เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 166
กู้จิ้งเจ๋อจับมือเธอโดยไม่พูดว่าอะไร
หลินเช่อตัวแข็ง
แต่เขาก็เพียงแต่จับมือเธอไว้โดยไม่ยอมปล่อย และไม่ได้หันมามองเธอ
แต่กู้จิ้งเจ๋อกำลังมองตรงไปข้างหน้าและพูดว่า “ไปกันเถอะ เราไปดูทางด้านหน้ากันซะหน่อย”
มือของหลินเช่อสั่นเล็กน้อย เธอก้มลงมองมือเขาที่จับมือเธอไว้ อดยิ้มออกมาไม่ได้ หญิงสาวก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นและเดินตามหลังคนตัวใหญ่กว่าไป
หลินเช่อจำได้ถึงตอนที่เธอเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างสมัยยังเป็นนักเรียน
ตอนนั้นเธอเพียงแค่เล่าให้ฟังโดยไม่ได้คิดอะไร และก็ไม่คาดหวังด้วยว่าเขาจะจำสิ่งที่เธอพูดได้
หลินเช่อยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดเมื่อเดินไปพร้อมๆ กับกู้จิ้งเจ๋อ
จนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องลากลับ ทางโรงเรียนก็จัดการใส่ชื่อหลินเช่อเอาไว้ในตำแหน่งสูงสุดของรายชื่อศิษย์เก่าทรงเกียรติ
หลินลี่นั้นโกรธแทบกระอักเมื่อได้เห็นป้ายชื่ออันมหึมาของน้องสาว หนำซ้ำยังต้องมาเห็นหลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋ออยู่ด้วยกันอีกต่างหาก แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลินอวี่แล้ว หลินลี่จึงตัดสินใจที่จะไม่เดินเข้าไปหาคนทั้งคู่
จนกระทั่งกลับถึงบ้าน หญิงสาวจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้หันไฉ่อิงฟังอย่างขุ่นแค้น
“แม่คะ แม่ไม่ได้เห็นว่านังหลินเช่อจอมไร้ค่านั่น ตอนนี้กำลังชูคออวดความสำเร็จของตัวเองขนาดไหน”
หันไฉ่อิงถามด้วยความใคร่รู้ “คราวนี้มันทำอะไรอีกล่ะ”
หลินลี่ว่า “ก็วันนี้ที่งานวันสถาปนาโรงเรียนน่ะสิคะ ตอนแรกเราได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยง หนูเจอหลินเช่อที่นั่น มันพากู้จิ้งเจ๋อมาด้วย แถมยังทำท่ายโสโอหังใหญ่ มันจะต้องรู้แน่เลยค่ะว่าหนูก็ได้รับเชิญไปงานนี้ด้วย มันก็เลยขอให้กู้จิ้งเจ๋อมาร่วมงานนี้พร้อมกับมัน แล้วทีนี้หนูจะทำยังไงดีละคะเนี่ย…”
ในตอนที่กู้จิ้งเจ๋ออยู่ในงานนั้น บรรดาคณะกรรมการโรงเรียนทั้งหลายล้วนแต่ไม่มีใครชายตาดูศิษย์เก่าคนใดทั้งสิ้น และเอาแต่คอยเดินตามกู้จิ้งเจ๋อตลอดทั้งงาน
กู้จิ้งเจ๋อได้แจ้งทางโรงเรียนไปอย่างกะทันหันเพียงสองวันก่อนหน้าว่าเขาต้องการไปร่วมงานนี้และเดินชมโรงเรียน ด้วยเหตุนี้ทางโรงเรียนจึงไม่มีโอกาสได้เตรียมตัวต้อนรับมากนัก แต่ก็พยายามอย่างที่สุดที่จะมีคนมาคอยห้อมล้อมต้อนรับเขาจนเต็มงาน
ด้วยเหตุนี้การเดินทางมาร่วมงานของทั้งหลินลี่และผู้ร่วมงานคนอื่นจึงนับว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะมีบทบาทเพียงแค่มาช่วยทำให้งานดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยแขกเหรื่อเท่านั้น และนั่นทำให้หลินลี่หัวเสียเป็นที่ยิ่ง
