เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 161
เฉินโยวหรานรีบปล่อยมือทันที หญิงสาวทำปากยื่นพลางมองเฉินอวี่เฉิงที่กำลังทำหน้าเหมือนจะตำหนิเธอ
เฉินอวี่เฉิงสั่งให้เธอขึ้นรถเพื่อที่เขาจะได้ไปส่งเธอที่บ้าน
“คราวหน้าก็อย่าโง่ให้ใครเขาหลอกเอาได้อีกล่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอต้องหาทางเป็นคนควบคุมสถานการณ์ให้ได้สิ เห็นๆ อยู่ว่าครั้งนี้หมอนั่นเป็นฝ่ายผิด เธอมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะฟ้องร้องเขาตั้งแต่แรก แล้วทำไมถึงยังยอมปล่อยให้เขาเอาตำรวจมาจับเข้าคุกได้อีกล่ะเนี่ย” เฉินอวี่เฉิงบ่นยาวเหยียด
เฉินโยวหรานตอบอย่างหมดแรงว่า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเขาพยายามข่มขู่ฉันหนักมาก แล้วก็ทำท่าเหมือนว่าเจ็บจนใกล้จะตาย ฉันตกใจน่ะ ก็เลยไม่ทันได้คิดถึงอย่างอื่นเลย”
เฉินอวี่เฉิงตวัดสายตามอง “คราวหน้าถ้าจะอัดใคร ก็อย่าทำสะเปะสะปะแบบนี้ล่ะ นี่เธอเล่นงานเอาจุดอ่อนไหวหมอนั่นเข้าเต็มๆ เลย”
“…”
เมื่อหลินเช่อมาถึงภัตตาคารแล้วนั่นแหละ เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย
แต่ไหนๆ ก็มาจนถึงร้านแล้ว หญิงสาวเลยสลัดความคิดเรื่องโทรศัพท์ทิ้งไป จนเมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เธอและกู้จิ้งเจ๋อก็กลับบ้านพร้อมกัน
ทันทีที่กลับถึงบ้าน สาวใช้ก็แล่นเข้ามารายงานทันทีว่า “คุณผู้หญิงคะ คุณหมอเฉินฝากให้ดิฉันช่วยบอกคุณด้วยว่าคุณเฉินโทรมาหาคุณค่ะ เธอมีเรื่องด่วนให้ช่วย คุณหมอเฉินก็เลยออกไปจัดการให้แล้ว”
“อะไรนะจ๊ะ”
โดยไม่รอฟังซ้ำ หลินเช่อรีบพุ่งเข้าไปหาโทรศัพท์ของตัวเองทันทีและรีบโทรกลับไปตามหมายเลขของเฉินโยวหราน
เมื่อต่อสายติด เฉินโยวหรานก็รับสายและพูดสวนมาทันทีว่า [เจ๊คะ ถ้าขืนฉันรอเจ๊กลับมาละก็ ฉันคงได้แห้งตายอยู่ที่สถานีตำรวจไปแล้วละจ้า]
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ แล้วเธอไปอยู่ที่สถานีตำรวจได้ยังไง” หลินเช่อถาม
“ [อย่าให้พูดเล้ย ก็เพราะอีตาโจวหมินฮั่นเฮงซวยน่ะสิ เขาคอยตามสะกดรอยฉันระหว่างกลับบ้าน แล้วก็เอาแต่พูดอะไรแปลกๆ กับฉันไม่เลิก ฉันเลยไล่เขาให้ไปไกลๆ แต่อีตานั่นดันเข้ามาปล้ำฉันเฉยเลย ฉันโกรธจัดก็เลยเตะผ่าหมากเข้าไปเต็มรัก ฉันก็ไม่คิดว่าหมอนั่นจะอ่อนขนาดนั้น แต่เขาล้มฟุบลงไปกองกับพื้นเลยทีเดียว ฉันตกใจมากก็เลยโทรเรียกรถพยาบาล แล้วแม่เขาก็เรียกตำรวจมาจับฉันไปส่งที่สถานี]
