก็ลากเฉินโยวหรานให้เดินตามเขาออกจากห้องมาด้วย
เฉินโยวหรานแอบเหลียวกลับไปดูสองแม่ลูกก็พบว่าทั้งคู่กำลังมีสีหน้าบอกบุญไม่รับทีเดียว ยังทำสะใจให้กับหญิงสาวไม่น้อย
ขณะเดินออกจากโรงพยาบาล หญิงสาวก็พูดซ้ำไปซ้ำมาไม่ขาดปากว่า “เยี่ยม รู้สึกยอดเยี่ยมสุดๆ ไปเลย นี่แหละ พวกนั้นสมควรโดนแล้ว หน็อยแน่ ยังจะกล้าฟ้องฉันที่ไปทำร้ายอีตานั่นอีก…”
เฉินอวี่เฉิงก้มลงดูมือของอีกฝ่ายที่ยังเกาะแขนเขาแน่นไม่ยอมปล่อย “นี่เธอควรจะปล่อยฉันได้แล้วมั้ย”
“…”