หันไฉ่อิงนึกถึงเหตุการณ์อับอายขายหน้าที่หลินอวี่ได้รับจากการไปเยือนคฤหาสน์ตระกูลกู้แล้วก็ยังอดแค้นใจไม่ได้
“นังหลินเช่อนี่นะ หน็อยแน่ ไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องพบจุดจบแน่ จบไม่สวยด้วย”
หลินเช่อกลับถึงบ้าน และวันต่อมาเธอก็ต้องไปที่บริษัทเพื่อถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่
ในตอนแรกทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปด้วยดี เนื่องจากอวี๋หมินหมิ่นเกรงว่าจะมีเหตุเกิดขึ้น เธอจึงคอยเฝ้าดูอยู่ด้านข้างอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้โม่ฮุ่ยหลิงเล่นตุกติกอะไรได้
แน่นอนว่าเมื่อตกบ่าย โม่ฮุ่ยหลิงก็เดินทางมาถึง แต่หญิงสาวก็เพียงแต่ยืนดูอยู่เงียบๆ จากอีกฝั่งหนึ่งของกองถ่ายทำนั้น นอกจากทักทายแล้ว โม่ฮุ่ยหลิงก็ไม่ได้เข้ามาพูดคุยอะไรด้วยอีกเลย
จนกระทั่งเมื่อถ่ายทำเสร็จแล้วนั่นแหละ หล่อนจึงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “ฉันเห็นท่าทางเธอดูไม่ค่อยดีเลยนะจ๊ะวันนี้ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมถึงดูอารมณ์ไม่ดีนักล่ะ”
เป็นความจริงที่ว่า อารมณ์ของหลินเช่อเริ่มไม่เบิกบานนักเมื่อเห็นโม่ฮุ่ยหลิง แต่ความจริงแล้วเธอยังปรับอารมณ์ไม่ค่อยได้เพียงเพราะว่านี่เป็นวันแรกของการถ่ายทำเท่านั้น หลินเช่อยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับจังหวะการทำงานของผู้กำกับสักเท่าไหร่ การถ่ายโฆษณาเป็นงานที่ต่างจากการถ่ายซีรีส์โทรทัศน์อย่างมาก และเธอยังต้องการเวลาที่จะปรับตัวอีกสักหน่อย
แต่โม่ฮุ่ยหลิงไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอเพียงแต่นึกอย่างเยาะหยันว่าหากปราศจากการสนับสนุนของกู้จิ้งเจ๋อแล้ว หลินเช่อก็ไม่ใช่นักแสดงที่มีความสามารถอะไรเลยสักนิด
หลินเช่อดูไร้เสน่ห์ รูปร่างหน้าตาก็งั้นๆ หนำซ้ำบุคลิกภาพยังจืดชืดไม่น่าสนใจอีกต่างหาก
แต่ถึงกระนั้น ในฉากหน้า โม่ฮุ่ยหลิงก็ยังแสดงท่าทีเป็นมิตรเมื่อบอกว่า “หลินเช่อจ๊ะ ถ้ามีอะไรทำให้เธอไม่สบายใจละก็ บอกฉันได้เลยนะจ๊ะ”
หลินเช่อตอบว่า “ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะคุณโม่ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ”
หลังเสร็จจากการถ่ายทำ หลินเช่อก็เตรียมตัวกลับบ้านทันที
เมื่อเห็นหลินเช่อคล้อยหลังไป สีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรของโม่ฮุ่ยหลิงในตอนแรกก็เปลี่ยนไปทันที เธอเดินเข้าไปหาผู้กำกับและพูดว่า “เรามีปัญหาซะแล้วละ บุคลิกของหลินเช่อดูจะธรรมดาไปหน่อย เรายอมให้เธอมาถ่ายโฆษณานี้เพราะคนรู้จักของเราอยากจะช่วยเธอ แต่ดูเหมือนว่าเราจะมีปัญหาเสียแล้ว”