“…” หลินเช่อนิ่งอึ้ง ก่อนจะบอกเพื่อนรักว่า “นั่นไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อยนะ เพราะอีตานั่นมันนิสัยทรามต่างหากล่ะ แล้วนี่เธอเป็นยังไงบ้าง”
[เฉินอวี่เฉิงกำลังพาฉันกลับบ้านน่ะ]
“งั้นก็แปลว่าบ้านนั้นเขาก็จะไม่ฟ้องร้องเธอแล้วสิ ใช่ไหม โจวหมินฮั่นน่ะ…หมอนั่นเป็นบ้าอะไรกันนะ”
[ถ้าเฉพาะหมอนั่นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก แต่แม่เขานี่สิ ทั้งหยาบคายแล้วก็ไร้เหตุผลสิ้นดี ฉันเดาว่ายังไงแม่เขาก็ยังจะต้องฟ้องฉันแน่ๆ]
“ถ้างั้นเราควรจะนัดเจอกันแล้วก็ปรึกษาเรื่องนี้กันซะหน่อยนะ ว่าจะเอายังไงกันดี”
[ได้…]
เมื่อเฉินอวี่เฉิงได้ยินคำพูดของเฉินโยวหราน เขาก็ขมวดคิ้ว “นี่เธอจะไม่กลับบ้านเหรอ”
“ยังไม่กลับค่ะ พาฉันไปส่งที่คาเฟ่คาเดน่าหน่อยสิ”
คาเฟ่คาเดน่าเป็นคาเฟ่ที่อยู่ในโรงแรมระดับเจ็ดดาว
โรงแรมแห่งนี้เป็นกิจการของตระกูลกู้ ด้วยเหตุนี้ในตอนที่หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อเดินทางมาถึงพร้อมกัน บรรดาพนักงานจึงมีท่าทีนอบน้อมมากกว่าปกติอย่างมาก
กู้จิ้งเจ๋อยืนกรานว่าจะมาส่งหลินเช่อ ไม่ยอมให้เธอมาเองตามลำพัง
เมื่อพาหลินเช่อมาถึง บรรดาผู้คนที่ต่างก็พากันประหลาดใจอย่างที่สุด แต่ด้วยความเป็นพนักงานของบริษัทกู้แล้ว ทุกคนจึงต่างก็เข้าใจดีว่าผู้เป็นนายใหญ่ของพวกเขานั้นเป็นบุคคลที่มีชีวิตลึกลับและเก็บตัวจากสังคมมากแค่ไหน และพนักงานของที่นี่ก็ไม่ได้อนุญาตให้พูดถึงกู้จิ้งเจ๋อไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม พวกเขาจึงทำได้แต่เพียงจ้องมองหลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อ และคาดเดาความสัมพันธ์ของทั้งคู่กันเอาเอง รวมถึงนึกอิจฉาหญิงสาวที่ได้เป็นผู้อยู่เคียงข้างผู้ชายอย่างกู้จิ้งเจ๋อ
กู้จิ้งเจ๋อหันมาพูดกับเธอว่า “เพื่อนเธอนี่ก็เป็นเหมือนเธอเปี๊ยบเลยนะ”
“ทำไมเหรอคะ” หลินเช่อสงสัย
“ก็เก่งเรื่องสร้างปัญหาน่ะสิ สารพัดปัญหาสารพัดเรื่องทีเดียวละ”
หลินเช่อว่า “เห็นชัดๆ ค่ะว่าคนอื่นต่างหากที่เป็นคนก่อเรื่อง พวกเราน่ะแค่ซื่อไปหน่อยเท่านั้น เพราะอย่างนี้ถึงได้มีเรื่องปะฉะดะกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ ไงละคะ”
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว “อะไรนะ”
“…” หญิงสาวลืมไปสนิทใจเลยว่าคนระดับกู้จิ้งเจ๋อย่อมไม่เข้าใจคำศัพท์ประเภทนี้ เธอจึงอธิบายว่า “หมายถึงทะเลาะกันน่ะค่ะ”
“มันเป็นภาษาต่างถิ่นเหรอ” ชายหนุ่มไม่แน่ใจ
หลินเช่อว่า “เอ่อ…ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ”
“ภาษาจากถิ่นไหนกันล่ะ”