ผู้กำกับซึ่งไม่ได้รู้ถึงความบาดหมางระหว่างหญิงสาวทั้งสอง เมื่อได้ยินโม่ฮุ่ยหลิงพูดเช่นนั้น เขาจึงคิดว่าโม่ฮุ่ยหลิงมาช่วยออกตัวให้หลินเช่ออย่างสุภาพ เขาจึงตอบกลับไปอย่างจริงใจว่า “ไม่เลยนะครับ ในบรรดาดาราผู้หญิงทั้งหลายนี่ ทักษะการแสดงของหลินเช่ออยู่ในขั้นดีมากทีเดียว อีกอย่างบุคลิกภาพเธอก็ดีมากด้วยเหมือนกัน อิมเมจก็เหมาะกับสินค้าของเรา ยิ่งพอจับแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วยิ่งดูแตกต่างไปจากเดิมมาก เธอไม่เหมือนพวกเน็ตไอดอลทั้งหลายที่หน้าตาเหมือนๆ กันไปหมด แล้วก็ยังให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นอย่างดีทีเดียว อิมเมจของเธอเหมาะกับผลิตภัณฑ์ของเราอย่างมาก อีกอย่าง คอมเมนต์ที่พูดถึงเธอในอินเทอร์เน็ตก็ดีมากด้วยเหมือนกัน สบายใจได้ครับคุณโม่ คนที่คุณแนะนำมานี่เหมาะสมมากเลยทีเดียวละ”
โม่ฮุ่ยหลิงไม่ได้อยากจะฟังคำชื่นชมเหล่านี้เลยสักนิด
เมื่อได้ยินแล้ว เธอจึงยิ่งไม่สบอารมณ์หนักขึ้นไปอีก
นังหลินเช่อนี่เสแสร้งแสดงเก่งนักนะ เพราะแบบนี้ไงล่ะคนอื่นถึงไม่ได้รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของหล่อน ก็เพราะหล่อนแสดงเก่งนี่แหละ
เมื่อหลินเช่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็นั่งลงและเริ่มอ่านบท เธอรู้ดีว่าวันนี้กู้จิ้งเจ๋อยังคงยุ่งกับงาน และคิดว่าเขาน่าจะกลับบ้านมืดหน่อย
ในขณะที่ถ่ายโฆษณานั้น เธอก็ต้องคอยติดตามตารางการถ่ายทำของซีรีส์โทรทัศน์ที่กำลังถ่ายอยู่ด้วยไปพร้อมกัน ทำให้หลินเช่อเองก็มีงานยุ่งไม่น้อย
ขณะที่เธอกำลังจะหยิบบทออกมาอ่านนั้นเอง สาวใช้ก็เดินเข้ามารายงานว่า “คุณผู้หญิงคะ คุณโม่รออยู่ด้านนอก บอกว่าอยากจะเข้ามาพบคุณค่ะ”
“อะไรนะ”
“โทรศัพท์อยู่นี่ค่ะ คุณอยากคุยหรือเปล่าคะ”
หลินเช่อมองโทรศัพท์ในมือสาวใช้ มันเชื่อมต่อกับจุดรักษาความปลอดภัยที่อยู่ตรงทางเข้าของคฤหาสน์
สาวใช้อุตส่าห์เอาโทรศัพท์มายื่นให้ขนาดนี้แล้ว เธอจะปฏิเสธก็ดูจะกระไรอยู่ ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
อันที่จริงกู้จิ้งเจ๋อได้พยายามจัดการทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้โม่ฮุ่ยหลิงเข้ามาที่นี่และสร้างปัญหาให้หลินเช่ออีก เขากำลังหน่วยรักษาความปลอดภัยเอาไว้แล้วว่า ไม่อนุญาตให้โม่ฮุ่ยหลิงเข้ามาข้างในได้ต่อให้เธอมาถึงหน้าบ้านแล้วก็ตามที
เขายกย่องหลินเช่ออย่างดีที่สุด
หญิงสาวยกโทรศัพท์ขึ้นแล้วก็ได้ยินเสียงโม่ฮุ่ยหลิงดังขึ้นว่า [หลินเช่อ ฉันมีเรื่องอยากพูดกับเธอเรื่องงานถ่ายโฆษณาหน่อยน่ะจ้ะ ให้ฉันเข้าไปหน่อยสิ]
“งานโฆษณาหรือคะ เรื่องนี้…เอาไว้ค่อยพูดกันที่กองถ่ายไม่ได้หรือคะ”
[เธอจะมีเวลาเหรอจ๊ะ ก็ในเมื่อเธอต้องถ่ายซีรีส์โทรทัศน์ด้วยนี่ มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าเราจะรีบถ่ายโฆษณานี่ให้เสร็จกันโดยเร็วที่สุดน่ะ ทำไมจ๊ะ เธอไม่อยากให้ฉันเข้าไปในบ้านเหรอ]
หลินเช่อไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ ถึงอย่างไรโม่ฮุ่ยหลิงก็เคยเป็นคนของกู้จิ้งเจ๋อ
หลินเช่อไม่อยากเข้าไปเป็นคนคั่นกลางระหว่างทั้งสอง ด้วยเหตุนี้เมื่อโม่ฮุ่ยหลิงยืนกรานที่จะเข้ามา เธอก็ควรที่จะได้เข้ามา เอาไว้กู้จิ้งเจ๋อกลับมาแล้ว จะจัดการยังไงก็เป็นเรื่องของเขาก็แล้วกัน
เมื่อได้รับอนุญาต โม่ฮุ่ยหลิงก็ตรงเข้ามาด้านในคฤหาสน์ทันที
เธอได้เห็นว่าคฤหาสน์แห่งนี้ยังคงดูเหมือนเดิมอย่างแต่ก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ดูจะมีบางอย่างเปลี่ยนไปด้วย
หญิงสาวคิดอย่างเจ็บแค้นใจว่าบ้านหลังนี้เคยเป็นของเธอ และไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องกลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
เธอแค่ยอมให้นังหลินเช่อนั่งมาอยู่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ
อีกไม่นาน เธอก็จะแย่งมันกลับมาได้
เมื่อเห็นหลินเช่อ โม่ฮุ่ยหลิงก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นกระตือรือร้นยินดีและเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้ตอนถ่ายทำ ฉันเห็นเธอดูจะใจลอยนิดหน่อยน่ะจ้ะ ก็เลยอยากจะมาช่วยดูและพูดกับเธอ เธอควรจะอ่านบทแล้วก็ซักซ้อมให้ดีนะจ๊ะ ถ้าเธอซ้อมให้มากกว่านี้ พรุ่งนี้ถ่ายกันแค่ไม่กี่เทคก็คงจะเสร็จ แบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ”
ขณะที่เธอมองหลินเช่อรับบทไปจากมือเธอ โม่ฮุ่ยหลิงก็เหลียวมองไปด้านนอก พลางนึกสงสัยว่าทำไมกู้จิ้งเจ๋อถึงยังไม่กลับมาอีก
โชคดีที่เพียงหลังจากนั้นไม่นาน กู้จิ้งเจ๋อก็กลับมาถึงบ้าน
เมื่อเดินเข้าบ้านมา สาวใช้ก็รีบเข้าไปรายงานว่าโม่ฮุ่ยหลิงมาที่บ้าน
ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเข้าไปโดยเร็ว และเมื่อเขาเข้าไปข้างใน เขาก็ได้เห็นโม่ฮุ่ยหลิงที่นั่น
เมื่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อ หญิงสาวก็ผุดลุกขึ้นทันที เธอมองมาทางชายหนุ่มด้วยดวงตาเป็นประกาย และขยับเท้าก้าวเข้าไปหา
หลินเช่อเองก็ทำท่าจะลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นโม่ฮุ่ยหลิงชิงเดินเข้าไปหาเขาเสียก่อน เธอจึงชะงักอยู่กับที่ แต่เมื่อกู้จิ้งเจ๋อมองข้ามศีรษะโม่ฮุ่ยหลิงมาหาเธอที่อีกฟากหนึ่งของห้อง หลินเช่อก็ต้องยิ้มออกมา
เธอไม่อยากจะเป็นตัวการสร้างปัญหาระหว่างคนทั้งคู่ นั่นคือหลักการสำคัญที่เธอยึดมั่นอย่างมาก
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วทำไมเธอถึงอดรู้สึกปวดใจนิดๆ ไม่ได้เมื่อได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อและโม่ฮุ่ยหลิงอยู่ด้วยกันแบบนี้ล่ะ