“จากอินเทอร์เน็ตน่ะค่ะ…”
ชายหนุ่มมองหน้าคนตอบอย่างไม่เข้าใจชัดเจนนักว่ามันหมายถึงอะไร แต่หลินเช่อเลิกสนใจแล้ว เธอลากแขนเขาเพื่อที่จะรีบเดินเข้าไปในโรงแรม
“อีกอย่างนะคะ เฉินโยวหรานน่ะซื่อบื้อกว่าฉันอีก ตอนที่เรายังเด็กๆ เราไปโรงเรียนด้วยกัน เราไม่ต้องให้ใครพาไปส่งโรงเรียนตั้งแต่ยังอยู่ชั้นอนุบาลด้วยซ้ำ ต้องแบกกระเป๋ากันเอง แถมยังต้องเดินไกลตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง พอเลิกเรียนเราก็กลับบ้านด้วยกันอีก มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอเคยหล่นลงไปในท่อระบายน้ำเหม็นๆ ข้างทางจนเหม็นหึ่งไปทั้งตัว พอเราไปถึงโรงเรียน คุณครูก็ไม่ยอมให้เธอเข้าเรียน จนโยวหรานต้องเดินร้องไห้กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกครั้งหนึ่งตอนที่ครูมาเห็นฉันทะเลาะกับเพื่อนที่นั่งเรียนโต๊ะเดียวกัน ครูไม่ยอมเชื่อสิ่งที่ฉันบอก เพราะเพื่อนที่นั่งกับฉันบอกครูว่าฉันตีเขาก่อน แล้วครูก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเพราะว่าเขาเรียนเก่งกว่าฉัน เรียกว่าเป็นหัวกะทิของห้องเลยเชียวละ ครูก็เลยทำโทษด้วยการให้ฉันไปยืนอยู่ที่จุดทิ้งขยะของโรงเรียนตอนบ่ายเพื่อเป็นการลงโทษ เฉินโยวหรานน่ะซื่อบื้อมาก เธอลงไปยืนเป็นเพื่อนฉันตลอดบ่ายวันนั้น จนกระทั่งพอถึงตอนกลับบ้าน กลิ่นตัวเราสองคนก็เหม็นหึ่งแบบสุดๆ ไปเลยละค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อยิ่งนิ่วหน้าหนักขึ้นไปอีก
ยิ่งเขาได้ยินหลินเช่อเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เธอโดนคนอื่นรังแกอย่างสบายใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น
นี่หลินเช่อต้องพบเจอกับความโหดร้ายแบบนี้มามากมายแค่ไหนกันนะ ถึงทำให้เธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมันอีกแล้ว
ชายหนุ่มมองหน้าเธอ “การลงโทษด้วยการให้ไปยืนที่กองขยะนั่นเป็นวิธีการที่เลวร้ายมาก ถือเป็นการกระทำทางร่างกายเชียวนะ ครูของเธอไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย นี่เธอเข้าเรียนโรงเรียนอะไรเนี่ย”
“สำหรับโรงเรียนประถมนี่น่ะถือว่าเป็นการลงโทษขนานเบาแล้วนะคะ เมื่อก่อนครูคนเก่าของเราเคยตีเพื่อนนักเรียนของเราแรงขนาดที่ว่าไหล่หลุดเลยทีเดียวละค่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกนั่นแหละ คุณคิดว่าโรงเรียนฉันจะเป็นเหมือนกับโรงเรียนไฮโซของคุณที่มีแต่ครูต่างชาติมาสอน แล้วก็คอยดูแลเอาอกเอาใจให้เรียนหนังสือเหรอคะ ครูพวกนั้นไม่มีทางกล้าขู่หรือตีพวกคุณแน่ สำหรับคนอย่างพวกคุณ ลองพวกครูพูดอะไรไม่ดีเข้าสักประโยคเดียว ทางตระกูลกู้คงเล่นงานโรงเรียนจนย่อยยับแน่ๆ แต่สำหรับพวกฉันแล้ว เราก็อยู่กันอย่างนี้นี่แหละค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าหญิงสาวนิ่งนาน ต่อไปในอนาคต เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเธออีกเป็นอันขาด
เมื่อเข้าไปด้านใน พวกเขาก็ได้เห็นเฉินโยวหรานกำลังนั่งรออยู่กับเฉินอวี่เฉิงแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อได้ฟังเรื่องของเฉินโยวหรานจากหลินเช่อแล้วก่อนที่จะมาถึง เขามองดูเพื่อนรักของหลินเช่อก่อนที่จะเดินเข้าไปหา
“หลินเช่อ มาแล้วเหรอ”
หลินเช่อว่า “ให้ตายสิ นี่เขาทำเกินไปนะ ตัวเองทำเรื่องหน้าไม่อายแท้ๆ แต่กลับจะเป็นฝ่ายฟ้องเธอซะนี่”
“ช่างเถอะ แค่คิดก็โมโหแล้วละ แต่ตอนนี้น่ะสิ ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี”
กู้จิ้งเจ๋อจึงเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง “คุณเฉิน ปล่อยเรื่องนี้ให้ทีมทนายของครอบครัวผมจัดการแทนก็ได้ พวกเขาจะสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เลย”
เฉินอวี่เฉิงเงยหน้าขึ้นทันควัน เขาหันไปมองเฉินโยวหรานและบอกว่า “คราวนี้เธอโชคดีจริงๆ นะ ทีมทนายตระกูลกู้นี่จัดว่าเป็นมือหนึ่งทางด้านนี้เลย ต่อให้มีเงินก็จ้างไม่ได้ สำหรับคดีเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ พวกเขาใช้เวลาจัดการแค่ไม่กี่นาทีก็เรียบร้อยแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินโยวหรานก็รีบร้องขึ้นด้วยความดีใจ “จริงเหรอคะ ขอบคุณ ขอบคุณนะคะประธานกู้ คุณนี่เยี่ยมที่สุดเลย หลินเช่อ พอกลับถึงบ้านแล้วช่วยขอบคุณสามีของเธอแทนฉันให้เต็มที่ด้วยล่ะ”
เวลาตื่นเต้นเฉินโยวหรานจะพูดจาไม่ระวังอะไรทั้งสิ้น “นี่ยิ่งมอง พวกคุณสองคนก็ยิ่งเหมาะสมกันนะ ท่านประธานกู้คะ ตั้งแต่หลินเช่ออยู่กับคุณเนี่ย เธอมีเนื้อมีหนังขึ้นเยอะ แล้วก็สวยขึ้นมากด้วย ดูท่าทางเธอจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นๆ ทุกทีเลยนะคะ”
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดเอาใจ แต่กู้จิ้งเจ๋อก็กลับรู้สึกดีที่ได้ยิน เขาหันหน้าไปหาหลินเช่อแล้วก็ได้เห็นผิวพรรณที่ดูดีมีสุขภาพกว่าแต่ก่อนมากของหญิงสาว เมื่อได้คิดว่าตัวเขาเองก็มีส่วนทำให้เธอดูดีขึ้นแบบนี้ ชายหนุ่มจึงรู้สึกว่า การที่หลินเช่อต้องมาอยู่กับเขาก็คงไม่ใช่เรื่องทรมานใจอะไรนัก ความคิดนี้ทำให้กู้จิ้งเจ๋อปลาบปลื้มยินดีอย่างที่สุด